- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 02 March 2018 16:59
- Hits: 2091
บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้
เลือกเก็งกำไรกลุ่ม Domestic Play / หุ้นปันผล
กลยุทธ์วันนี้
เลือกเก็งกำไรกลุ่ม Domestic Play / หุ้นปันผล
Smart Pick
สะสม TCMC
ราคาปิด 3.48 บาท
ราคาเหมาะสม 5.90 บาท
รายงานกำไรปกติ 4Q60 ที่ 87 ล้านบาท เติบโตสูงถึง +68% YoY และ +299% QoQ จากแรงหนุนของการรวมงบของ Tai Ping เข้าสู่งบการเงินรวมเป็นไตรมาสแรก และส่งผลให้ GPM เพิ่มขึ้นเป็น 28.8% จาก 24.9% ใน 4Q59 และ 23.7% ใน 3Q60
ทิศทางกำไร 1Q61 เติบโตสูง YoY และต่อเนื่องจนถึง 3Q61 ขณะที่ซื้อขาย PER2561 เพียง 8.3 เท่า
เก็งกำไร SAPPE
ราคาปิด 23.40 บาท
ราคาเหมาะสม 34.50 บาท
รายงานกำไรปกติ 4Q60 ที่ 72 ล้านบาท +13% YoY ใกล้กับคาดการณ์ที่ 71 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรปี 2560 เติบโต +7% YoY เป็นระดับสูงสุดใหม่ที่ 382 ลบ.
คาดกำไรปี 2561 เติบโต +24% YoY เป็น 476 ล้านบาท ทำระดับสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง จากการขยายกำลังการผลิตใหม่อีก 20% และแรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคบริโภคช่วยผลักดันยอดขายในประเทศ
สะสม TRUE
ราคาปิด 6.30 บาท
ราคาเหมาะสม 8.35 บาท
รายงานกำไรสุทธิ 4Q60 ที่ 5.4 พันลบ. จากแรงหนุนของกำไรพิเศษขายสินทรัพย์เข้ากองทุน DIF และได้ลูกค้าใหม่เพิ่มอีก 5.3 แสนราย ส่งผลให้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 26.9% ทิ้งห่าง DTAC เพิ่มเป็น 2.2%
EBITDA ทำระดับสูงสุดใหม่ ใน 4Q60 เป็น 9.0 พันลบ. +35% YoY คาดปี 2560 พลิกเป็นกำไรจากการดำเนินงานปกติ และกำไรสุทธิจะสูงถึง 2.6 หมื่นลบ.จากแรงหนุนขายสินทรัพย์เข้า DIF ระลอกสอง
เก็งกำไร AOT
ราคาปิด 70.75 บาท
ราคาเหมาะสม 71.00 บาท
ราคาหุ้นมีปัจจัยหนุนทางเทคนิค เนื่องจากยืนเหนือบริเวณ 70.00 บาทได้ จึงคาดว่ามีโอกาสขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 72 และ 74 บาท Stop loss หากต่ำกว่า 69.75 บาท
คาดกำไรปกติปี 2561/2562 เติบโต +11% YoY เป็น 2.4 หมื่นล้านบาท และมี Catalyst คือ การประมูล Duty Free เฟส 2 ใน 2Q61
SWITCHING : N.A.
กลยุทธ์วันนี้
บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นโลกและตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ค่อนข้างเป็นลบ จากความกังวลต่อนโยบายกำแพงภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ รวมถึง แรงขายทำกำไรหลังรายงานงบ (Sell on Fact) เราเชื่อว่า วันนี้ ทิศทาง SET INDEX จะพักฐานตามทิศทางตลาดหุ้นโลก กรอบการเคลื่อนไหว 1820-1835 จุด โดยกลุ่มพลังงานและ ปิโตรเคมี มีแรงกดดันระยะสั้นจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี เรามองว่า Downside Risk ของหุ้นบางบริษัท เช่น PTTGC และ PTT มีค่อนข้างจำกัด เพราะเตรียมขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 5 และ 6 มี.ค.นี้ ตามลำดับ ส่งผลให้อาจมีแรงซื้อเพื่อรับปันผลเข้ามาช่วยพยุง
ภาพรวมผลประกอบการ 4Q60 ของบริษัทจดทะเบียน ใน SET INDEX เบื้องต้น ค่อนข้างใกล้เคียงกับที่ตลาดคาด โดยกำไรสุทธิรวมดีกว่า Bloomberg Consensus คาดเล็กน้อยราว 2.6% ทำให้การปรับเพิ่มประมาณการของนักวิเคราะห์ในตลาด มีโอกาสค่อนข้างจำกัด
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ เราแนะนำเก็งกำไรหุ้นรายตัวที่ผลการดำเนินงานยังขยายตัวได้ดี แต่ราคาหุ้นกลับปรับตัวสวนทางลงมาในช่วงก่อนหน้า เช่น BJC/ TCMC/ SAPPE หรือสะสมหุ้นกลุ่มธนาคาร (KBANK/ TMB) ที่น่าจะได้รับแรงหนุนจากการหมุนกลุ่มหุ้น (Sector Rotation) จาก Global Play มาสู่ Domestic Play และมีประเด็นบวกจากการจ่ายเงินปันผล ซึ่งจะเริ่มทยอยขึ้นเครื่องหมาย XD ตั้งแต่กลางเดือน เม.ย.เป็นต้นไป
