- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 06 March 2018 19:36
- Hits: 2916
บล.โกลเบล็ก : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market Summary 05/03/2018
Close 1,808.89 Volume Bt69,971M
Change -3.09 P/E 18.62
%Change -0.17% P/BV 2.10
หุ้นแนะนำพิเศษ
BH (ราคาปิด 207 บาท Bloomberg Consensus 213.06 บาท)
เริ่มเห็นการฟื้นตัวของจำนวนผู้ป่วยจากตะวันออกกลาง และยังได้ประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศไทยที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะจากประเทศจีนที่เข้ามาใช้บริการหลายแบบทั้งการรักษามะเร็ง และการใช้บริการชะลอความชรา นอกจากนี้ ศูนย์ Wellness Center “Vitallife” ยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปี 60 ที่คิดเป็นสัดส่วนรายได้ราว 3.5% หลัง BH ยังมีแผนเพิ่มบริการทางการแพทย์ในศูนย์ดังกล่าวในปีนี้
แม้ Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 61 เติบโต 8.45%YoY ซึ่งอาจอยู่ในระดับค่าเฉลี่ยของกลุ่มฯ รวมถึง Valuation ยังอาจไม่จูงใจมากนักด้วย Forward PER ที่ 37 เท่า (เทียบเฉ,ยกลุ่มที่ 38 - 39 เท่า) อย่างไรก็ตาม BH ยังคงเป็น รพ.ระดับ High End ที่น่าจะสร้างการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพไปได้อย่างต่อเนื่องตามความพึงพอใจของผู้ป่วยทั่วโลกได้อย่างต่อเนื่องจากความพยายามเพิ่มคุณภาพ และการรักษามาตรฐานของการให้บริการ
Market View : คลายกังวลสงครามการค้า
หุ้นแนะนำพิเศษ : BH
หุ้นมีข่าว : BANPU CGD SGP
Technical Insight : BR GOLD
ภาวะตลาดหุ้นไทยวานนี้อ่อนตัวในภาคเช้าก่อนจะมีการ Rebound ช่วงบ่าย ภายใต้ความกังวลเรื่องสงครามการค้าหลังสหรัฐฯขู่ขึ้นภาษีการนำเข้าเหล็กและอลูมีเนียม ขณะที่ราคาน้ำมันฟื่นตัว โดยรวม PETRO TRANS กดดันหลัก ชดเชยเพียงโดย COM ส่งผลให้ SET Index ปิดที่ 1,808.89 จุด (-3.09 จุด) Volume 6.97 หมื่นลบ.โดย Foreign Net -5,073.14 ลบ. TFEX Net -4,933 สัญญา ตราสารหนี้ -7,790.51 ลบ.
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย
+ดาวโจนส์ปิดพุ่งเนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับสงครามการค้า หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งสัญญาณว่า สหรัฐอาจยกเลิกการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม
+ดัชนีภาคการผลิต และภาคบริการขั้นสุดท้ายของสหรัฐ พุ่งขึ้นสู่ระดับ 55.8 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2558
+น้ำมันดิบปิดพุ่งขานรับ IEA ระบุว่า ความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกจะยังคงขยายตัวต่อเนื่องจนถึงปี 2566 นอกจากนี้ ยังได้ผลบวกจากการปิดแหล่งน้ำมัน เอล ฟีล ในประเทศลิเบีย
+ยอดค้าปลีกในยูโรโซนเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนม.ค. โดยปรับตัวขึ้น 2.3%
-ดัชนีภาคบริการของสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 59.5 ในเดือนก.พ.
