WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

GBXบล.โกลเบล็ก : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 
 
Market View  :  รีบาวด์ตามเพื่อนบ้าน
หุ้นแนะนำพิเศษ  : CK
หุ้นมีข่าว  : PTTEP PTT AGE TRUE ADVANC ITEL
Technical  Insight : TOA  SKY
ภาวะตลาดหุ้นไทยวานนี้
  Sideway Down ท่ามกลางการอ่อนตัวของตลาดหุ้นในภูมิภาคเดียวกัน หลังมีความกังวลเกี่ยวกับสงครามทางการค้าจากแผนการขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม โดย  ENERG PETRO BANK COM กดดันหลัก ส่งผลให้ SET Index ปิดที่ 1,781.64 จุด (-17.42 จุด) Volume 7.15 หมื่นลบ.โดย Foreign Net -1,194.92 ลบ.  TFEX Net -3,911 สัญญา ตราสารหนี้ +2,488.37 ลบ.
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย
  +เฟดเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) ระบุว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐปรับขึ้นในระดับปานกลาง ส่วนตลาดแรงงานยังคงอยู่ในภาวะตึงตัว
  +การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐพุ่งขึ้น 235,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด
  +บอร์ด สสว.อนุมัติงบกว่า 1.2 พันลบ. ส่งเสริม SME สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจตามยุทธศาสตร์ชาติ
  -ดาวโจนส์ปิดลบเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าหัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว ได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งอาจจุดชนวนให้เกิดสงครามการค้าในไม่ช้า
  -น้ำมันดิบปิดร่วงลงหลัง EIA เปิดเผยว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์
  -ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์เตรียมเดินหน้าแผนเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมสัปดาห์นี้ โดยอาจยกเว้นภาษีนำเข้าเหล็กจากเม็กซิโก แคนาดาและบางประเทศ
  -ตัวเลขขาดดุลการค้าสหรัฐพุ่งแตะ 5.66 หมื่นลบ.สูงสุดในรอบกว่า 9 ปี
  +/- Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD ขาย 5.57 หมื่นล้านบาท) ขณะที่เงินบาทแข็งค่าสู่ 31.34 บาท/USD
  **จับตา 8 มี.ค. ประชุม ECB 9 มี.ค. ประชุม BOJ
  **จับตา 8 มี.ค. สนช.ประชุมลงมติร่างพรบ.สส. – สว.
  ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ได้รับปัจจัยหนุนจากตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐระดับปานกลางคลายกังวลเฟดเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่มีปัจจัยกดดันจากราคาน้ำมันปรับลงหนุน sentiment เชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน  ขณะที่ Fund Flow ยังผันผวนเป็นปัจจัยหลักกดดันตลาด ดังนั้นคาด SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,774-1,792 จุด
กลยุทธ์การลงทุน : เก็งกำไรกลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน
CPF GFPT จีนรับรองมาตรฐานโรงงานผลิตไก่ไทย
TVO ราคากากถั่วเหลือง +22%QTD ขณะที่ราคาเมล็ดถั่วเหลืองปรับเพิ่มขึ้นเพียง 11.5%QTD และได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทแข็ง
หุ้นปันผลเด่น ASEFA BAFS CPT CRD FTE GLOW KKP NYT PSH PTTGC SCB SF SIS SMPC SPRC TK TOP WHAUP TISCO QH
