- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 26 February 2018 16:55
- Hits: 1220
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน กลยุทธ์วันนี้ >> Earnings Play//Accumulate On Weakness
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ปรับตัวขึ้นได้ตามตลาดหุ้นต่างประเทศ อย่างไรก็ตามกรอบการบวกถือว่าสูงกว่าที่เรามประเมิน แรงซื้อส่วนใหญ่มาจากสถาบันในประเทศราว 1.7 พันลบ. (และยังซื้อตราสารหนี้หนาแน่นติดต่อกันเป็นวันที่ 7 อีก 2 หมื่นลบ.) ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกมาขายสุทธิในมูลค่าใกล้เคียงกัน
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะแกว่งตัวขึ้นทดสอบ 1,815-1,820 จุดจากบรรยากาศการลงทุนที่ยังคงสดใสหลัง Bond Yield สหรัฐฯเริ่มปรับลง ส่วนราคาน้ำมันดิบที่ยังขยับขึ้นน่าจะช่วยหนุนหุ้นต่อเนื่อง แต่เชื่อว่าโอกาสทะลุขึ้นในทันทียังต่ำเนื่องจากยังมีปัจจัยที่ต้องติดตามสัปดาห์นี้ ได้แก่ การแถลงต่อหน้าสภาคองเกรสของพาวเวลรวมถึงตัวเลข GDP 4Q17 ของสหรัฐฯ (คาดการณ์ครั้งที่ 2) ส่วนบ้านเรากำลังเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของการรายงานกำไร 4Q17 เช่นกัน เรายังมองจังหวะย่อตัวของตลาดเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานเพิ่ม
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นที่คาดกำไร 4Q17 โดดเด่น //สะสมหุ้นพื้นฐานเพิ่มในช่วงอ่อนตัว
หุ้นเด่นเดือน ก.พ. : AMATA, BBL, BCH, MGT, SAPPE
Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$60ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$103ล้าน ขณะที่ไหลออกไทย US$57ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาค ติดตามการแถลงของประธานเฟดคนใหม่ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งเป็นการแถลงวิสัยทัศน์นโยบายการเงินต่อรัฐสภาสหรัฐเป็นครั้งแรก
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> MINT <<
การประชุมนักวิเคราะห์ให้โทนเป็นบวก ผู้บริหารคาดว่าปี 2018 จะเป็นปีที่ดีทั้งรายได้และ Margins ที่เพิ่มขึ้น
ธุรกิจโรงแรมคาดว่าจะมี Rev Par โตทุกตลาดนำโดยไทยและโปรตุเกส ส่วนธุรกิจอาหารคาดเห็นการฟื้นตัวของ SSSG ชัดเจนโดยเฉพาะในไทย และยังใช้กลยุทธ์ปิดสาขาที่ไม่กำไรในตลาดที่มีปัญหา
กำไร 1Q18 จะเป็นจุดสูงสุดของปี เรายังคาดกำไรปีนี้ +20% Y-Y ราคาหุ้นที่ปรับลงเกือบ 10% ในกว่า 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาสวนทางกับภาพที่เป็นบวกดังกล่าว ถือเป็นโอกาสในการ "ซื้อ" ราคาเหมาะสม 48 บาท
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) K ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 2018 โต 25-30% ปัจจุบันมีงานในมือ 800 ลบ. คาดว่าจะรับรู้รายได้ทั้งหมดใน 9M18 และมีการรอประมูลอีกว่า 1.8 พันลบ. จากทั้งพื้นที่ส่วนกลางและ Shop Brand ของโครงการ Mix-used เราคาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และจะกลับมามีกำไรสุทธิ 57 ลบ. จากขาดทุน 15 ลบ. ในปีก่อน แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 6.50 บาท