-ดัชนีภาคการผลิตและบริการขั้นสุดท้ายของยูโรโซน อยู่ที่ 57.1 ในเดือนก.พ. ลดลงจากตัวเลขเบื้องต้น
-ผลการเลือกตั้งอิตาลีไม่มีฝ่ายใดได้เสียงข้างมากพอที่จะจัดตั้งรัฐบาล ได้โดยพันธมิตรพรรคฝ่ายขวามีแนวโน้มได้คะแนนเสียงมากที่สุด
+/- Fund Flow ต่างชาติขายติดต่อกันเป็นวันที่ 3 รวม 1.21 หมื่นล้านบาท (YTD ขาย 5.57 หมื่นล้านบาท) ขณะที่เงินบาทแข็งค่าสู่ 31.36 บาท/USD
**8 มี.ค. จับตาการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB)
**9 มี.ค. จับตาการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ)
ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ได้รับปัจจัยหนุนจากตลาดหุ้นทั่วโลกที่ดีดตัวหลังคลายกังวลสงครามการค้า ราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นหนุน sentiment เชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงานยกเว้น PTT ที่จะ XD ในวันนี้ ขณะที่ Fund Flow ยังผันผวน ดังนั้นคาด SET จะปรับตัวขึ้นได้ในกรอบกรอบ 1,797-1,819 จุด อย่างไรก็ตามการจ่ายปันผลของ PTT จะส่งผลลบต่อดัชนี 3 จุด
กลยุทธ์การลงทุน เก็งกำไรกลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน
- PTTEP PTTGC IRPC ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นสู่ 62.57$/bbl
- TVO ราคากากถั่วเหลือง +25%QTD ขณะที่ราคาเมล็ดถั่วเหลืองปรับเพิ่มขึ้นเพียง 11%QTD และได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทแข็ง
- หุ้นปันผลเด่น ASEFA BAFS CPT CRD FTE GLOW KKP NYT PSH PTTGC SCB SF SIS SMPC SPRC TK TOP WHAUP TISCO QH
หุ้นมีข่าว
BANPU (ราคาปิด 23.20 Bloomberg Consensus 25.83) ศาลฎีกาอ่านคำตัดสินเรื่องคดีความหงสาวันนี้เวลา 9.00 น. โดยเราประเมินว่าในแง่ร้ายที่สุดน่าจะกระทบกับราคาหุ้นราว 6 บาท (อิงตามค่าเสียหายตามศาลชั้นต้น 3.17 หมื่นล้านบาท) โดยเราประเมินผลกระทบต่อราคาหุ้น BANPU ว่าหากตัดสินให้จ่ายค่าเสียหายทุก ๆ 5 พันล้านบาทจะส่งผลลบต่อราคาหุ้น 1 บาท อย่างไรก็ตามหากศาลตัดสินแล้วในวันนี้เรามองเป็นจังหวะในการลงทุนเนื่องจากไม่มีปัจจัยกดดันต่อราคาหุ้นและผลประกอบการของบริษัทมีโอกาสเติบโตตามราคาถ่านหินที่ทรงตัวในระดับสูงเกิน 100 $/Ton โดย Bloomberg Consensus คาดว่าผลประกอบการปี 61 อยู่ที่ราว 1.24 หมื่นล้านบาท +57%YoY
(+) CGD (ราคาปิด 1.57 ซื้อเก็งกำไร อยู่ระหว่างทบทวนราคาเหมาะสม จากเดิม 1.45 บาท) ผู้บริหารคาดผลการดำเนินงานปี 61 มีแนวโน้มเติบโตก้าวกระโดดจากการรับรู้รายได้โครงการเจ้าพระยาเอสเตทมูลค่า 3.2 หมื่นลบ.ซึ่งประกอบด้วยโรงแรม 2 แห่งและคอนโดฯซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปีนี้ตามแผน ส่งผลให้มีการรับรู้รายได้ในช่วงปลายปี ทำให้มีโอกาสเห็นผลการดำเนินงานพลิกกลับมีกำไรตั้งแต่ช่วงปลายปี นอกจากนี้บริษัทได้เข้าซื้อที่ดินบนถนนวงแหวนอุตสาหกรรมขนาดพื้นที่กว่า 23 ไร่ รวมมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท เพื่อนำมาพัฒนาเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์ในอนาคต ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานปี 60 มีรายได้รวม 1,108 ล้านบาท +88% เนื่องจากมีการโอนอาคารชุดโครงการอิลีเมนท์ ศรีนครินทร์ มากกว่า 909 ล้านบาท +158% แต่ยังมีคชจ.สูงอยู่เนื่องจากโครงการเจ้าพระยาเอสเตทยังอยู่ระหว่างก่อสร้างส่งให้มีผลขาดทุนสุทธิ 193 ล้านบาท ลดลงจากขาดทุนสุทธิ 276 ล้านบาทในปี 59
