- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 28 February 2018 21:33
- Hits: 4713
บล.เอเชีย เวลท์ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ผันผวนด้วยเรื่องเดิม
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : ความวิตกกังวลว่าอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น อีกทั้งประธานเฟดคนใหม่มีถ้อยแถลงจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเฟดมากถึง 4 ครั้งในปี 2561 ซึ่งมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้เพียง 2-3 ครั้ง ดังนั้นภาวะตลาดหุ้นทั่วโลก แม้มีแนวโน้มขึ้นต่อ แต่ก็จะเกิดการพักฐานแรง ๆ เป็นระยะ ๆ กรอบดัชนีวันนี้ เราคาด 1,810-1,840 จุด ทางลงเป็นต่อ หุ้นแนะนำ เราเลือกให้เกาะหุ้นที่มีแนวโน้มขาขึ้น และกำลังเตรียมจ่ายเงินปันผลในระดับที่ดี เลือก AJ PTTGC
Stock Comment
AJ ซื้อรอรับปันผล เลือกเป็น Pick of the day
PTTGC เทรนด์ธุรกิจโอเลฟินส์แข็งแกร่ง สนับสนุนแนวโน้มขาขึ้นทั้ง Fundamental และ Technical ซื้อรอรับปันผลระหว่างกาล 2.50 บาท XD 5 มี.ค.61
หุ้นเด่นวันนี้ : AJ (ราคาปิด 13.80 บาท; ซื้อ; AWS TP: 19.50 บาท)
กำไรจากการดำเนินงานปี 2560 เป็นไปตามคาดการณ์ เราคาดว่าจะมีกำไรเติบโตต่อเนื่องในปี 2561 ราว 30%-40% YoY เป็น 447 ล้านบาท
ผลิตภัณฑ์กระจายตัวหลายประเภท คือ BOPP, BOPET และ BOPA ทุกผลิตภัณฑ์มีสเปรดใน 1Q61 ที่ปรับตัวดีขึ้น YoY และ QoQ โดย BOPP และ BOPET สเปรดสูงกว่า 500 เหรียญฯ ต่อตัน และ BOPA สเปรดสูงถึง 1,800 เหรียญฯ ต่อตัน
ปันผลระหว่างกาล 0.30 บาท XD 8 มี.ค.61 คิดเป็น 2.17% ในขณะที่ทั้งปีปันผลรวมทั้งปี 0.66 บาทต่อหุ้น บริษัททยอยประกาศจ่ายปันผลทุกไตรมาส ตั้งแต่ไตรมาส 1/60-ไตรมาส 3/60 เราคาดว่ามีโอกาสที่จะเป็นหุ้นปันผลดีในช่วงที่กิจการอยู่ในช่วงขาขึ้นแบบนี้ในปี 2561
Price Pattern ของ AJ มีแนวโน้มหลักอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily & Monthly Buy Signal รอเพียงการกลับมาเกิด Weekly Buy Signal ครั้งใหม่ก็จะกลับมามีแนวโน้มหลักที่เป็นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) อย่างเต็มตัว โดยปิดตลาดรายสัปดาห์ได้เหนือ 13.80 บาทให้ได้ ซึ่งเป้าหมายเบื้องต้นถัดไปอยู่ที่ 18 บาท ทั้งนี้ AJ มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 13.30 บาท (Resistance: 13.90, 14.00, 14.30; Support: 13.70, 13.60, 13.30)
ปัจจัยในประเทศ :
นายกฯ ประยุทธ์ ประกาศชัดเลือกตั้งไม่เกิน ก.พ.62 หลัง 1 มี.ค.นี้เปิดให้จัดตั้งพรรคใหม่ได้ ส่วนกิจกรรมการเมืองต้องขออนุญาต คสช.เป็นครั้งคราว ขณะที่ สนช.เตรียมโหวต 2 กฎหมายลูก 8 มี.ค.นี้ มั่นใจไร้ปัญหา (Thaipost) ความเห็น: ข่าวดังกล่าวเป็นปัจจัยบวกให้กับตลาด แต่กำหนดการเลือกตั้งยังมีความไม่แน่นอนสูง เพราะอาจเลื่อนออกไปอีกได้หากกฎหมายลูกที่เกี่ยวข้องไม่สามารถผ่านการพิจารณาได้ทันตามกำหนดในเดือน มี.ค. 61
MTLS (ราคาปิด 42.75 บาท; ซื้อ; AWS TP: 50 บาท) ยืนยันว่าไม่ได้รับผลกระทบหลังจากมีข่าวว่ากระทรวงการคลังเตรียมออก พ.ร.บ.การกำกับดูแลผู้ให้บริการทางการเงินนอกกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยจะจัดตั้งหน่วยงานกำกับดูแลกิจการที่ดำเนินธุรกิจคล้ายสถาบันการเงิน (Non-bank) นอกจากนี้ บริษัทพร้อมหนุนกระทรวงการคลังเนื่องจากจะได้มีหน่วยงานที่ชัดเจนเข้ามาดูแล (อินโฟเควสท์) ความเห็น: เรามองว่า MTLS รวมถึง SAWAD จะไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยดังกล่าวเนื่องจากการคิดดอกเบี้ยของบริษัทเหล่านี้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" ทั้ง MTLS และ SAWAD
