- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 04 September 2014 16:52
- Hits: 2358
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“เลือกซื้อตามค่าบวก”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : DCC (จากถือเป็นซื้อ)
ภาพตลาดวันก่อน : พุ่งขึ้นทำ New High เมื่อวานนี้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับขึ้น 14.67 จุด มาปิดที่ 1583.27 ซึ่งเป็นระดับเกือบสูงสุดของวัน โดยมีหุ้นกลุ่มแบงค์ และพลังงาน เป็นกำลังหนุนสำคัญ ปัจจัยกระตุ้น คือ ความคาดหวังว่าจะยังมี Fund Flow เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยต่อ ด้วยแนวโน้มเศรษฐกิจที่จะพลิกฟื้นดีขึ้นใน 4Q57 โดยเฉพาะในกลุ่มที่เกี่ยวกับการอุปโภค บริโภค และท่องเที่ยว นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิอีก 1.86 พันล้านบาทพอร์ตบล.ซื้อสุทธิ 524 ล้านบาท สถาบันในประเทศขายสุทธิเล็กน้อย ส่วนรายย่อยขายสุทธิ 2.28 พันล้านบาท
ปัจจัยและกลยุทธ์ : ปัจจัยหนุนการลงทุนในตลาดหุ้นไทยหลัก ยังคงเป็นเรื่องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและกำไรบจ. ซึ่งล่าสุดมีข่าวว่าจะมียกเลิกการใช้กฎอัยการศึกในบางพื้นที่ท่องเที่ยว เพื่อให้ไตรมาส 4 นี้เป็น High season อย่างแท้จริง ซึ่งเป็นบวกกับกลุ่มอาหาร, โรงแรม, สายการบิน เป็นต้นนอกจากนั้นในวันที่ 9 ก.ย.ทางบอร์ด BOI จะมีการพิจารณาอนุมัติส่งเสริมโครงการลงทุนเพิ่มเติม ซึ่งคาดว่าจะอนุมัติ 10 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนราว 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นข่าวดีกับกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง, วัสดุก่อสร้าง, ธนาคารพาณิชย์, นิคมอุตสาหกรรม & ให้เช่าโรงงาน & คลังสินค้า ส่วนในต่างประเทศ จับตาผลประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินยุโรปวันนี้ ซึ่งมีทั้งกระแสที่คาดการณ์ว่าจะออกมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติม และไม่มีการออกมาตรการเพิ่มในรอบนี้ แล้วค่อยไปพิจารณาอีกครั้งในการประชุมรอบหน้า (ประชุมทุก 6 สัปดาห์) สำหรับหุ้นพื้นฐานแนะนำซื้อวันนี้เป็น ERW
กลยุทธ์ทางเทคนิค : ซื้อใหม่เน้นซื้อตามค่าบวก ค่าลบหรือการอ่อนตัวที่ต่ำกว่า 1560 จุด ควรชะลอการเก็งกำไร/ลดพอร์ตตามในกรณีที่มีหุ้นมากเหลือเงินสดอยู่น้อย เพราะดัชนีมีโอกาสอ่อนไปยัง 1550, 1520 จุดหรือต่ำกว่า ส่วนการปรับขึ้นต่อมีแนวต้านระยะสั้น 1590-1600 จุด สำหรับหุ้นที่คาดว่าราคามีโอกาสทำ New High เมื่อพิจารณาจากสัญญาณทางเทคนิค คือ HMPRO, THREL, VGI, DELTA, CGD, SITHAI, MFEC, RATCH,GLOW, TMB, SRICHA, UV, EGCO, LANNA, BMCL, CTW, KAMART, AAV (สีน้ำเงิน คือ หุ้นที่เข้ามาใหม่ใน List) ส่วนหุ้นที่แนะนำและปรับขึ้นมาอยู่ในพื้นที่น่า Take Profit (สำหรับการลงทุนรอบสั้น) คือ TPIPL, SCP, STPI, IRCP
Fundamental Pick
ERW แนะนำซื้อเก็งกำไรราคาปิด 5.25 บาท เป้าหมาย 5.80 บาท*(* Consensus)