ความเห็น ผลการดำเนินงานปี 60 ขาดทุนน้อยกว่าคาดการณ์ของฝ่ายวิจัยที่คาดว่าจะขาดทุน 238 ล้านบาท ทั้งนี้การเริ่มโอนโครงการเจ้าพระยาเอสเตทในช่วงปลายปีนี้ทำให้ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้มีโอกาสพลิกทำกำไรจากที่มีผลขาดทุนมาตลอด 3 ปีในปี 58 – 60 ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการกำไรปี 61 ที่ระดับเดิม 421 ล้านบาทและราคาเหมาะสมเดิมที่ 1.45 บาท แนะนำซื้อเก็งกำไรผลการดำเนินงานที่มีแนวโน้ม turnaround ในปีนี้
(+/-) SGP (ราคาปิด 31.25 บาท) ผู้บริหารยังคงมองหาโอกาสลงทุนธุรกิจ LNG ในจีน ชัดเจนในปี 61 ส่วน LPG จากปัจจุบันครองตลาดในพื้นที่ตอนใต้ของจีน มีแผนขยายไปทางภาคเหนือมากขึ้น โดยตั้งเป้ามียอดขายปี 61 อยู่ที่ 1.5 ล้านตัน เทียบกับปี 60 ที่ราว 1.3 ล้านตัน โดยในอนาคตมีแผนนำบริษัทในจีนเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง ทั้งนี้ เป็นผลให้ภาพรวมยอดขายปี 61 คาดเติบโต 10%YoY ส่วนประเทศในกลุ่ม ASEAN มีแผนขยายท่าเรือ 2 ประเทศ คือ มาเลเซีย และเมียนม ราวปลายปี 61 – ต้นปี 62 ส่วนธุรกิจ รฟฟ.มี COD อยู่แล้ว 230 MW (ถือหุ้น 36.1%) และเตรียม COD อีก 1 แห่ง 10 MW ก่อนสงกรานต์ ส่วนธุรกิจ LNG ในไทย ต้องรอ TOR จาก EGAT คาดชัดเจนในปี 61 เรื่องการจัดหา LNG 1.5 ล้านตัน ก่อนเข้าร่วมประมูล (ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น)
ความเห็น การขยายไป LNG และการขยายตลาดสู่ภาคเหนือของ LPG ในประเทศจีน คาดเป็นปัจจัยสำคัญต่อ Volume ของ SGP มากสุด เนื่องจากนโยบายของภาครัฐฯจีนที่สนับสนุนให้เพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานจากแหล่งอื่น อาทิ ก๊าซธรรมชาติในระยะ 20 ปี ข้างหน้า เบื้องต้น คาดว่า SGP น่าจะพิจารณาการเข้า Take over ผู้ประกอบการที่มี Asset เพียบพร้อมอยู่แล้ว เช่นเดียวกับการไปเริ่มบุกตลาดจีนเมื่อ 7 – 8 ปีก่อน โดยการ Take over ท่าเรือและคลังแก๊สจาก Chevron มา Renovate อย่างไรก็ตาม ราคาก๊าซธรรมชาติปัจจุบันอ่อนตัวลงจากต้นปีกว่า 16% มาอยูที่ 480 เหรียญฯต่อตัน อาจกดดันผลกำไรจาก Stock gain งวด 1Q61 เมื่อเทียบกับงวดก่อนหน้า
(+) BIZ (ราคาปิด 3.60 ลงทุนระยะยาว 4.80) เซ็นสัญญาขายเครื่องฉายรังสีพลังงานสูงให้ รพ.มหาราชนครราชสีมา มูลค่า 129.10 ลบ.
(+) PTTEP (ราคาปิด 111.50 Bloomberg Consensus 124.22) เผยข่าวดี รัฐบาลโมซัมบิกอนุมัติแผนพัฒนา “แหล่งโกลฟินโญ-อาตุม” แล้ว เตรียมเข้าสู่ขั้นตอนตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย ฟากบริษัทร่วมทุนเซ็นสัญญาซื้อขายก๊าซ LNG กับผู้ผลิตไฟฟ้าฝรั่งเศส 15 ปี ปริมาณ 1.2 ล้านตัน/ปี (ที่มาข่าวหุ้น)
(+) STEC (ราคาปิด 19.60 Bloomberg Consensus 24.61) เซ็นสร้างโครงสร้างทางวิ่งเดี่ยว สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู-สายสีเหลือง มูลค่ารวม 7.83 พันลบ.