หุ้นที่ควรหลีกเลี่ยง กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์จากค่าเงินบาทแข็งค่าสู่ 31.3 บาท/$ (ต้นปี 17 อยู่ที่ 34 บาท/$) และราคาทองแดงทรงตัวในระดับสูง 6,885 $/Ton(ต้นปี 17 อยู่ที่ 5,600 $/Ton)
หุ้นมีข่าว  
(+) “PTTEP-PTT” โล่งไปหนึ่งเปลาะ! รัฐบาลอินโดนีเซียขอถอนฟ้อง กรณีเรียกร้องค่าเสียหายเหตุการณ์มอนทารา 2.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมเปิดทางให้ผู้ประกอบการรายใหม่เข้าซื้อโครงการมอนทาราต่อจากบริษัท (ที่มา ข่าวหุ้น)
ความเห็น ประเด็นการฟ้องร้องดังกล่าวไม่ส่งผลต่อพื้นฐานของบริษัทในระยะสั้นเพราะคาดว่ากระบวนการศาลจะใช้เวลาอีกระยะในการพิจารณา นอกจากนี้ PTTEP ได้ศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ ซึ่งควบคุมโดยหน่วยงานรัฐบาลของประเทศออสเตรเลียว่าคราบน้ำมันที่เกิดจากเหตุการณ์ มอนทาราไม่ได้แพร่เข้าสู่ชายฝั่งของประเทศอินโดนีเซียหรือออสเตรเลีย และไม่มีผลกระทบต่อระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมในระยะยาวในทะเลติมอร์
(+) PTTGC ลงนามสัญญาร่วมทุนกับ Kuraray-Sumitomo ศึกษาการผลิตพลาสติกวิศวกรรมชั้นสูงในไทย
(+/-) AGE (ราคาปัจจุบัน 1.44 บาท ทยอยซื้อสะสม ราคาเหมาะสม 1.90 บาท)
ผู้บริหารเตรียมขยายธุรกิจ Logistic ทางน้ำ โดยการเตรียมรับมอบเรือที่สั่งต่อไว้ 4 ลำ ในช่วง 2Q61 และอีก 10 ลำ ในช่วง 4Q61 จากปัจจุบันที่มีอยู่ 8 ลำ คาดหนุนรายได้จากการบริการเพิ่มขึ้นจาก 2.57% ในปีก่อนหน้า มาอยู่ที่ 5% ยังคงตั้งเป้ารายได้ปี 61 เติบโต 20 - 25% พร้อมกันนี้ ปัจจุบันมีออเดอร์พร้อมส่งมอบถึงช่วง 2Q61 แล้วราว 4 - 5 แสนตัน จากทั้งในและต่างประเทศ
ความเห็น Volume ปี 61 ยังต้องติดตาม จีน และเวียดนามเป็นหลัก จากการเป็นส่วนสำคัญมรการสร้างการเติบโตที่มีเสถียรภาพ แต่เชื่อว่าการขยายเข้าไปในตลาดที่มีการเติบโตด้านถ่านหินสูงในปี 3 - 5 ปี หนุนให้สามารถมีส่วนแบ่งตลาดได้ ขณะที่อาจถูกดันโดน Gross Profit Margin ที่อ่อนตัว ส่วนธุรกิจเรือน่าจะยังทยอย Ramp Up กำลังการให้บริการที่มีต่อไปได้ ด้านราคาหุ้นที่มีการอ่อนตัวลงในช่วงก่อนหน้าอาจเป็นการสะท้อนความกังวลต่อ 1) ความล่าช้าของการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทที่ประเทศจีน และ 2) ผลขาดทุนจากการประกอบการที่ประเทศเวียดนามในช่วงเริ่มต้น อย่างไรก็ตาม บริษัทได้รับคำสั่งซื้อจาก Partner ที่ประเทศจีนแล้ว ด้านเวียดนามคาดคุ้มทุนในงวด 3Q61 เป็นต้นไป โดยรวมจึงยังแนะนำ "ทยอยซื้อสะสม" และติดตามแนวโน้มการฟื้นตัวอย่างใกล้ชิด
กลุ่ม โทรคมนาคม Top Pick TRUE (ราคาปิด 6.45 บาท Bloomberg Consensus 7.13 บาท) : เมื่อวันที่ 7 ก.พ. 61 ที่ผ่านมา กสทช. ชะลอแผนการจัดประมูล USO Net เฟส 2 จำนวน 15,732 หมู่บ้าน เพื่อรอมติของกระทรวง DE อีกครั้ง นอกจากนี้ ยังมีความเห็นชะลอการประกาศหลักเกณฑ์ในการประมูลคลื่นความถี่ 900 และ 1800 Mhz ในราชกิจการนุเบกษาออกไป หลังยังไม่มีความเห็นของคณะกรรมการกฤษฏีกาตอบกลับมา
ทั้งนี้ ประเด็นการชะลอการจัดประมูล USO Net เฟส 2 ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ประชุมบอร์ด DE เห็นชอบให้กระทรวง DE เป็นผู้ดำเนินการแทน กสทช.ตั้งแต่วันที่ 27 ก.พ. 61 อย่างไรก็ตามยังอยู่ระหว่างการนำผลการประชุมบอร์ด DE เข้า ครม.เพื่อสรุปว่ากระทรวง DE จะเป็นผู้ดำเนินการก่อนที่ กสทช.จะปรับจากชะลอเป็นยกเลิกการประมูลอย่างเป็นทางการ