* คาดว่าธุรกิจได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วใน 2Q57 โดยใน 1H57 บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 80 ล้านบาท แต่คาดว่าผลประกอบการจะพลิกฟื้นดีขึ้นใน 2H57 ภายหลังจากปัญหาการเมืองคลี่คลายความเชื่อมั่นผู้บริโภคกลับคืนมา และมีมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐเข้ามาช่วย รวมถึงปัจจัยด้านฤดูกาลช่วยหนุนธุรกิจในไตรมาส 4 ด้วย ในเบื้องต้นประมาณการว่าบริษัทจะสามารถทำกำไรเป็นบวกได้ใน 4Q57 และเติบโตก้าวกระโดดเป็นประมาณ 350 ล้านบาท (EPS : 0.14บาท) ในปี 58 บริษัทเดินหน้าเปิดโรงแรมใหม่ตามแผน โดยได้เปิด Holiday Inn Extension ไปแล้ว และได้รับการตอบรับที่ดี โดยมีอัตราการเข้าพักเกินกว่า 70% และจะเปิดโรงแรมใหม่อีก 8แห่ง ซึ่งจะทำให้บริษัทมีโรงแรมในเครือทั้งหมด 28 แห่ง ส่วนปี 58 มีแผนจะเปิด Hop Inn 15แห่ง นับว่า ERW เป็นหุ้น Turnaround หนึ่งที่น่าสนใจ แนะนำซื้อเก็งกำไร
ปัจจัยต่างประเทศและโภคภัณฑ์
+ สหรัฐ : เศรษฐกิจยังขยายตัวต่อไปได้ดี * รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของเฟดทั้ง 12 เขตหรือ Beige Book ระบุว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐขยายตัวขึ้นนับตั้งแต่ที่เฟดเปิดเผยรายงานครั้งก่อนเมื่อวันที่ 16 ก.ค.57 ขณะที่แนวโน้มตลาดแรงงาน ค่าแรงงาน และราคาผู้บริโภคยังคงทรงตัว
* ยอดสั่งซื้อสินค้าที่ผลิตในโรงงานสหรัฐปรับตัวขึ้น 10.5% ในเดือนก.ค. ซึ่งใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 11.0% ขณะที่ยอดสั่งซื้อเดือนมิ.ย.ถูกปรับทบทวนเป็นเพิ่มขึ้น 1.5% จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้นเพียง 1.1%
* เฟดทยอยลดการเข้าซื้อพันธบัตรตามโครงการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะยุติโคราการ QE ใน 4Q57 นี้
+ จีน : ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนส.ค.57ปรับขึ้นดี...ความกังวลเรื่องเศรษฐกิจชะลอตัวผ่อนคลายลง
* สหพันธ์พลาธิการและการจัดซื้อของจีน (CFLP) เปิดเผยว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของจีนในเดือนส.ค.57 เพิ่มขึ้นเป็น 54.4 จาก 54.2 ในเดือนก.ค.
* เอชเอสบีซี โฮลดิงส์ได้รายงานว่าดัชนี PMI ภาคบริการของจีนในเดือนส.ค.57 เพิ่มขึ้นแตะ54.1 จาก 50.0 ในเดือนก.ค.
-/• ยูโรโซน : ดัชนี PMI ภาคบริการขยายตัวลดลงในเดือนส.ค.57
* ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของยูโรโซนในเดือนส.ค.ลดลงสู่ระดับ 53.1 จาก54.2 ในเดือนก.ค. และต่ำกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ 53.5 อย่างไรก็ตาม ดัชนีอยู่สูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ายังมีการขยายตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า
* หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของมาร์กิตกล่าวว่า ข้อมูล PMI ล่าสุดบ่งชี้ว่าเศรษกิจยูโรโซนมีแนวโน้มจะขยายตัวระลอกใหม่ในช่วงไตรมาส 3/57 แต่อาจจำกัดจากสถานการณ์ความตึงเครียดในยูเครนที่กำลังส่งผลกระทบอย่างชัดเจนต่อความเชื่อมั่น ทำให้การใช้จ่ายและการลงทุนทางธุรกิจอยู่ในภาวะซบเซา
• ยูเครน & รัสเซีย : สถานการณ์ความตึงเครียดลดลง
* นายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซีย ให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุแห่งหนึ่งของรัสเซียว่า มุมมองของผู้นำรัสเซียและยูเครนเกี่ยวกับหนทางที่เป็นไปได้ในการคลี่คลายวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น "สอดคล้องกันอย่างมาก" ขณะที่นายมิโรสลาฟ รูเดนโก ผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันตนเองแห่งสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์ในภาคตะวันออกของยูเครนเปิดเผยว่า ทางกลุ่มเปิดกว้างสำหรับการคลี่คลายวิกฤตการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นด้วยวิธีทางการเมือง