Market Summary 05/03/2018
Close 1,808.89 Volume Bt69,971M
Change -3.09 P/E 18.62
%Change -0.17% P/BV 2.10
หุ้นแนะนำพิเศษ
BH (ราคาปิด 207 บาท Bloomberg Consensus 213.06 บาท)
เริ่มเห็นการฟื้นตัวของจำนวนผู้ป่วยจากตะวันออกกลาง และยังได้ประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศไทยที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะจากประเทศจีนที่เข้ามาใช้บริการหลายแบบทั้งการรักษามะเร็ง และการใช้บริการชะลอความชรา นอกจากนี้ ศูนย์ Wellness Center “Vitallife” ยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปี 60 ที่คิดเป็นสัดส่วนรายได้ราว 3.5% หลัง BH ยังมีแผนเพิ่มบริการทางการแพทย์ในศูนย์ดังกล่าวในปีนี้
แม้ Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 61 เติบโต 8.45%YoY ซึ่งอาจอยู่ในระดับค่าเฉลี่ยของกลุ่มฯ รวมถึง Valuation ยังอาจไม่จูงใจมากนักด้วย Forward PER ที่ 37 เท่า (เทียบเฉ,ยกลุ่มที่ 38 - 39 เท่า) อย่างไรก็ตาม BH ยังคงเป็น รพ.ระดับ High End ที่น่าจะสร้างการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพไปได้อย่างต่อเนื่องตามความพึงพอใจของผู้ป่วยทั่วโลกได้อย่างต่อเนื่องจากความพยายามเพิ่มคุณภาพ และการรักษามาตรฐานของการให้บริการ
Market View : คลายกังวลสงครามการค้า
หุ้นแนะนำพิเศษ : BH
หุ้นมีข่าว : BANPU CGD SGP
Technical Insight : BR GOLD
ภาวะตลาดหุ้นไทยวานนี้อ่อนตัวในภาคเช้าก่อนจะมีการ Rebound ช่วงบ่าย ภายใต้ความกังวลเรื่องสงครามการค้าหลังสหรัฐฯขู่ขึ้นภาษีการนำเข้าเหล็กและอลูมีเนียม ขณะที่ราคาน้ำมันฟื่นตัว โดยรวม PETRO TRANS กดดันหลัก ชดเชยเพียงโดย COM ส่งผลให้ SET Index ปิดที่ 1,808.89 จุด (-3.09 จุด) Volume 6.97 หมื่นลบ.โดย Foreign Net -5,073.14 ลบ. TFEX Net -4,933 สัญญา ตราสารหนี้ -7,790.51 ลบ.
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย
+ดาวโจนส์ปิดพุ่งเนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับสงครามการค้า หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งสัญญาณว่า สหรัฐอาจยกเลิกการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม
+ดัชนีภาคการผลิต และภาคบริการขั้นสุดท้ายของสหรัฐ พุ่งขึ้นสู่ระดับ 55.8 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2558
+น้ำมันดิบปิดพุ่งขานรับ IEA ระบุว่า ความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกจะยังคงขยายตัวต่อเนื่องจนถึงปี 2566 นอกจากนี้ ยังได้ผลบวกจากการปิดแหล่งน้ำมัน เอล ฟีล ในประเทศลิเบีย
+ยอดค้าปลีกในยูโรโซนเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนม.ค. โดยปรับตัวขึ้น 2.3%
-ดัชนีภาคบริการของสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 59.5 ในเดือนก.พ.