HOT Topic
1. FTSE ประกาศหุ้นเข้า/ออก ดัชนี FTSE Thailand มีหุ้นตัวใดบ้าง?
2. สรุปภาพรวมงบ 4Q60 ได้แก่ LH, TCMC, SAPPE, BGRIM, BDMS, UNIQ, CK, AH
3. ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลงแรง จากปัจจัยอะไร?
4. สัปดาห์หน้าจับตาการตัดสินคดีหงสาในวันที่ 6 มี.ค.
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา SET INDEX ขึ้นไปทำจุดสูงสุดระหว่างวันที่บริเวณ 1840.06 จุด ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะมีการปรับดัชนี MSCI ส่งผลให้ SET INDEX แกว่งตัวค่อนข้างมากก่อนลงมาปิดที่ 1830.13 จุด ลดลง 0.26 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.7 หมื่นล้านบาท ด้านกระแสเงินทุน นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิวันแรกในรอบ 3 วันราว 4 พันล้านบาท เช่นเดียวกับสถาบันในประเทศขายสุทธิวันแรกในรอบ 4 วันราว 460 ล้านบาท ด้านตลาด Set50 Index Future นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Short สุทธิหนาแน่นเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันราว 8.3 พันสัญญา รวม 3 วันมีสถานะ Short สุทธิราว 2.4 หมื่นสัญญา ขณะที่สถาบันในประเทศและบัญชี บล. มีสถานะ Long สุทธิราว 3 พันสัญญา ส่งผลให้ QTD นักลงทุนต่างชาติกลับมามีสถานะ Short สุทธิ 3.5 พันสัญญา ขณะที่สถาบันในประเทศและบัญชี บล.มีสถานะ Long สุทธิราว 9 พันสัญญา ด้านตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิราว 294 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
ประธานาธิบดีสหรัฐฯเตรียมประกาศเก็บภาษีนำเข้าเหล็กเป็น 25% และอลูมิเนียม 10% โดยจะประกาศรายละเอียดในสัปดาห์หน้า
สหรัฐฯรายงาน GDP 4Q60 ครั้งที่ 2 ขยายตัว 2.5% YoY เท่ากับที่ตลาดคาด แต่ต่ำกว่าประมาณการครั้งแรกที่ 2.6%
สหรัฐรายงานเงินเฟ้อ PCE ออกมาขยายตัว 1.9% เท่ากับที่ตลาดคาด
EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้น 3 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่ตลาดคาดว่าเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรล
การปรับดัชนี FTSE มีผล ณ ราคาปิดวันที่ 16 มี.ค.
ติดตามการเจรจา NAFTA รอบที่ 7 ในวันที่ 26 ก.พ. - 6 มี.ค.
ติดตามการรายงานเงินเฟ้อไทย เดือนก.พ. ในวันที่ 2 มี.ค.
การเลือกตั้งของอิตาลี วันที่ 4 มี.ค.
ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า
ติดตามผลการตัดสินคดีหงสา (BANPU,BPP) วันที่ 6 มี.ค.
ติดตามการรายงาน GDP อียู 4Q60 วันที่ 7 มี.ค.
ติดตามการรายงานการนำเข้า-ส่งออกจีน เดือน ก.พ., การรายงาน GDP ญี่ปุ่น และการประชุม ECB วันที่ 8 มี.ค.
ติดตามการประชุม BOJ, เงินเฟ้อจีน และรายงานภาวะตลาดแรงงานสหรัฐ ในวันที่ 9 มี.ค.
