- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 08 March 2018 17:19
- Hits: 1213
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Defensive Play//Accumulate on Weakness
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ยังคงปรับตัวลงค่อนข้างแรงต่อเนื่องโดยลงไปทดสอบระดับ 1,780 จุดซึ่งแย่กว่าที่เราประเมินเล็กน้อย ตลาดได้รับแรงกดดันจากแรงเทขายในหุ้นขนาดใหญ่โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน นักลงทุนต่างชาติและสถาบันในประเทศเป็นฝ่ายขายสุทธิในตลาดหุ้น 1.8 พันลบ.และ 1.2 พันลบ. ตามลำดับ ขณะที่รายย่อยเป็นฝ่ายซื้อสุทธิ 3.3 พันลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET จะแกว่งตัว Sideways แม้บรรยากาศการลงทุนจะผ่อนคลายลงบ้างหลังมีข่าวว่าแคนาดาและเมกซิโกอาจได้รับยกเว้นภาษนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม แต่ราคาน้ำมันดิบที่ปรับลงกว่า 2% ยังกดดันหุ้นในกลุ่มพลังงาน ขณะที่ปัจจัยในประเทศที่สำคัญและต้องติดตามวันนี้คือการลงมติกฎหมายลูกที่มาสส.และสว. ซึ่งจะมีผลต่อการเลือกตั้ง เราคาดว่าระยะสั้นหุ้นในกลุ่ม Defensive Play น่าจะเป็นแหล่งพักเงินที่ดี อย่างไรก็ตามเราไม่ได้กังวลกับการปรับฐานของตลาดนักเนื่องจากพื้นฐานเศรษฐกิจยังแข็งแกร่ง จึงมองยังเป็นโอกาสในการสะสมหุ้นพื้นฐานขนาดใหญ่
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นในกลุ่ม Defensive//สะสมหุ้นพื้นฐานเพิ่มในช่วงอ่อนตัว
หุ้นเด่นเดือน มี.ค. : ADVANC, MINT, MTLS, PTTEP, SC
Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$624ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$456ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$38ล้าน ขณะที่ไหลเข้าเวียดนามประเทศเดียว US$4ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาค ตลาดกลับมากังวลมาตรการการกีดกันทางการค้าของสหรัฐ
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> BDMS <<
ปรับคำแนะนำจากถือเป็นซื้อ ราคาเป้าหมาย 26 บาท
ปรับกำไรปกติปีนี้ขึ้น 13% เป็น 9.1 พันลบ. +14% Y-Y จากแนวโน้มผู้ป่วยทั้งในและนอกประเทศที่เพิ่มขึ้น และโรคระบาดที่คาดว่าจะมากกว่าปีก่อน ขณะที่ ต้นทุนจะไม่เร่งตัวเพราะ รพ. ขยายใกล้ถึงเป้าที่ 50 แห่ง และผลขาดทุนจาก Wellness Clinic จะไม่เป็นภาระมากนัก
เรามองบวกกับการร่วมมือบริษัทประกัน ในการออกประกันสุขภาพเพื่อใช้บริการเครือ BDMS ซึ่งนอกจากจะหนุนรายได้แล้ว ยังหนุนมาร์จิ้นให้เร่งตัวขึ้นจากผลของ Operating Leverage ด้วย
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) M เรายังแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 90 บาท การประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ยังเป็นบวก จากการตั้งเป้าเติบโตทั้งจาก SSSG ที่ฟื้น และการเปิดสาขาใหม่อีก 40-50 แห่ง ขณะที่ ราคาวัตถุดิบที่ล็อกไว้ของปีนี้ทรงตัวถึงปรับลง ส่วนแนวโน้ม SSSG ใน 1Q18 ยังดีต่อเนื่อง และจะดีมากขึ้นจาก Yayoi ใน 2Q18 ที่ได้ BNK48 เป็น Presenter แต่ด้วยกำไรปี 2017 ที่ต่ำกว่าคาด เราจึงขอปรับกำไรปี 2018 ลงเล็กน้อย 11% เหลือ 2.8 พันลบ. +15.5 Y-Y ส่งผลให้ราคาเป้าหมายลดลงจาก 100 บาท เหลือ 90 บาท ปันผลงวด 2H17 อยู่ที่ 1.20 บาท/หุ้น คิดเป็นผลตอบแทน 1.6% ขึ้น XD 7 พ.ค.