-ดัชนีภาคการผลิตและบริการขั้นสุดท้ายของยูโรโซน อยู่ที่ 57.1 ในเดือนก.พ. ลดลงจากตัวเลขเบื้องต้น
-ผลการเลือกตั้งอิตาลีไม่มีฝ่ายใดได้เสียงข้างมากพอที่จะจัดตั้งรัฐบาล ได้โดยพันธมิตรพรรคฝ่ายขวามีแนวโน้มได้คะแนนเสียงมากที่สุด
+/- Fund Flow ต่างชาติขายติดต่อกันเป็นวันที่ 3 รวม 1.21 หมื่นล้านบาท (YTD ขาย 5.57 หมื่นล้านบาท) ขณะที่เงินบาทแข็งค่าสู่ 31.36 บาท/USD
**8 มี.ค. จับตาการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB)
**9 มี.ค. จับตาการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ)
ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ได้รับปัจจัยหนุนจากตลาดหุ้นทั่วโลกที่ดีดตัวหลังคลายกังวลสงครามการค้า ราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นหนุน sentiment เชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงานยกเว้น PTT ที่จะ XD ในวันนี้ ขณะที่ Fund Flow ยังผันผวน ดังนั้นคาด SET จะปรับตัวขึ้นได้ในกรอบกรอบ 1,797-1,819 จุด อย่างไรก็ตามการจ่ายปันผลของ PTT จะส่งผลลบต่อดัชนี 3 จุด
กลยุทธ์การลงทุน เก็งกำไรกลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน
- PTTEP PTTGC IRPC ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นสู่ 62.57$/bbl
- TVO ราคากากถั่วเหลือง +25%QTD ขณะที่ราคาเมล็ดถั่วเหลืองปรับเพิ่มขึ้นเพียง 11%QTD และได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทแข็ง
- หุ้นปันผลเด่น ASEFA BAFS CPT CRD FTE GLOW KKP NYT PSH PTTGC SCB SF SIS SMPC SPRC TK TOP WHAUP TISCO QH
หุ้นมีข่าว
BANPU (ราคาปิด 23.20 Bloomberg Consensus 25.83) ศาลฎีกาอ่านคำตัดสินเรื่องคดีความหงสาวันนี้เวลา 9.00 น. โดยเราประเมินว่าในแง่ร้ายที่สุดน่าจะกระทบกับราคาหุ้นราว 6 บาท (อิงตามค่าเสียหายตามศาลชั้นต้น 3.17 หมื่นล้านบาท) โดยเราประเมินผลกระทบต่อราคาหุ้น BANPU ว่าหากตัดสินให้จ่ายค่าเสียหายทุก ๆ 5 พันล้านบาทจะส่งผลลบต่อราคาหุ้น 1 บาท อย่างไรก็ตามหากศาลตัดสินแล้วในวันนี้เรามองเป็นจังหวะในการลงทุนเนื่องจากไม่มีปัจจัยกดดันต่อราคาหุ้นและผลประกอบการของบริษัทมีโอกาสเติบโตตามราคาถ่านหินที่ทรงตัวในระดับสูงเกิน 100 $/Ton โดย Bloomberg Consensus คาดว่าผลประกอบการปี 61 อยู่ที่ราว 1.24 หมื่นล้านบาท +57%YoY
(+) CGD (ราคาปิด 1.57 ซื้อเก็งกำไร อยู่ระหว่างทบทวนราคาเหมาะสม จากเดิม 1.45 บาท) ผู้บริหารคาดผลการดำเนินงานปี 61 มีแนวโน้มเติบโตก้าวกระโดดจากการรับรู้รายได้โครงการเจ้าพระยาเอสเตทมูลค่า 3.2 หมื่นลบ.ซึ่งประกอบด้วยโรงแรม 2 แห่งและคอนโดฯซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปีนี้ตามแผน ส่งผลให้มีการรับรู้รายได้ในช่วงปลายปี ทำให้มีโอกาสเห็นผลการดำเนินงานพลิกกลับมีกำไรตั้งแต่ช่วงปลายปี นอกจากนี้บริษัทได้เข้าซื้อที่ดินบนถนนวงแหวนอุตสาหกรรมขนาดพื้นที่กว่า 23 ไร่ รวมมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท เพื่อนำมาพัฒนาเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์ในอนาคต ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานปี 60 มีรายได้รวม 1,108 ล้านบาท +88% เนื่องจากมีการโอนอาคารชุดโครงการอิลีเมนท์ ศรีนครินทร์ มากกว่า 909 ล้านบาท +158% แต่ยังมีคชจ.สูงอยู่เนื่องจากโครงการเจ้าพระยาเอสเตทยังอยู่ระหว่างก่อสร้างส่งให้มีผลขาดทุนสุทธิ 193 ล้านบาท ลดลงจากขาดทุนสุทธิ 276 ล้านบาทในปี 59