Strategist Team
Mayuree Chowvikran Head of Research , 662-009-8050
Padon Vannarat Strategist , 662-009-8060
Piyapat Patarapuvadol Strategist , 662-009-8062
Nutt Treepoonsuk Strategist , 662-009-8059
OO6033
สะสม TCMC
ราคาปิด 3.48 บาท
ราคาเหมาะสม 5.90 บาท
รายงานกำไรปกติ 4Q60 ที่ 87 ล้านบาท เติบโตสูงถึง +68% YoY และ +299% QoQ จากแรงหนุนของการรวมงบของ Tai Ping เข้าสู่งบการเงินรวมเป็นไตรมาสแรก และส่งผลให้ GPM เพิ่มขึ้นเป็น 28.8% จาก 24.9% ใน 4Q59 และ 23.7% ใน 3Q60
ทิศทางกำไร 1Q61 เติบโตสูง YoY และต่อเนื่องจนถึง 3Q61 ขณะที่ซื้อขาย PER2561 เพียง 8.3 เท่า
เก็งกำไร SAPPE
ราคาปิด 23.40 บาท
ราคาเหมาะสม 34.50 บาท
รายงานกำไรปกติ 4Q60 ที่ 72 ล้านบาท +13% YoY ใกล้กับคาดการณ์ที่ 71 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรปี 2560 เติบโต +7% YoY เป็นระดับสูงสุดใหม่ที่ 382 ลบ.
คาดกำไรปี 2561 เติบโต +24% YoY เป็น 476 ล้านบาท ทำระดับสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง จากการขยายกำลังการผลิตใหม่อีก 20% และแรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคบริโภคช่วยผลักดันยอดขายในประเทศ
สะสม TRUE
ราคาปิด 6.30 บาท
ราคาเหมาะสม 8.35 บาท
รายงานกำไรสุทธิ 4Q60 ที่ 5.4 พันลบ. จากแรงหนุนของกำไรพิเศษขายสินทรัพย์เข้ากองทุน DIF และได้ลูกค้าใหม่เพิ่มอีก 5.3 แสนราย ส่งผลให้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 26.9% ทิ้งห่าง DTAC เพิ่มเป็น 2.2%
EBITDA ทำระดับสูงสุดใหม่ ใน 4Q60 เป็น 9.0 พันลบ. +35% YoY คาดปี 2560 พลิกเป็นกำไรจากการดำเนินงานปกติ และกำไรสุทธิจะสูงถึง 2.6 หมื่นลบ.จากแรงหนุนขายสินทรัพย์เข้า DIF ระลอกสอง
เก็งกำไร AOT
ราคาปิด 70.75 บาท
ราคาเหมาะสม 71.00 บาท
ราคาหุ้นมีปัจจัยหนุนทางเทคนิค เนื่องจากยืนเหนือบริเวณ 70.00 บาทได้ จึงคาดว่ามีโอกาสขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 72 และ 74 บาท Stop loss หากต่ำกว่า 69.75 บาท
คาดกำไรปกติปี 2561/2562 เติบโต +11% YoY เป็น 2.4 หมื่นล้านบาท และมี Catalyst คือ การประมูล Duty Free เฟส 2 ใน 2Q61
SWITCHING : N.A.
กลยุทธ์วันนี้
บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นโลกและตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ค่อนข้างเป็นลบ จากความกังวลต่อนโยบายกำแพงภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ รวมถึง แรงขายทำกำไรหลังรายงานงบ (Sell on Fact) เราเชื่อว่า วันนี้ ทิศทาง SET INDEX จะพักฐานตามทิศทางตลาดหุ้นโลก กรอบการเคลื่อนไหว 1820-1835 จุด โดยกลุ่มพลังงานและ ปิโตรเคมี มีแรงกดดันระยะสั้นจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี เรามองว่า Downside Risk ของหุ้นบางบริษัท เช่น PTTGC และ PTT มีค่อนข้างจำกัด เพราะเตรียมขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 5 และ 6 มี.ค.นี้ ตามลำดับ ส่งผลให้อาจมีแรงซื้อเพื่อรับปันผลเข้ามาช่วยพยุง
ภาพรวมผลประกอบการ 4Q60 ของบริษัทจดทะเบียน ใน SET INDEX เบื้องต้น ค่อนข้างใกล้เคียงกับที่ตลาดคาด โดยกำไรสุทธิรวมดีกว่า Bloomberg Consensus คาดเล็กน้อยราว 2.6% ทำให้การปรับเพิ่มประมาณการของนักวิเคราะห์ในตลาด มีโอกาสค่อนข้างจำกัด
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ เราแนะนำเก็งกำไรหุ้นรายตัวที่ผลการดำเนินงานยังขยายตัวได้ดี แต่ราคาหุ้นกลับปรับตัวสวนทางลงมาในช่วงก่อนหน้า เช่น BJC/ TCMC/ SAPPE หรือสะสมหุ้นกลุ่มธนาคาร (KBANK/ TMB) ที่น่าจะได้รับแรงหนุนจากการหมุนกลุ่มหุ้น (Sector Rotation) จาก Global Play มาสู่ Domestic Play และมีประเด็นบวกจากการจ่ายเงินปันผล ซึ่งจะเริ่มทยอยขึ้นเครื่องหมาย XD ตั้งแต่กลางเดือน เม.ย.เป็นต้นไป
