- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 15 March 2018 18:04
- Hits: 3247
บล.โกลเบล็ก : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market Summary 14/03/2018
Market Summary 14/03/2018
Close 1,813.40 Volume Bt78222M
Change 3.50 P/E 18.66
%Change 0.19% P/BV 2.11
Change 3.50 P/E 18.66
%Change 0.19% P/BV 2.11
หุ้นแนะนำพิเศษ
HMPRO (ราคาปิด 14.60 Bloomberg Consensus 14.81)
ปี 60 มีกำไรสุทธิ 4,886.39 ล้านบาท +18%YoY เนื่องจากรายได้รวม +5% เป็น 6.4 หมื่นล้านบาท CAGR 5 ปี เท่ากับ 8.4% รายได้ในการให้เช่าพื้นที่ +4% อัตรากำไรขั้นต้น 26.45% ดีขึ้นจาก 25.5% ในปีก่อน เนื่องจากการปรับเปลี่ยนส่วนผสมสินค้า house brand ปรับเพิ่มเป็น 19% จาก 18% รวมถึงธุรกิจเมกาโฮม และโฮมโปรที่ประเทศมาเลเซียมีอัตรากำไรดีขึ้นจากการได้ผลประโยชน์จากการประหยัดต่อขนาด (economies of scale) มากขึ้น
ปี 61รายได้ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากแผนเปิดสาขาใหม่ 1-2 สาขา โฮมโปรขนาดเล็ก 8 สาขา ส่วนแผนเปิดเมกาโฮมและสาขาในต่างประเทศขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน คาดปลายปีนี้มีโฮมโปร 83 สาขา โฮมโปรขนาดเล็ก 11 สาขา เมกาโฮม 12 สาขา สาขาในมาเลเซีย 6 สาขา
ความเห็น เรามีมุมมองเชิงบวกต่อปัจจัยพื้นฐานของ HMPRO การที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับดีขึ้นมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วสนับสนุน SSSG เติบโตต่อเนื่อง Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 61 ราว 5.57 พันล้านบาท +14% ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ PER 39 เท่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ระดับ 36 เท่า แนะนำ ทยอยซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว
Market View : กังวลสงครามการค้า
หุ้นแนะนำพิเศษ : HMPRO
หุ้นมีข่าว : HARN CK KTB
Technical Insight : FSMART ADB
ภาวะตลาดหุ้นไทยวานนี้ฟื้นตัวในกรอบอย่างค่อยเป็นค่อยไป ท่ามกลางตลาดหุ้นทั่วโลกที่อ่อนตัวจากความกังวลต่อการเปลี่ยนแปลงของรัฐบาลสหรัฐในช่วงนี้ที่อาจส่งผลต่อนโยบายต่างประเทศ และราคาน้ำมันอ่อนตัว แต่ยังมีปัจจัยบวกในประเทศจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ โดยรวม SET Index หนุนโดยกลุ่ม FOOD COM ส่วน HELTH BANK มาหักล้างบางส่วน ส่งผลให้ SET Index ปิดที่ 1,813.40 จุด (+3.50 จุด) Volume 7.82 หมื่นลบ.โดย Foreign Net +3,998.78 ลบ. TFEX Net +6,635 สัญญา ตราสารหนี้ +4,946.48 ลบ.
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย
+น้ำมันดิบปิดบวกหลัง EIA เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินปรับตัวลดลงมากกว่าคาด
+ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) สหรัฐปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนก.พ.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนม.ค.
-ดาวโจนส์ปิดร่วงลงเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากมีรายงานว่ารัฐบาลสหรัฐเตรียมเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าเทคโนโลยีสารสนเทศ, โทรคมนาคม และสินค้าเพื่อผู้บริโภคจากจีน
-ยอดค้าปลีกสหรัฐร่วงลงเป็นเดือนที่ 3 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2555
-ยูโรสแตท เปิดเผยว่า การผลิตในภาคอุตสาหกรรมของยูโรโซนร่วงลง 1.0% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายเดือน แต่ดีดตัวขึ้น 2.7% เมื่อเทียบรายปี
+/- Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD ขาย 5.2 หมื่นล้านบาท ขณะที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นสู่ 31.12 บาท/USD
ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ได้รับปัจจัยลบจากความกังวลสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับล ง ตัวเลขศก.สหรัฐที่แผ่วลง และ Fund Flow ผันผวน โดยมีปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น ดังนั้น คาด SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,800-1,820 จุด