(+) CK เรายังแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 40 บาท การประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ ทำให้เราสบายใจกับ SG&A ที่สูงใน 4Q17 เพราะเป็นการตั้งสำรองกิจการร่วมค้า BBCD ที่จะไม่เกิดขึ้นอีก แนวโน้มผลประกอบการปีนี้จึงกลับเข้าสู่ปกติ Backlog ปัจจุบันอยู่ที่ 7.2 หมื่นลบ. และมีงานรอประมูลใน 2H18 ราว 7 แสนลบ. ขณะที่ เงินลงทุนในบริษัทลูก 3 แห่งทั้ง TTW CKP และ BEM ยังมีการเติบโตที่ดี
(+) THMUI เรายังแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 3.10 บาท โดยคาดกลับมาฟื้นตั้งแต่ 1Q18 จากงานในมือที่ทำ New High ใกล้เคียงกับรายได้ทั้งปีก่อนที่ 380 ลบ. คำสั่งซื้อลวดสลิงส่วนใหญ่มาจากกลุ่มก่อสร้างและท่าเรือ เช่น SEAFCO PYLON PORT และท่าเรือกรุงเทพที่กำลังขยายพื้นที่ เมื่อผนวกกับค่าใช้จ่ายและดอกเบี้ยที่ลดลง เราคาดกำไรสุทธิปีนี้ +147% Y-Y อยู่ที่ 53 ลบ. โดยมี Upside เพิ่มเติมจากการประมูลงานขายท่อปะปาเฟส 2 ซึ่งมีมูลค่ามากกว่าเฟสแรกเป็นเท่าตัว PE2018-2019 ต่ำเพียง 10-12 เท่า และคาดเริ่มจ่ายปันผลได้ตั้งแต่งวด 1H18
(+) STA การประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ ได้ข้อมูลเชิงบวกจากราคายางที่ผันผวนน้อยลง ทำให้การบริหารทั้งการจัดซื้อและขายออกทำได้ง่ายขึ้น ปีนี้จะเน้นทำตลาดถุงมือยางที่มีอัตรากำไรดี แนวโน้มราคายางหลังจากนี้อาจเห็นการขยับขึ้นได้เล็กน้อย เพราะกำลังเข้าช่วงปิดหน้ายางในไทย เม.ย.-พ.ค. เราแนะนำเพียงเก็งกำไรตามราคายาง ไม่เหมาะกับการลงทุนระยะยาว
(0) MFEC ประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ เรามองบวกกับแผนระยะยาวของบริษัทที่จะ spin-off บริษัทร่วม 2 แห่งใน 2 ปีข้างหน้า ส่วนสถานะปัจจุบันยังทรงตัว backlog เพิ่มขึ้นจากการลงทุนด้านไอทีของแบงก์ แต่ผลจาก GPM ที่ชะลอ ทำให้เรามีแนวโน้มปรับประมาณการลง ซึ่งคาดว่าจะทำให้ราคาเป้าลดลงลงจาก 6.30 บาท เหลือ 5.50 บาท แต่ยังแนะนำซื้อในฐานะหุ้นที่ให้ปันผลดีสม่ำเสมอ 5-6% ต่อปี
(0) ตลาดสหรัฐยังคงผันผวนจากการลาออกของหัวหน้าที่ปรึกษาเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว ซึ่งตลาดคาดว่าอาจจะนำไปสู่สงครามทางการค้า อย่างไรก็ตาม ข้อมูลBeige Bookล่าสุด แสดงถึงตัวเลขเงินเฟ้อที่ขยายตัวปานกลาง ที่อาจช่วยลดความกังวลเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยลง
(+) หุ้นในกลุ่มบลูชิปเป็นตัวนำตลาดหุ้นยุโรปให้ปรับตัวขึ้นหลังจากผ่านพ้นการเลือกตั้งในยุโรปในหลายประเทศ ทำให้ภาพตลาดโดยรวมมีความชัดเจนมากขึ้น
(+) ตลาดเอเชียปรับตัวขึ้นทุกตลาดเช้านี้ตามโมเมนตัมจากตลาดยุโรป
() ค่าเงินดอลลาร์ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นๆ ล่าสุดเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 31.30 – 31.40 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ร่วงลง 1.45 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 61.15 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง EIA เปิดเผยตัวเลขการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐที่พุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ลดลง 7.6 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,327.60 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนขยายตัวได้เป็นอย่างดี ทำให้นักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยลง
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ยังคงปรับตัวลงค่อนข้างแรงต่อเนื่องโดยลงไปทดสอบระดับ 1,780 จุดซึ่งแย่กว่าที่เราประเมินเล็กน้อย ตลาดได้รับแรงกดดันจากแรงเทขายในหุ้นขนาดใหญ่โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน นักลงทุนต่างชาติและสถาบันในประเทศเป็นฝ่ายขายสุทธิในตลาดหุ้น 1.8 พันลบ.และ 1.2 พันลบ. ตามลำดับ ขณะที่รายย่อยเป็นฝ่ายซื้อสุทธิ 3.3 พันลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET จะแกว่งตัว Sideways แม้บรรยากาศการลงทุนจะผ่อนคลายลงบ้างหลังมีข่าวว่าแคนาดาและเมกซิโกอาจได้รับยกเว้นภาษนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม แต่ราคาน้ำมันดิบที่ปรับลงกว่า 2% ยังกดดันหุ้นในกลุ่มพลังงาน ขณะที่ปัจจัยในประเทศที่สำคัญและต้องติดตามวันนี้คือการลงมติกฎหมายลูกที่มาสส.และสว. ซึ่งจะมีผลต่อการเลือกตั้ง เราคาดว่าระยะสั้นหุ้นในกลุ่ม Defensive Play น่าจะเป็นแหล่งพักเงินที่ดี อย่างไรก็ตามเราไม่ได้กังวลกับการปรับฐานของตลาดนักเนื่องจากพื้นฐานเศรษฐกิจยังแข็งแกร่ง จึงมองยังเป็นโอกาสในการสะสมหุ้นพื้นฐานขนาดใหญ่
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นในกลุ่ม Defensive//สะสมหุ้นพื้นฐานเพิ่มในช่วงอ่อนตัว
หุ้นเด่นเดือน มี.ค. : ADVANC, MINT, MTLS, PTTEP, SC
Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$624ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$456ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$38ล้าน ขณะที่ไหลเข้าเวียดนามประเทศเดียว US$4ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาค ตลาดกลับมากังวลมาตรการการกีดกันทางการค้าของสหรัฐ
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> BDMS <<
ปรับคำแนะนำจากถือเป็นซื้อ ราคาเป้าหมาย 26 บาท
ปรับกำไรปกติปีนี้ขึ้น 13% เป็น 9.1 พันลบ. +14% Y-Y จากแนวโน้มผู้ป่วยทั้งในและนอกประเทศที่เพิ่มขึ้น และโรคระบาดที่คาดว่าจะมากกว่าปีก่อน ขณะที่ ต้นทุนจะไม่เร่งตัวเพราะ รพ. ขยายใกล้ถึงเป้าที่ 50 แห่ง และผลขาดทุนจาก Wellness Clinic จะไม่เป็นภาระมากนัก
เรามองบวกกับการร่วมมือบริษัทประกัน ในการออกประกันสุขภาพเพื่อใช้บริการเครือ BDMS ซึ่งนอกจากจะหนุนรายได้แล้ว ยังหนุนมาร์จิ้นให้เร่งตัวขึ้นจากผลของ Operating Leverage ด้วย
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) M เรายังแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 90 บาท การประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ยังเป็นบวก จากการตั้งเป้าเติบโตทั้งจาก SSSG ที่ฟื้น และการเปิดสาขาใหม่อีก 40-50 แห่ง ขณะที่ ราคาวัตถุดิบที่ล็อกไว้ของปีนี้ทรงตัวถึงปรับลง ส่วนแนวโน้ม SSSG ใน 1Q18 ยังดีต่อเนื่อง และจะดีมากขึ้นจาก Yayoi ใน 2Q18 ที่ได้ BNK48 เป็น Presenter แต่ด้วยกำไรปี 2017 ที่ต่ำกว่าคาด เราจึงขอปรับกำไรปี 2018 ลงเล็กน้อย 11% เหลือ 2.8 พันลบ. +15.5 Y-Y ส่งผลให้ราคาเป้าหมายลดลงจาก 100 บาท เหลือ 90 บาท ปันผลงวด 2H17 อยู่ที่ 1.20 บาท/หุ้น คิดเป็นผลตอบแทน 1.6% ขึ้น XD 7 พ.ค.