ความเห็น ผลการดำเนินงานปี 60 ขาดทุนน้อยกว่าคาดการณ์ของฝ่ายวิจัยที่คาดว่าจะขาดทุน 238 ล้านบาท ทั้งนี้การเริ่มโอนโครงการเจ้าพระยาเอสเตทในช่วงปลายปีนี้ทำให้ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้มีโอกาสพลิกทำกำไรจากที่มีผลขาดทุนมาตลอด 3 ปีในปี 58 – 60 ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการกำไรปี 61 ที่ระดับเดิม 421 ล้านบาทและราคาเหมาะสมเดิมที่ 1.45 บาท แนะนำซื้อเก็งกำไรผลการดำเนินงานที่มีแนวโน้ม turnaround ในปีนี้
(+/-) SGP (ราคาปิด 31.25 บาท) ผู้บริหารยังคงมองหาโอกาสลงทุนธุรกิจ LNG ในจีน ชัดเจนในปี 61 ส่วน LPG จากปัจจุบันครองตลาดในพื้นที่ตอนใต้ของจีน มีแผนขยายไปทางภาคเหนือมากขึ้น โดยตั้งเป้ามียอดขายปี 61 อยู่ที่ 1.5 ล้านตัน เทียบกับปี 60 ที่ราว 1.3 ล้านตัน โดยในอนาคตมีแผนนำบริษัทในจีนเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง ทั้งนี้ เป็นผลให้ภาพรวมยอดขายปี 61 คาดเติบโต 10%YoY ส่วนประเทศในกลุ่ม ASEAN มีแผนขยายท่าเรือ 2 ประเทศ คือ มาเลเซีย และเมียนม ราวปลายปี 61 – ต้นปี 62 ส่วนธุรกิจ รฟฟ.มี COD อยู่แล้ว 230 MW (ถือหุ้น 36.1%) และเตรียม COD อีก 1 แห่ง 10 MW ก่อนสงกรานต์ ส่วนธุรกิจ LNG ในไทย ต้องรอ TOR จาก EGAT คาดชัดเจนในปี 61 เรื่องการจัดหา LNG 1.5 ล้านตัน ก่อนเข้าร่วมประมูล (ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น)
ความเห็น การขยายไป LNG และการขยายตลาดสู่ภาคเหนือของ LPG ในประเทศจีน คาดเป็นปัจจัยสำคัญต่อ Volume ของ SGP มากสุด เนื่องจากนโยบายของภาครัฐฯจีนที่สนับสนุนให้เพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานจากแหล่งอื่น อาทิ ก๊าซธรรมชาติในระยะ 20 ปี ข้างหน้า เบื้องต้น คาดว่า SGP น่าจะพิจารณาการเข้า Take over ผู้ประกอบการที่มี Asset เพียบพร้อมอยู่แล้ว เช่นเดียวกับการไปเริ่มบุกตลาดจีนเมื่อ 7 – 8 ปีก่อน โดยการ Take over ท่าเรือและคลังแก๊สจาก Chevron มา Renovate อย่างไรก็ตาม ราคาก๊าซธรรมชาติปัจจุบันอ่อนตัวลงจากต้นปีกว่า 16% มาอยูที่ 480 เหรียญฯต่อตัน อาจกดดันผลกำไรจาก Stock gain งวด 1Q61 เมื่อเทียบกับงวดก่อนหน้า
(+) BIZ (ราคาปิด 3.60 ลงทุนระยะยาว 4.80) เซ็นสัญญาขายเครื่องฉายรังสีพลังงานสูงให้ รพ.มหาราชนครราชสีมา มูลค่า 129.10 ลบ.
(+) PTTEP (ราคาปิด 111.50 Bloomberg Consensus 124.22) เผยข่าวดี รัฐบาลโมซัมบิกอนุมัติแผนพัฒนา “แหล่งโกลฟินโญ-อาตุม” แล้ว เตรียมเข้าสู่ขั้นตอนตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย ฟากบริษัทร่วมทุนเซ็นสัญญาซื้อขายก๊าซ LNG กับผู้ผลิตไฟฟ้าฝรั่งเศส 15 ปี ปริมาณ 1.2 ล้านตัน/ปี (ที่มาข่าวหุ้น)
(+) STEC (ราคาปิด 19.60 Bloomberg Consensus 24.61) เซ็นสร้างโครงสร้างทางวิ่งเดี่ยว สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู-สายสีเหลือง มูลค่ารวม 7.83 พันลบ.
นักวิเคราะห์ 02-672-5999 ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
วิลาสินี บุญมาสูงทรง ext.5937 ระพีพัฒน์ ด่านไพบูลย์
ณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ext.5936 สรรพกัณฑ์ ปัทมบริสุทธิ์
ธนวินท์ พิเชษฐศิริพร ext.5940 ทศพล วิไลประภากร
OO6118
วิลาสินี บุญมาสูงทรง ext.5937 ระพีพัฒน์ ด่านไพบูลย์
ณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ext.5936 สรรพกัณฑ์ ปัทมบริสุทธิ์
ธนวินท์ พิเชษฐศิริพร ext.5940 ทศพล วิไลประภากร
OO6118