CENTEL (ปิด 50.75 บาท, "N.A.", IAA Consensus 54.71 บาท) ประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 4/60 เท่ากับ 441 ล้านบาท (+6% YoY, +19% QoQ) ต่ำกว่าที่ Bloomberg consensus ประมาณการไว้ 11%
AP (ปิด 8.60 บาท; BUY; AWS TP 10.00 บาท) AP รายงานกำไรในปี 2560 ที่ 3,148 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.5% YoY สูงกว่าที่เราคาดไว้ 3.9% เนื่องจากมีการรับรู้รายได้ใน 4Q17 มากกว่าที่คาด โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้า Presales ที่ 33,500 ล้าน ลดลง 22% YoY เนื่องจากปีที่แล้วถือเป็นปีที่ AP ทำยอด presales ได้เป็นประวัติการณ์ โดยบริษัทเตรียมเปิดโครงการทั้งหมด 35 โครงการ รวมมูลค่าทั้งหมด 49,000 ล้านบาท เราแนะนำ "ซื้อ" เนื่องจากบริษัทมีการเติบโตจากโครงการ JVs ที่ดีโดยมีแรงหนุนจากยอด backlog และ presales ที่แข็งแกร่ง เราให้ราคาเป้าหมายที่ 10.00 อ้างอิง PER 9.8 เท่าจากกำไรสุทธิในปี 2561ปรับราคาเป้าหมายและประมาณการ (เดิมแนะนำ "ขาย" ด้วยราคาเป้าหมาย 25.00 บาท)
ตลาดต่างประเทศ :
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ : ปิดร่วง 1.16 %-1.27 % หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แถลงต่อสภาคองเกรสสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ โดยส่งสัญญาณว่าเฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ ทั้งนี้ ถ้อยแถลงของนายพาวเวลส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ประเภทอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 2.923% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.194% เมื่อคืนนี้ สร้างแรงกดดันต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้น
ตลาดหุ้นยุโรป : ปิดปรับตัวลดลงเล็กน้อย ก่อนทราบผลของถ้อยแถลงประธานเฟด ซึ่งส่งผลให้ Bond Yield พุ่ง
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาทองคำ : ร่วงลง 14.20 ดอลลาร์ หรือ 1.1% ปิดที่ 1,318.60 ดอลลาร์/ออนซ์ ได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น หลังถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ(US. Dollar Index) หรือ DXYO เพิ่มขึ้น 0.52% สู่ระดับ 90.327 เมื่อคืนนี้ ดอลลาร์ที่แข็งค่า จะลดความน่าดึงดูดของความต้องการซื้อทองคำ
ราคาน้ำมันดิบ : ปิดปรับตัวลดลง โดย WTI ลดลง 90 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 63.01 ดอลลาร์/บาร์เรล ;เบรนท์ ลดลง 87 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 66.63 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐจะปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้ลดความน่าดึงดูดความต้องการซื้อน้ำมัน ความเห็น: PTT ปรับคาดการณ์ราคาน้ำมันปี 2561 ขึ้น จาก 55 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เป็น 60-65 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ดัชนีค่าระวางเรือ BDI : ปิดวันทำการล่าสุดที่ 1,188.00 จุด ลดลง 3.00 จุด
Thailand Research Department
Vajiralux Sanglerdsillapachai (No.17385) Tel: 0-2680-5077
Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 0-2680-5090
Adisak Prombun (No.14543) Tel: 0-2680-5056
Veeraya Rattanaworatip (No.86645) Tel: 0-2680-5042
Nutchapol Cheevavichawalkul (No.46377) Tel: 0-2680-5094
OO5989