(+) CK เรายังแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 40 บาท การประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ ทำให้เราสบายใจกับ SG&A ที่สูงใน 4Q17 เพราะเป็นการตั้งสำรองกิจการร่วมค้า BBCD ที่จะไม่เกิดขึ้นอีก แนวโน้มผลประกอบการปีนี้จึงกลับเข้าสู่ปกติ Backlog ปัจจุบันอยู่ที่ 7.2 หมื่นลบ. และมีงานรอประมูลใน 2H18 ราว 7 แสนลบ. ขณะที่ เงินลงทุนในบริษัทลูก 3 แห่งทั้ง TTW CKP และ BEM ยังมีการเติบโตที่ดี
(+) THMUI เรายังแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 3.10 บาท โดยคาดกลับมาฟื้นตั้งแต่ 1Q18 จากงานในมือที่ทำ New High ใกล้เคียงกับรายได้ทั้งปีก่อนที่ 380 ลบ. คำสั่งซื้อลวดสลิงส่วนใหญ่มาจากกลุ่มก่อสร้างและท่าเรือ เช่น SEAFCO PYLON PORT และท่าเรือกรุงเทพที่กำลังขยายพื้นที่ เมื่อผนวกกับค่าใช้จ่ายและดอกเบี้ยที่ลดลง เราคาดกำไรสุทธิปีนี้ +147% Y-Y อยู่ที่ 53 ลบ. โดยมี Upside เพิ่มเติมจากการประมูลงานขายท่อปะปาเฟส 2 ซึ่งมีมูลค่ามากกว่าเฟสแรกเป็นเท่าตัว PE2018-2019 ต่ำเพียง 10-12 เท่า และคาดเริ่มจ่ายปันผลได้ตั้งแต่งวด 1H18
(+) STA การประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ ได้ข้อมูลเชิงบวกจากราคายางที่ผันผวนน้อยลง ทำให้การบริหารทั้งการจัดซื้อและขายออกทำได้ง่ายขึ้น ปีนี้จะเน้นทำตลาดถุงมือยางที่มีอัตรากำไรดี แนวโน้มราคายางหลังจากนี้อาจเห็นการขยับขึ้นได้เล็กน้อย เพราะกำลังเข้าช่วงปิดหน้ายางในไทย เม.ย.-พ.ค. เราแนะนำเพียงเก็งกำไรตามราคายาง ไม่เหมาะกับการลงทุนระยะยาว
(0) MFEC ประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ เรามองบวกกับแผนระยะยาวของบริษัทที่จะ spin-off บริษัทร่วม 2 แห่งใน 2 ปีข้างหน้า ส่วนสถานะปัจจุบันยังทรงตัว backlog เพิ่มขึ้นจากการลงทุนด้านไอทีของแบงก์ แต่ผลจาก GPM ที่ชะลอ ทำให้เรามีแนวโน้มปรับประมาณการลง ซึ่งคาดว่าจะทำให้ราคาเป้าลดลงลงจาก 6.30 บาท เหลือ 5.50 บาท แต่ยังแนะนำซื้อในฐานะหุ้นที่ให้ปันผลดีสม่ำเสมอ 5-6% ต่อปี
(0) ตลาดสหรัฐยังคงผันผวนจากการลาออกของหัวหน้าที่ปรึกษาเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว ซึ่งตลาดคาดว่าอาจจะนำไปสู่สงครามทางการค้า อย่างไรก็ตาม ข้อมูลBeige Bookล่าสุด แสดงถึงตัวเลขเงินเฟ้อที่ขยายตัวปานกลาง ที่อาจช่วยลดความกังวลเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยลง
(+) หุ้นในกลุ่มบลูชิปเป็นตัวนำตลาดหุ้นยุโรปให้ปรับตัวขึ้นหลังจากผ่านพ้นการเลือกตั้งในยุโรปในหลายประเทศ ทำให้ภาพตลาดโดยรวมมีความชัดเจนมากขึ้น
(+) ตลาดเอเชียปรับตัวขึ้นทุกตลาดเช้านี้ตามโมเมนตัมจากตลาดยุโรป
() ค่าเงินดอลลาร์ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นๆ ล่าสุดเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 31.30 – 31.40 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ร่วงลง 1.45 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 61.15 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง EIA เปิดเผยตัวเลขการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐที่พุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ลดลง 7.6 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,327.60 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนขยายตัวได้เป็นอย่างดี ทำให้นักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยลง
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
8 มี.ค.- ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ก.พ.)
- ญี่ปุ่น: 4Q17 GDP
- จีน: ดุลการค้า (ก.พ.)
- ยูโรโซน: ประชุม ECB
9 มี.ค.- สหรัฐฯ: ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร (ก.พ.)
- จีน: อัตราเงินเฟ้อ (ก.พ.)
13 มี.ค.- สหรัฐฯ: อัตราเงินเฟ้อ (ก.พ.), ประมูลพันธบัตรอายุ 10 ปี
14 มี.ค.- สหรัฐฯ: ยอดค้าปลีก (ก.พ.)
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research
Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research
OO6201