• ตลาดหุ้นสหรัฐ : แกว่งตัว
* ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,078.28 จุด เพิ่มขึ้น 10.72 จุด หรือ +0.06% ดัชนีNASDAQ ปิดที่ 4,572.57 จุด ลดลง 25.62 จุด หรือ -0.56% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,000.72 จุดลดลง 1.56 จุด หรือ -0.08% นักลงทุนคาดหวังว่าสถานการณ์ยูเครนจะคลี่คลายลงหลังจากที่ประธานาธิบดีของรัสเซียและยูเครนได้หารือถึงขั้นตอนต่างๆ อันจะนำไปสู่การหยุดยิงในภาคตะวันออกของยูเครน อย่างไรก็ตาม ดัชนี NASDAQ ปิดในแดนลบ หลังจากหุ้น Apple ร่วงลง4.22% ซึ่งเป็นการร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.57 ภายหลังจากบริษัทซัมซุง ซึ่งเป็นคู่แข่งรายใหญ่ประกาศเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ 2 รุ่น นอกจากนี้ Apple ยังได้รับแรงกดดันจากกระแสข่าวในด้านลบเกี่ยวกับภาพหลุดของบรรดาคนดังจาก iCloud ด้วย
+ สัญญาน้ำมันดิบ : ปรับขึ้นแรง ตอบรับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่ง
* สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 2.66 ดอลลาร์ ปิดที่ 95.54 ดอลลาร์/บาร์เรลส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 2.43ดอลลาร์ ปิดที่ 102.77 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยเป็นการตอบรับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาแข็งแกร่ง
+ สัญญาทองคำ COMEX : รีบาวด์หลังร่วงแรง
* สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 5.3ดอลลาร์ หรือ 0.42% ปิดที่ 1,270.3 ดอลลาร์/ออนซ์ ปัจจัยหนุนราคาทองคำให้รีบาวด์ คือ การที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ออกมาเปิดเผยว่ารัสเซียจะบรรลุข้อตกลงเพื่อยุติการสู้รบในยูเครนภายในเวลา 1 สัปดาห์ แต่ยูเครนได้ออกมาปฏิเสธแถลงการณ์ดังกล่าว
ปัจจัยในประเทศ
• คสช.หนุนให้เพิ่มความผิดปั่นหุ้น & ซื้อขายไม่เป็นธรรม โดยให้หยุดซื้อขาย 5 ปี ส่วนการเก็บภาษีกำไรจากการลงทุนในหุ้นให้พิจารณาอย่างรอบคอบ
* ก.ล.ต.เปิดเผยว่าทางคสช.สนับสนุนร่างแก้ไขพ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ให้อำนาจ
หากพบความผิด "ปั่นหุ้น-ซื้อขายไม่เป็นธรรม" สั่งผู้กระทำความผิดหยุดซื้อขายนาน 5 ปี พร้อม
เพิ่มโทษสั่งเปรียบเทียบปรับ ทั้งนี้เพื่อช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น สำหรับปัญหาที่พบ
ในช่วงที่ผ่านมาซึ่งทำให้เอาผิดกับผู้ปั่นหุ้นไม่ได้ คือ การดำเนินคดีใช้เวลานาน, ความสำเร็จใน
การดำเนินคดีน้อย และการดำเนินคดีซับซ้อน สำหรับเรื่องการเก็บภาษีกำไรจากการลงทุนใน
ตลาดหุ้น ทางผู้บริหารบล.หลายแห่งเตือนให้คำนึงถึงผลกระทบเรื่องความเชื่อมั่นด้วย
+ กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับท่องเที่ยว : ลุ้นจะมีการยกเลิกกฎอัยการศึกในพื้นที่ท่องเที่ยว หุ้นTop Picks คือ AOT, CENTEL, MINT หุ้นDark Horse เป็น AAV, NOK, ERW
* แม่ทัพภาค 1 เล็งส่งเรื่องให้คสช.พิจารณายกเลิกการใช้กฎอัยการศึกสำหรับบางพื้นที่ท่องเที่ยว ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวด้วยการนำค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวของคนไทยมาลดหย่อนภาษีได้
