WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

DBSบล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 

“กังวลการเมืองอเมริกา”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
  ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศ : ปัจจัยต่างประเทศ – ประเด็นการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็ก 25% และอลูมิเนียม 10% ของทรัมป์ไม่ได้ส่งผลกับประเทศคู่ค้าสำคัญในอเมริกาเหนือ (แคนาดา เม็กซิโก) และ EU เท่านั้น แต่ยังมีผลต่อการเมืองสหรัฐด้วย ล่าสุดนายแกรี่ โคห์น หัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว ประกาศลาออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาฯแล้วในช่วงเช้าวันนี้ (เวลาไทย) หลังทรัมป์ยืนยันเดินหน้าการเก็บภาษีนำเข้าฯ ปัจจัยที่ติดตาม คือ ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐจาก API และการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐเดือนก.พ.61 ซึ่งจะมีผลต่อการทิศทางดอกเบี้ย ทั้งนี้เฟดจะประชุมวันที่ 20-21 มี.ค.นี้ ตลาดประเมินว่ามีโอกาสสูงที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25%
  ปัจจัยในประเทศ – เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นไทยอ่อนลงมากกว่าภูมิภาค โดยปิด -9.83 จุดที่ 1799.06 แรงขายหลักอยู่ในหุ้น Big cap เช่น PTT, HANA, DELTA, KCE, AMATA, EA, BCPG เป็นต้น ปัจจัยที่กดดัน คือ ความกังวลสงครามการค้าสหรัฐกับประเทศต่างๆ ซึ่งขณะนี้ได้ลุกลามเป็นปัญหาการเมืองในสหรัฐด้วย ปัจจัยติดตามในประเทศ คือ การ Update แนวโน้มธุรกิจและกำไรบจ.ปี 61 รวมถึงการขึ้นเครื่องหมาย XD ซึ่งในช่วงที่ตลาดไม่ดีควรระวังว่าราคาหุ้นอาจปรับลงมากกว่าปันผลที่จ่าย ส่วนปัจจัยกระตุ้นในช่วงปลายเดือนมี.ค.คือการทำราคาปิดของสถาบัน (Window dressing)
  กลยุทธ์ทางพื้นฐาน : แนะเลือกซื้อเป็นรายบริษัท โดยธีมเด่นหุ้นดีจาก DBS ในปี 61 เราเลือกเป็น 1. Investment recovery play (หุ้นเด่น AMATA ราคาพื้นฐาน 30 บาท), 2. Dividend play (หุ้นเด่น KKP ราคาพื้นฐาน 88 บาท), 3. Growth play (หุ้นเด่น IVL ราคาพื้นฐาน 65 บาท) และ 4. Tourism play (หุ้นเด่น ERW ราคาพื้นฐาน 10.50 บาท) การอ่อนตัวของราคาหุ้นเป็นจังหวะทยอยซื้อสะสม
  กลยุทธ์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นลบ ซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก แนวต้าน 1810-1820 จุด ต่ำกว่า 1799 จุดลดพอร์ตตาม แนวรับ 1790, 1770-1760 จุด สำหรับหุ้นที่ราคามีโอกาสทำ New High ที่เข้ามาใหม่เป็น ADVANC, GLOW, SCC, VGI, VNT, BCH, GFPT, HTC ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ PTT, CPALL, AH หุ้นที่หลุด List เป็น PT, IRPC, AJ และหุ้นที่แนะนำไปแล้ว ให้หาจังหวะ Take profit คือ
ปัจจัยต่างประเทศ
- สหรัฐ : นายแกรี่ โคห์น ลาออกหลังทรัมป์ยืนยันเดินหน้าเก็บภาษีนำเข้าเหล็ก & อลูมิเนียม
  # นายแกรี่ โคห์น หัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว ประกาศลาออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาฯแล้วในช่วงเช้าวันนี้ (เวลาไทย) หลังประธานธิบดีทรัมป์ยืนยันจะเดินหน้าการเก็บภาษีนำเข้าเหล็ก 25% และอลูมิเนียม 10% โดยระบุว่าข้อมูลวิเคราะห์จากกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่ได้รวมถึงผลกระทบด้านการจ้างงานถ้ามีการเรียกเก็บภาษีเข้าไปด้วย
  # ด้านนายพอล ไรอัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ กล่าวว่าเขารู้สึกเป็นห่วงอย่างมากเกี่ยวกับแผนการจัดเก็บภาษีใหม่ของปธน.ทรัมป์ และเรียกร้องให้ผู้นำสหรัฐยุติแผนเก็บภาษีดังกล่าว
- สหรัฐ : ยอดสั่งซื้อเครื่องบินลดลงฉุดคำสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนม.ค.ให้ -1.4%
  # ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐดิ่งลงมากที่สุดในรอบ 6 เดือนในเดือนม.ค. โดยร่วงลง 1.4% หลังจากเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 5 เดือน โดยยอดสั่งซื้อที่ดิ่งลงในเดือนม.ค.นั้น ได้รับผลกระทบจากการทรุดตัวของคำสั่งซื้อเครื่องบิน
+ เกาหลีเหนือ & ใต้ : จะประชุมร่วมกันครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปีปลายเดือนเม.ย.นี้
  # เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้จะจัดการประชุมสุดยอดผู้นำเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปีในปลายเดือนหน้า ซึ่งจะเป็นการพบปะกันเป็นครั้งแรกระหว่างนาย คิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ และนายมูน แจ อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ โดยข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี
• ภาวะตลาดหุ้น : ดัชนี DJIA ปิดบวกเล็กน้อย
  # ดัชนี DJIA ปิด 24,884.12 จุด +9.36 จุด หรือ +0.04% ดัชนี S&P500 ปิด 2,728.12 จุด +7.18 จุด หรือ +0.26% และ ดัชนี Nasdaq ปิด 7,372.01 จุด +41.30 จุด หรือ +0.56%
  # นักลงทุนกลับมากังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทด้านนโยบายการค้า หลังปธน.ทรัมป์ได้ยืนยันกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวว่า เขาจะไม่ยอมเดินถอยหลังในเรื่องแผนเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม
• ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาทรงๆ
  # สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. ขยับขึ้น 3 เซนต์ หรือเกือบ 0.1% ปิดที่ 62.60 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 25 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 65.79 ดอลลาร์/บาร์เรล
+ ภาวะตลาดทองคำ : ราคาพุ่งขึ้น 1.16%
  # สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 15.3 ดอลลาร์ หรือ 1.16% ปิดที่ 1,335.2 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่นบจ.
+ ตลาดหุ้นไทยปี 60 มีกำไร 9.86 แสนล้านบาท โต 9.05%
  # ตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดเผยว่าบจ.ในตลาดหุ้นไทย 566 บริษัท (97.75% ของทั้งหมดที่ 579 บริษัท-ไม่รวมหุ้น NC) ปี 60 มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 9.86 แสนล้านบาท เติบโต 9.05% ปัจจัยหนุน คือ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นโดยยอดขายรวมอยู่ที่ 11.01 ล้านล้านบาท เติบโต 9.72% อัตรากำไรขั้นต้นปี 60 อยู่ที่ 23.96% (อ่อนลงจาก 24.71% ในปี 59) และมีอัตรากำไรสุทธิ 8.92% (ลดลงจาก 8.98% ในปี 59) ด้านหนี้สินต่อทุนดีขึ้นเป็น 1.14 เท่า (ลดลงจาก 1.24 เท่าในปี 59)
  # เฉพาะไตรมาส 4/60 บจ.มีกำไรสุทธิ 2.51แสนล้านบาท เติบโต 25.26%YoY และ 20.47%QoQ
+ GOLD (ราคาปิด 9.60 บาท) : ปี 61/62 กำไรขยายตัวแข็งแกร่ง
  # คาดกำไรปี 61/62 (สิ้นสุดก.ย.) จะเป็นสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง โดยจะเพิ่ม 52%/14% y-o-y สืบเนื่องจากการเปิดขายโครงการใหม่ปีนี้เพิ่มมากเป็น 34 โครงการที่มูลค่าขาย 39.6 พันล้านบาท เทียบกับปี 60 ที่เปิดขาย 14 โครงการที่มูลค่าขาย 14.4 พันล้านบาท และบริษัทตั้งเป้ารายได้-ขายปี 61 เป็น 16.1 พันล้านบาท (+34% y-o-y) และเป้าขาย (Presales) เป็น 26.6 พันล้านบาท (+33% y-o-y) ขณะที่บริษัทมีจุดเด่นคือ ปิดการขายโครงการทาวน์โฮมที่ระดับราคา 2-3 ล้านบาทได้อย่างรวดเร็วในหลายโครงการที่ผ่านมา
  # แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 10.71 บาท ด้วย Forward P/E ปี 61 ที่ 12 เท่า คาดการณ์อัตราผลตอบแทนปันผลอยู่ในเกณฑ์ดีปี 61 และ 62 เป็น 4%/5% ตามลำดับ ส่วนการขายอาคารสำนักงาน FYI Center เข้าสู่ REIT จะมีกำไรจำนวนมาก ซึ่งยังไม่ใส่ไว้ในประมาณการ และในอนาคตก็จะมีโครงการ Mix Use คือ สามย่าน มิตรทาวน์ซึ่งได้ร่วมทุนกับ TCC และจะเปิดให้บริการได้ในปี 63
• การเมืองไทย : แม้สนช.ส่งกฎหมายลูกเกี่ยวกับการเลือกตั้งให้ศาลรธน.ตีความก็จะไม่กระทบโรดแมพเลือกตั้ง
  # นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เปิดเผยว่ามีความเป็นห่วงบทเฉพาะกาลของร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งวุฒิสภา (ส.ว.) ที่คณะกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่ายปรับแก้เสร็จสิ้นแล้ว โดยยังคงแบ่งประเภทผู้สมัครออกเป็น 2 ประเภท คือแบบอิสระ และแบบมีองค์กรรับรอง หวังว่าสนช.จะทำให้ประเด็นดังกล่าวเกิดความชัดเจนด้วยการเข้าชื่อกันเพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ และไม่กังวลว่ากรณีดังกล่าวจะเป็นเหตุให้สนช.ลงมติไม่เห็นชอบในการพิจารณาวันที่ 8 มี.ค.นี้ และนายมีชัย ยืนยันว่าการส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความจะไม่มีผลกระทบต่อการเลื่อนการเลือกตั้งในเดือนก.พ.62 ที่นายกรัฐมนตรีประกาศไว้ เพราะมีการคำนวณเวลาเผื่อเอาไว้แล้ว
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]
OO6164

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!