- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 28 February 2018 22:00
- Hits: 4906
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“ค่าบวกถือต่อ/ค่าลบ Wait & See”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศ : ปัจจัยต่างประเทศ – Sentiment พลิกกลับเป็นลบ หลังจากที่นายพาวเวล ประธานเฟดคนใหม่ ระบุต่อคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนฯเมื่อคืนนี้ว่า เฟดมีแผนปรับขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ แต่มีแนวโน้มจะปรับขึ้นเป็น 4 ครั้งหลังรัฐบาลทรัมป์ปฎิรูปภาษีและเพิ่มค่าใช้จ่ายภาครัฐ ซึ่งทำให้ US bond yield และ VIX เพิ่มขึ้น รวมทั้งค่าเงิน US$ ก็แข็งขึ้นด้วย ซึ่งเป็นลบต่อตลาดหุ้น น้ำมันและทองคำ พร้อมกันนั้นตลาดน้ำมันก็กังวลเรื่องอุปทานเพิ่มจากสหรัฐด้วย โดยคาดว่าสหรัฐจะผลิตนํ้ามันดิบแตะ 11 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้
ปัจจัยในประเทศ – เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นไทยขึ้นไปสูงสุด 1852.51 และลงไปต่ำสุด 1830.03 (แกว่งในวัน 22.48 จุด) ปิดตลาดแทบจะต่ำสุดของวันที่ระดับ 1830.39 จุด (-3.79 จุด) แม้ว่าหุ้น PTT ที่บวก 1.41% จะช่วยพยุงไว้แล้วก็ตาม ส่วนวันนี้ ถ้าตลาดเป็นลบจะดูไม่ค่อยดี ควร Wait & See ก่อน สำหรับผลประกอบการบจ.ที่ประกาศออกมา เท่าที่รวบรวมถึงเย็นวานนี้พบว่ากำไรปี 60 โตประมาณ 8% ส่วนแนวโน้มปี 61 เราประมาณการว่ากำไรบจ.จะเพิ่มขึ้นต่อ 8-10% ซึ่งเป็นไปตามการเติบโตของเศรษฐกิจ
หุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น HMPRO – กำไร 4Q60 ออกมาตามคาดที่ 1.5 พันล้านบาท (+16%YoY, +29%QoQ) สูงสุดเป็นประวัติการณ์ มาจากอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงเป็น 27.5% ใน 4Q60 (จาก 26.2% ใน 4Q59) เพราะปรับ Product mixed และมี Economy of scale มากขึ้น ด้านการเปิดสาขาปี 60 เปิดไป 9 แห่ง (ในไทย 5 และมาเลเซีย 4) กำไรปี 60 โต 18% เป็น 4.9 พันล้านบาท ประกาศจ่ายปันผลสำหรับ 2H60 เท่ากับ 0.18 บาท/หุ้น XD 19 เม.ย.ที่ราคาปิด 14.50 บาทคิดเป็น Yield รอบนี้ 1.2% แนวโน้มปี 61 ไปได้ดีจากการบริโภคที่ทยอยฟื้นตัว SSSG เป็นบวก ขยายสาขาต่อเนื่อง และการเพิ่มสัดส่วนสินค้า House band ทำให้มาร์จิ้นเพิ่มขึ้น แนะซื้อ ให้ TP 17.50 บาท
กลยุทธ์ทางพื้นฐาน : แนะเลือกซื้อเป็นรายบริษัท โดยธีมเด่นหุ้นดีจาก DBS ในปี 61 เราเลือกเป็น 1. Investment recovery play (หุ้นเด่น AMATA ราคาพื้นฐาน 30 บาท), 2. Dividend play (หุ้นเด่น KKP ราคาพื้นฐาน 88 บาท), 3. Growth play (หุ้นเด่น IVL ราคาพื้นฐาน 65 บาท) และ 4. Tourism play (หุ้นเด่น ERW ราคาพื้นฐาน 10.50 บาท) การอ่อนตัวของราคาหุ้นเป็นจังหวะทยอยซื้อสะสม
กลยุทธ์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นลบ ซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก ค่าลบให้ Wait & See ก่อน กรณีบวกมีแนวต้าน 1840-1850, 1860 จุด ต่ำกว่า 1820 จุดลดพอร์ตตาม แนวรับ 1810-1800 จุด ส่วนหุ้นแนะนำที่ให้หาจังหวะ Take profit เป็น VGI, GLOW, TMB, PLAT, PTL และหุ้นที่หลุด List เป็น HUMAN, TOP, EGCO, RS, ADVANC
ปัจจัยต่างประเทศ
• จีน : ดัชนี PMI ภาคผลิตและบริการเดือนก.พ.อ่อนลงแต่ยังเหนือ 50
# สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนก.พ. ลดลงเป็น 50.3 จากเดือนม.ค.ที่ 51.3
# สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนก.พ. เท่ากับ 54.4 ชะลอตัวลงจากเดือนม.ค.ที่ 55.3 แต่ดัชนีที่เหนือ 50 บ่งชี้ถึงการเติบโตเมื่อเทียบกับก่อนหน้า
-/• สหรัฐ : ประธานเฟดคนใหม่ระบุว่าสหรัฐอาจปรับขึ้นดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้
# นายพาวเวลประธานเฟดคนใหม่ระบุต่อคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎรว่า เฟดมีแผนปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ และอาจมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นเป็น 4 ครั้ง หลังจากมีการใช้มาตรการด้านการคลังกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งรวมถึงการปรับลดอัตราภาษีและการเพิ่มการใช้จ่ายของรัฐบาล
# นายพาวเวลได้แสดงมุมมองที่เป็นบวกต่อภาวะเศรษฐกิจของสหัฐ โดยระบุว่าตลาดแรงงานและการใช้จ่ายของผู้บริโภคยังคงมีความแข็งแกร่ง ขณะที่ค่าจ้างมีการเพิ่มขึ้นในอัตราเร่งตัว เชื่อว่าเงินเฟ้อจะดีดตัวขึ้นในปีนี้ โดยจะมีเสถียรภาพที่ระดับ 2% ในระยะกลาง
- สหรัฐ : US bond yield และ VIX พุ่งขึ้น & ค่าเงินดอลลาร์แข็งขึ้น
# อัตราผลตอบเทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี (US bond yield – 10 years) พุ่งไปสูงสุด 2.9241% เมื่อคืนนี้ จากต่ำสุดที่ 2.8314% เมื่อวันก่อนหน้า (ล่าสุดเช้านี้ลงมาเป็น 2.8962%) หลังนายพาวเวลแถลงว่าเฟดมีโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้
# VIX (Volatility index) เพิ่มเป็น 18.59% จาก 15.8% เมื่อวันก่อน
# ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ (Dollar index) แข็งขึ้นเป็น 90.364 จาก 89.877 ในวันก่อนหน้า
+/• สหรัฐ : ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.แข็งแกร่งมาก ราคาบ้านปรับขึ้นจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง
# ผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐทะยานขึ้นสู่ระดับ 130.80 ในเดือนก.พ.ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2543 จากระดับ 124.30 ในเดือนม.ค.
# สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์ระบุว่าดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐพุ่งขึ้น 6.3%YoY ในเดือนธ.ค. จากระดับ 6.1% ในเดือนพ.ย. โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง และภาวะสต็อกบ้านในระดับต่ำ
# ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ดิ่งลง 3.7% ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นการทรุดตัวลงมากที่สุดในรอบ 6 เดือน โดยได้รับผลกระทบจากการปรับตัวลงของคำสั่งซื้อเครื่องบินพาณิชย์
- ภาวะตลาดหุ้น : ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐร่วงประมาณ 1.2%
# ดัชนี DJIA ปิดที่ 25,410.03 จุด -299.24 จุด หรือ -1.16% ดัชนี Nasdaq ปิด 7,330.35 จุด -91.11 จุด หรือ -1.23% และดัชนี S&P500 ปิด 2,744.28 จุด -35.32 จุด หรือ -1.27%
# ปัจจัยกดดัน คือ ถ้อยแถลงของนายพาวเวล ประธานเฟดคนใหม่ที่ระบุว่าเฟดมีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ย 4 ครั้งในปี 61
- ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาอ่อนลง 1.3-1.4%
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 90 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 63.01 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 87 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 66.63 ดอลลาร์/บาร์เรล เพราะกังวลอุปทานจากสหรัฐที่จะเพิ่มขึ้น
# สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยในช่วงต้นก.พ.61 ว่าการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐจะพุ่งขึ้นเหนือระดับ 11 ล้านบาร์เรล/วัน ภายในปลายปี 61 นี้
- ภาวะตลาดทองคำ : ราคาทองดิ่ง 14.20 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ร่วงลง 14.20 ดอลลาร์ หรือ 1.1% ปิดที่ 1,318.60 ดอลลาร์/ออนซ์ จากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งขึ้น
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นมีข่าว
• TKN : รุกตลาดสหรัฐ หวังทำรายได้ 300 ล้านบาทใน 18 เดือน
# นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TKN เปิดเผยว่าหลังจากบริษัทได้เข้าซื้อกิจการ จิม แฟคทอรี่ อิ้งค์ (GIM Factory Inc.) ซึ่งเป็นโรงงานผลิตสาหร่ายในสหรัฐ มูลค่า 2.015 ล้านดอลลาร์หรือราว 69 ล้านบาท เพื่อทำการผลิตสาหร่ายนั้น ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการวางแผนลงทุนเครื่องจักร ทีมงาน และระบบขนส่งก่อนที่จะเริ่มทำการผลิตสินค้าเพื่อเน้นทำตลาดภายในประเทศเป็นหลัก วางเป้าหมายยอดขาย 300 ล้านบาท (ประมาณ 5% ของรายได้ปี 60) ใน 18 เดือนข้างหน้า
# สำหรับในประเทศ มีแผนขยายตลาดไปหัวเมืองรองมากขึ้น จะเปิดร้านเถ้าแก่น้อยแลนด์เพิ่ม 7 สาขาในปี 61 รวมเป็น 20 สาขาในสิ้นปีนี้ จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่คือ ขนมทานเล่น สรุปได้ใน 2Q61
# ส่วนตลาดต่างประเทศ จะหาช่องทางจำหน่ายเพิ่มเติมในตลาดจีน สหรัฐ เวียดนาม และฟิลิปปินส์ และจะขยายสินค้าไปในตลาดยุโรปด้วย ปัจจุบันขายสินค้า 50 ประเทศทั่วโลก รายได้ส่งออก 60% ของรายได้รวม คาดว่าใน 10 ปีข้างหน้ารายได้ส่งออกจะเพิ่มเป็นกว่า 80%
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]
OO5994