กลยุทธ์การลงทุน เก็งกำไรกลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน
- CPF GFPT จีนรับรองมาตรฐานโรงงานผลิตไก่ไทย
- ERW ได้ประโยชน์จากการส่งเสริมท่องเที่ยวเมืองรองและนักท่องเที่ยวจีน
- หุ้นปันผลเด่น ASEFA BAFS CPT CRD FTE GLOW KKP NYT SIS SPRC TISCO QH PDI PATO BR PL AIT TKS AP KIAT SPRC
- BEC เรตติ้งรวมปรับขึ้นยกแผงช่วง prime time ขายโฆษณาขยับเป็น 100% จากเดิม 85% อัตรานาทีละ 480,000 บาท
- หุ้นที่ควรหลีกเลี่ยง กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์จากค่าเงินบาทแข็งค่าสู่ 31.12 บาท/$ (ต้นปี 17 อยู่ที่ 34 บาท/$) และราคาทองแดงทรงตัวในระดับสูง 6,924 $/Ton(ต้นปี 17 อยู่ที่ 5,600 $/Ton)
หุ้นมีข่าว
HARN (ราคาปิด 3.06 บาท ซื้อ ราคาเหมาะสม 4.2 บาท) ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้เติบโต 10 - 12%YoY โดยสัดส่วนรายได้จะมาจากอุปกรณ์และระบบดับเพลิง 45% ระบบทำความเย็น 23% การพิมพ์สามมิติด้านการแพทย์และชีวภาพ 23% และระบบปรับอากาศและระบบสุขาภิบาล 9% Backlog ปัจจุบันอยู่ที่ 380.9 ล้านบาท และอยู่ระหว่างรับงานเพิ่ม 60 - 70 ล้านบาท ปีนี้ตั้งงบลงทุนที่ 120 ล้านบาท แบ่งป็นสร้างคลังสินค้า 80 ล้านบาท ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรเพื่อเข้าร่วมลงทุนหรือเข้าซื้อกิจการในธุรกิจที่จะเข้ามาต่อยอดธุรกิจดิจิทัลพริ้นติ้งและธุรกิจระบบปรับอากาศ (ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น)
ฝ่ายวิจัยคาดว่ากลุ่มสินค้าที่จะสร้างการเติบโตหลักทั้งรายได้และกำไร น่าจะมาจากการพิมพ์ ซึ่งมีทั้งส่วนเครื่องพิมพ์ดิจิตอล และสามมิติที่บริษัทมุ่งเน้นเจาะกลุ่มการแพทย์ เนื่องจากเป็นกลุ่มลูกค้าใหม่ที่บริษัทได้มีการตั้งแผนกแยกออกมาเพื่อให้บริการโดยเฉพาะซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงสุดที่กว่า 44.4% เทียบกับค่าเฉลี่ยที่ 34% นอกจากนี้ Backlog ปัจจุบัน คิดเป็นสัดส่วนต่อประมาณการแล้วราว 27% และค่าเงินที่ยังแข็งค่า YoY น่าจะหนุนอัตรากำไรขั้นต้นทรงตัวระดับสูงได้ จึงยังคาด HARN จะมีกำไรสุทธิเติบโตไม่ต่ำกว่า 10%YoY อีกทั้งสถานะทางการเงินดีเยี่ยมด้วย D/E Ratio เพียง 0.2 เท่า คงคำแนะนำ "ซื้อ"
ประเด็นบวกรับเหมา คมนาคม เล็งนำโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม มูลค่า 8.5 หมื่นล้านบาท เข้าครม.ภายในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนนี้ ส่วนโครงการรถไฟทางคู่ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ คาดเข้าเดือนเมษายน ด้านรฟท.ชงโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน มูลค่า 2 แสนล้านบาท เข้าวันที่ 20 มีนาคมนี้ และโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 ในส.ค.นี้ คาดรู้ผลพ.ย.61
ความเห็น เรายังชอบ CK มากกว่า STEC แม้ว่าการรับรู้รายได้ของบริษัทมีแนวโน้มอ่อนตัวลงจากปีก่อนเนื่องจากการเข้าพื้นที่ก่อสร้างได้ล่าช้าซึ่งคาดว่ากระทบต่อผลประกอบการไม่มากนัก ขณะที่ STEC ถูกกดดันจากการตั้งค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างเพิ่มขึ้นทำให้กดดันอัตรากำไรขั้นต้นปี 61
KTB (ราคาปิด 19.90 Bloomberg Consensus 21.20) ผู้บริหารเปิดเผยว่าเงินที่ได้จาก AQ จะบันทึกกำไรขายที่ดินทันทีไม่มีนำกลับไปตั้งสำรองอีก เนื่องจากธนาคารได้มีการตั้งสำรองหนี้เสียกรณี AQ ไว้หมดเรียบร้อยแล้ว ทำให้ไม่มีภาระในเรื่องดังกล่าว ส่วนเม็ดเงินกำไรจะเป็นเท่าใดต้องรอให้ผลการขายทอดตลาดที่ดิน 4.3 พันไร่ออกมาก่อน (ที่มา ข่าวหุ้น)
นักวิเคราะห์ 02-672-5999 ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
วิลาสินี บุญมาสูงทรง ext.5937 ระพีพัฒน์ ด่านไพบูลย์
ณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ext.5936 สรรพกัณฑ์ ปัทมบริสุทธิ์
ธนวินท์ พิเชษฐศิริพร ext.5940 ทศพล วิไลประภากร
OO6524
วิลาสินี บุญมาสูงทรง ext.5937 ระพีพัฒน์ ด่านไพบูลย์
ณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ext.5936 สรรพกัณฑ์ ปัทมบริสุทธิ์
ธนวินท์ พิเชษฐศิริพร ext.5940 ทศพล วิไลประภากร
OO6524