* ความเห็น DBS Retail Research : หากมีการยกเลิกการใช้กฎอัยการศึกก็จะเป็นบวกกับกลุ่มท่องเที่ยว & โรงแรม & ขนส่ง โดยทำให้นักลงทุนต่างชาติคลายความกังวลและเข้ามาท่องเที่ยวในไทยได้มากขึ้น ซึ่งในไตรมาส 4 เป็น High season ของการท่องเที่ยว นอกจากนั้นการนำค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวของคนไทย & นิติบุคคลไทยมาลดหย่อนภาษีได้ ก็เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นให้มีการท่องเที่ยวมากขึ้น เรามองว่าธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 4 ปีนี้ และขยายตัวได้ดีต่อเนื่องในปี 58 ให้น้ำหนักการลงทุนเป็นOverweight หุ้น Top Picks ในกลุ่มดังกล่าว คือ AOT, CENTEL, MINT ส่วน Dark Horse ในกลุ่มเป็น AAV, NOK, ERW
+ เร่งให้ทำแผนเบิกจ่ายงบประมาณปี 58โดยมีเป้าหมายเบิกจ่ายไม่น้อยกว่า 96%ของทั้งหมด
* สำนักงบประมาณเร่งให้มีการเบิกจ่ายงบประมาณปี 58 โดยให้ส่วนราชการส่งแผนการเบิกจ่ายภายใน 9 ก.ย.นี้ ทั้งนี้ตั้งเป้าหมายการเบิกจ่ายไว้ที่ 96% ของงบประมาณที่ตั้งไว้ และให้เริ่มจัดซื้อจัดจ้างได้ทันทีหลังกฎหมายผ่านการพิจารณาวาระที่ 2-3 ในสภานิติบัญญัติแห่งชาติวันที่ 17 ก.ย.นี้ สำหรับงบประมาณรายจ่ายประจำปี 58 อยู่ที่ 2.575 ล้านล้านบาท
+ คสช.เห็นชอบให้เริ่มแจกคูปองทีวีดิจิตอลรอบแรก 15 ต.ค.นี้ ...แนะนำซื้อ SAMARTและ SIM
* คสช.ได้เห็นชอบให้เริ่มแจกคูปองทีวีดิจิตอลรอบแรกมูลค่าใบละ 690 บาทตั้งแต่ 15 ต.ค.57โดยจะเริ่มแจกจังหวัด 4 โครงข่ายหลักก่อน (23 จังหวัด) แล้วภายในธ.ค.57 จะแจกเพิ่มให้ได้เป็น 11 โครงข่าย (45 จังหวัด) หรือเท่ากับ 11.45 ล้านครัวเรือน หลังจากนั้นจะทยอยแจกคูปองต่อให้ครบทั้ง 77 จังหวัด (22.9 ล้านครัวเรือน) ภายในสิ้นปี 58
* ความเห็น DBS Retail Research : นับเป็นข่าวดีกับผู้ประกอบการที่ทำ Set top box ที่จะเริ่มขายกล่องกันคึกคักขึ้นตั้งแต่ 4Q57 เป็นต้นไป ซึ่งบจ.ที่ดำเนินธุรกิจจำหน่ายกล่อง ได้แก่SIM, SAMART, AJD, IRCP, SVOA, IT เป็นต้น ซึ่งหุ้นที่ DBS ได้มีการประเมินทางปัจจัยพื้นฐานและแนะนำซื้อ คือ SAMART, SIM ส่วน IRCP, SVOA, IT เป็น Not Rated
* สรุปคำแนะนำทางพื้นฐาน เป็นดังนี้
# SAMART (แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 28.50 บาท) : กำไรสุทธิ 1H57 เพิ่ม 14% y-o-y เป็น815 ล้านบาท และคิดเป็นสัดส่วน 47% เทียบกับประมาณการปีนี้ สำหรับปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นปีนี้มาจาก แนวโน้มการเติบโตของการใช้ Smart phone ที่เป็นไปอย่างแข็งแกร่ง และการจำหน่าย Set top box สำหรับใช้ในการรับสัญญาณทีวีดิจิทอล เพื่อรับชม ทั้งนี้เราคาดว่าสัดส่วนการใช้ Smart phone จะเพิ่มไปเป็น 65% ในปี 57 และ 75% เทียบกับทั้งหมด สำหรับปี58 และคาดว่ายอดขายทั้งหมดจะไปถึง 4.1 ล้านหน่วย แม้ว่า 2Q57 ยอดขายในตลาดรวมลดลง 7% y-o-y แต่ SIM กลับขายได้เพิ่ม 28% y-o-y สืบเนื่องจากการเติบโตของกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-ล่างนั่นเอง ด้านมูลค่าตลาดกล่องทีวีดิจิตอลเป็น 13 พันล้านบาท หรือ 19 ล้านกล่อง ส่วน SAMART จะมีรายได้ในส่วนธุรกิจนี้ที่ 3-4 พันล้านบาท ระหว่างปี 57-58 หรือ 25%ของตลาดรวม (ประมาณ 5 ล้านกล่อง) แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 