HOT Topic
1. FTSE ประกาศหุ้นเข้า/ออก ดัชนี FTSE Thailand มีหุ้นตัวใดบ้าง?
2. สรุปภาพรวมงบ 4Q60 ได้แก่ LH, TCMC, SAPPE, BGRIM, BDMS, UNIQ, CK, AH
3. ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลงแรง จากปัจจัยอะไร?
4. สัปดาห์หน้าจับตาการตัดสินคดีหงสาในวันที่ 6 มี.ค.
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา SET INDEX ขึ้นไปทำจุดสูงสุดระหว่างวันที่บริเวณ 1840.06 จุด ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะมีการปรับดัชนี MSCI ส่งผลให้ SET INDEX แกว่งตัวค่อนข้างมากก่อนลงมาปิดที่ 1830.13 จุด ลดลง 0.26 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.7 หมื่นล้านบาท ด้านกระแสเงินทุน นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิวันแรกในรอบ 3 วันราว 4 พันล้านบาท เช่นเดียวกับสถาบันในประเทศขายสุทธิวันแรกในรอบ 4 วันราว 460 ล้านบาท ด้านตลาด Set50 Index Future นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Short สุทธิหนาแน่นเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันราว 8.3 พันสัญญา รวม 3 วันมีสถานะ Short สุทธิราว 2.4 หมื่นสัญญา ขณะที่สถาบันในประเทศและบัญชี บล. มีสถานะ Long สุทธิราว 3 พันสัญญา ส่งผลให้ QTD นักลงทุนต่างชาติกลับมามีสถานะ Short สุทธิ 3.5 พันสัญญา ขณะที่สถาบันในประเทศและบัญชี บล.มีสถานะ Long สุทธิราว 9 พันสัญญา ด้านตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิราว 294 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
ประธานาธิบดีสหรัฐฯเตรียมประกาศเก็บภาษีนำเข้าเหล็กเป็น 25% และอลูมิเนียม 10% โดยจะประกาศรายละเอียดในสัปดาห์หน้า
สหรัฐฯรายงาน GDP 4Q60 ครั้งที่ 2 ขยายตัว 2.5% YoY เท่ากับที่ตลาดคาด แต่ต่ำกว่าประมาณการครั้งแรกที่ 2.6%
สหรัฐรายงานเงินเฟ้อ PCE ออกมาขยายตัว 1.9% เท่ากับที่ตลาดคาด
EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้น 3 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่ตลาดคาดว่าเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรล
การปรับดัชนี FTSE มีผล ณ ราคาปิดวันที่ 16 มี.ค.
ติดตามการเจรจา NAFTA รอบที่ 7 ในวันที่ 26 ก.พ. - 6 มี.ค.
ติดตามการรายงานเงินเฟ้อไทย เดือนก.พ. ในวันที่ 2 มี.ค.
การเลือกตั้งของอิตาลี วันที่ 4 มี.ค.
ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า
ติดตามผลการตัดสินคดีหงสา (BANPU,BPP) วันที่ 6 มี.ค.
ติดตามการรายงาน GDP อียู 4Q60 วันที่ 7 มี.ค.
ติดตามการรายงานการนำเข้า-ส่งออกจีน เดือน ก.พ., การรายงาน GDP ญี่ปุ่น และการประชุม ECB วันที่ 8 มี.ค.
ติดตามการประชุม BOJ, เงินเฟ้อจีน และรายงานภาวะตลาดแรงงานสหรัฐ ในวันที่ 9 มี.ค.
Strategist Team
Mayuree Chowvikran Head of Research , 662-009-8050
Padon Vannarat Strategist , 662-009-8060
Piyapat Patarapuvadol Strategist , 662-009-8062
Nutt Treepoonsuk Strategist , 662-009-8059
OO6033