ความเห็น คาดการชะลอ USO Net เฟส 2 อาจกดดันต่อ ITEL ซึ่งเป็น 1 ในผู้มีคุณสมบัติและความสามารถในการแข่งขัน เพียงบางส่วนเท่านั้น เนื่องจากราคาหุ้นของ ITEL ได้มีการอ่อนตัวจากวันที่ 27 ก.พ. 61 กว่า 4.4% แล้ว โดยแม้ว่าผลของการมติ ครม.จะส่งผลให้มีการยกเลิกการประมูลไปก่อน แต่ล่าสุด ITEL ยังมีการแจก ITEL-W1 (อัตราส่วน 4:1 ใช้สิทธิ์ 1:1 ที่ราคา 5 บาท อายุ 3 ปี) มาประครองราคาหุ้นบางส่วน
ส่วนการชะลอการประมูลคลื่น 900 และ 1800 Mhz โดยรวมน่าจะกดดัน DTAC มากสุดเนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีการตอบรับจากสำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งเป็นหน่วยงานสุดท้ายเพื่อให้การเป็นพันธมิตรกับ TOT บนคลื่น 2300 Mhz สมบูรณ์ แต่ทั้งนี้ อาจหมายความว่าจะส่งผลบวกต่อ ADVANC และ TRUE ในแง่ของโอกาสในการเพิ่มฐานลูกค้าและการแข่งขันที่น่าจะลดความรุนแรงลง แนะนำ “ขาย” DTAC และ “ซื้อเก็งกำไร” ADVANC (BB 213.95 บาท) และ TRUE (BB 7.13 บาท) โดยเลือก Top Pick เป็น True หลังมีกำไรพิเศษอีกก้อนใหญ่จากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุน DIF รอบ 2 ที่มีมูลค่ามากกว่ารอบแรกถึง 2 – 3 เท่า และโอกาสในการพลิกเป็นกำไรปกติในปี 61
หุ้นแนะนำพิเศษ
CK Analyst meeting (ราคาปิด 24.10 Bloomberg Consensus 34.91)
ปี 61 บริษัทคาดรายได้อยู่ที่ราว 3.0-3.5 หมื่นล้านบาท ปรับตัวลง 5%-19% โดยยังคงรับรู้รายได้จากงานก่อสร้างเขื่อนไซยะบุรี และงาน M&E สัญญา 6 จากรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน อย่างไรก็ตามการรับรู้รายได้จากงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มอาจต่ำกว่าที่ประเมินก่อนหน้านี้เนื่องจากเข้าพื้นที่ก่อสร้างได้ล่าช้ากว่าแผน ขณะที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะปรับตัวดีขึ้นสู่ 8% จาก 7.9% ในปี 60 ด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารมีแนวโน้มลดลงราว 320 ล้านบาท(ตั้งสำรองหนี้สูญ 284 ล้านบาทและค่าจ้างที่ปรึกษาอีก 40 ล้านบาท)
คาดปี 61 งานภาครัฐจะเปิดประมูลราว 7.8 แสนล้านบาท โดยคาดว่าจะเปิดประมูลใน 2Q61 ราว 2.8 แสนล้านบาท (ทางด่วนดาวคะนอง-พระราม3 มอเตอร์เวย์ 2 เส้น และรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน) เปิดประมูล 3Q61 ราว 3.6 แสนล้านบนาท (รถไฟทางคู่ 7 เส้นทาง) และเปิดประมูล 4Q61 ราว 1.36 แสนล้านบาท (รถไฟทางคู่ 2 เส้นทาง)
ความเห็น เรามีมุมมอง Neutral ต่อ CK แม้ว่างานประมูลภาครัฐในปี 61 จะมีมากถึง 7.8 แสนล้านบาท แต่การรับรู้รายได้ของบริษัทมีแนวโน้มอ่อนตัวลงจากปีก่อนเนื่องจากการเข้าพื้นที่ก่อสร้างได้ล่าช้า อย่างไรก็ตามเรายังชอบ CK มากกว่า STEC เนื่องจาก STEC ถูกกดดันจากการตั้งค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างเพิ่มขึ้นทำให้กดดันอัตรากำไรขั้นต้นปี 61
นักวิเคราะห์  02-672-5999                 ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
วิลาสินี บุญมาสูงทรง  ext.5937             ระพีพัฒน์ ด่านไพบูลย์
ณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์  ext.5936                    สรรพกัณฑ์ ปัทมบริสุทธิ์
ธนวินท์ พิเชษฐศิริพร  ext.5940              ทศพล วิไลประภากร
OO6207

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!