28.50 บาท ซึ่งประเมินด้วยวิธีSOTP (wacc 10.5%, terminal growth 1.5%) เราคาดว่าอัตราการเติบโตกำไร CAGR 3 ปีระหว่างปี 56-59 เฉลี่ยเป็น 21% สะท้อนถึงยอดขายมือถือ และ set top box ที่ดี การได้งานบริการสำหรับโครงการสื่อสารใหม่ๆ รวมถึงโอกาสในการเข้าไปเจาะตลาดใหม่ๆ เช่นที่ประเทศพม่า
# SIM (แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 4.60 บาท) : มีโอกาสที่ SIM จะขายโทรศัพท์สมาร์ทโฟนล็อตใหญ่ประมาณ 5 แสนเครื่อง ให้กับผู้ประกอบการโทรศัพท์มือถือช่วง 2H57 (ปกติบริษัทมียอดขาย 1.1-1.2 แสนเครื่องต่อไตรมาส) เพื่อจัดเคมเปญหนุนให้ลูกค้าย้ายจาก 2G ไปเป็น 3Gซึ่งจะทำให้บริษัทผู้ประกอบการได้ประโยชน์จากการที่จ่ายส่วนแบ่งรายได้น้อยลง ขณะที่ผู้บริโภคก็ได้ประโยชน์จากราคาโทรศัพท์ที่ต่ำลง ทางด้าน SIM ก็จะมียอดขายและกำไรที่เพิ่มขึ้นทั้งนี้ถึงแม้ว่าจะเป็นการขายล็อตใหญ่แต่เชื่อว่าอัตรากำไรสุทธิของการขายโทรศัพท์ล็อตใหญ่จะไม่ต่ำมาก เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการขาย & บริหารต่ำ คาดว่าบริษัทจะทำกำไรได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ใหม่ใน 3Q57 ซึ่งปัจจัยหนุนมาจากยอดขายสมาร์ทโฟนที่เติบโตแข็งแกร่ง ตามพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาใช้โทรศัพท์ประเภทนี้เพิ่มขึ้น และยอดขายดิจิตอล ทีวี โฟนก็ดีขึ้นด้วยหลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลงระบบออกอากาศจากอนาล็อกไปเป็นดิจิตอล และในช่วง 4Q57และปี 58 จะมียอดขายกล่อง Set top box เข้ามาเสริมด้วย คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิปี 57 จะเติบโตได้ 23% และเติบโตต่อ 13% ในปี 58 นับว่าแข็งแกร่งมาก แนะนำซื้อ ให้ราคาเป้าหมาย4.60 บาท เทียบเท่ากับ P/E ปี 58 ที่ 17 เท่า คาดการณ์ Dividend Yield ปี 57-58 เท่ากับ 3.5%และ 4% ตามลำดับ
+ 9 ก.ย.นี้ BOI จะพิจารณาอนุมัติส่งเสริมการลงทุนเพิ่มเติม คาดว่าจะมีมูลค่า 5 หมื่นล้านบาท
* มีกระแสข่าวว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและประธานบอร์ด BOI จะประชุมคณะกรรมการเพื่อพิจารณาส่งเสริมการลงทุนอีก 10 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนประมาณ 5 หมื่นล้านบาทในวันที่ 9 ก.ย.นี้ ทั้งนี้ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันทาง BOI ได้อนุมัติโครงการลงทุนไปแล้วราว 4 แสนล้านบาท และเชื่อว่าจะสามารถอนุมัติโครงการลงทุนได้ 7 แสนล้านบาทตามเป้าหมายที่ตั้งไว้สำหรับปี 57
* ความเห็น DBS Retail Research : นับเป็นบวกกับกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน ทั้งนี้เรายังมีมุมมองที่เป็นบวกกับอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนของภาครัฐและเอกชน เพราะมองว่ามีโอกาสสูงที่จะเติบโตได้ดีในช่วง 5-7 ปีข้างหน้าเมื่อพิจารณาจากแผนการลงทุนในโครงสร้างขั้นพื้นฐานของภาครัฐ และแผนการขยายธุรกิจของภาคเอกชน หุ้นกลุ่มหลักที่โดดเด่น เป็นดังนี้
# กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง : CK, STEC
# กลุ่มวัสดุก่อสร้าง : SCC
# กลุ่มธนาคารพาณิชย์ : BBL, KTB, KBANK
# กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม & ให้เช่าโรงงาน & คลังสินค้า : AMATA, ROJNA, HEMRAJ, WHA
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]