(+) BEAUTY กำไรสุทธิ 4Q17 ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 408 ลบ .+17% Q-Q, 129% Y-Y ที่ดีมากคือรายได้โตแต่ค่าใช้จ่ายในการขายไม่โตตาม เพราะช่องทางที่ขยายเร็วคือส่งออก(ไปจีน)และออนไลน์ กำไรทั้งปี 2017 อยู่ที่ 1,229 ลบ. +87% Y-Y เราคาดกำไรปี 2018 +28% Y-Y อยู่ที่ 1,568 ลบ. แต่ 1Q18 อาจชะลอ Q-Q เพราะจีนเร่งสั่งไปแล้วใน 4Q17 ราคาปัจจุบันเต็มมูลค่าที่ 20.50 บาท แนะนำขาย
(+) SVI กำไรสุทธิ 4Q17 เท่ากับ 112 ล้านบาท +40% Q-Q, -46% Y-Y ใกล้เคียงคาด หากไม่รวมการพิเศษ จะมีกำไรปกติ 152 ล้านบาท +108% Q-Q, -3% Y-Y ถือว่าฟื้นตัวได้ดี มีรายได้ขยับขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ที่ระดับ US$100 ล้าน (+5% Q-Q, +19% Y-Y) ทั้งที่เป็นช่วง Low Season และอัตรากำไรขั้นต้นขยับขึ้นได้แม้จะยังเป็นระดับต่ำกว่าปกติ แต่เริ่มเห็นการฟื้นตัว ซึ่งจะฟื้นชัดเจนตั้งแต่ 2Q18 หลังปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบเริ่มคลี่คลาย และรับรู้รายได้จากลูกค้ารายใหม่ 2 รายในปีก่อนและมีแนวโน้มได้ลูกค้ารายใหม่ต่อเนื่องในปีนี้ เราคาดกำไรปีนี้ +33% Y-Y เป็น 656 ล้านบาท คงราคาเป้าหมาย 4.90 บาท ปรับคำแนะนำขึ้นเป็นซื้อ จากเดิมถือ
(-) LIT เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2018 ลงเป็น 162 ล้านบาท +11% Y-Y จากนโยบายการการตั้งสำรองหนี้สูญที่เพิ่มเป็น 7% จากปีก่อนที่ต่ำกว่า 5% ของสินเชื่อคงค้างทั้งหมด เพื่อรองรับมาตรฐานบัญชี IFRS 9 ทำให้ค่าใช้จ่ายสำรองฯปีนี้น่าจะเพิ่มขึ้น 40% จากปีก่อน แลกกับ Coverage ratio ที่จะแข็งแกร่งขึ้นเป็น 130-140% จาก 102% ในปีก่อน และทำให้การเติบโตของกำไรใน 3 ปีข้างหน้าลดลงเป็น 16% จากเดิม 20% เราปรับลดราคาเหมาะสมลงเป็น 10.40 บาท (เดิม 11.70 บาท) ลดคำแนะนำเป็นถือ จากเดิมซื้อ หรือ Switch เป็น TK (ราคาเหมาะสม 19.50 บาท)
(0) BEC ผลประกอบการ 4Q17 ขาดทุนหนักกว่าคาด ขาดทุนถึง 336 ลบ. จากรายได้ค่าโฆษณาที่ลดลง แต่ต้นทุนบริการเพิ่มสูงมาก เราคาดกำไรปีนี้เริ่มฟื้นเป็น 466 ลบ.เพราะเริ่มเห็นรายได้โฆษณาและเรทติ้งที่เริ่มกระเตื้อง และราคาหุ้นปรับลงให้เป้าหมายที่ 10.50 บาท จึงปรับคำแนะนำขึ้นเป็นถือ จากเดิมขาย
(+) K ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 2018 โต 25-30% ปัจจุบันมีงานในมือ 800 ลบ. คาดว่าจะรับรู้รายได้ทั้งหมดใน 9M18 และมีการรอประมูลอีกว่า 1.8 พันลบ. จากทั้งพื้นที่ส่วนกลางและ Shop Brand ของโครงการ Mix-used เราคาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และจะกลับมามีกำไรสุทธิ 57 ลบ. จากขาดทุน 15 ลบ. ในปีก่อน แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 6.50 บาท
(+) BEAUTY กำไรสุทธิ 4Q17 ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 408 ลบ .+17% Q-Q, 129% Y-Y ที่ดีมากคือรายได้โตแต่ค่าใช้จ่ายในการขายไม่โตตาม เพราะช่องทางที่ขยายเร็วคือส่งออก(ไปจีน)และออนไลน์ กำไรทั้งปี 2017 อยู่ที่ 1,229 ลบ. +87% Y-Y เราคาดกำไรปี 2018 +28% Y-Y อยู่ที่ 1,568 ลบ. แต่ 1Q18 อาจชะลอ Q-Q เพราะจีนเร่งสั่งไปแล้วใน 4Q17 ราคาปัจจุบันเต็มมูลค่าที่ 20.50 บาท แนะนำขาย
(+) SVI กำไรสุทธิ 4Q17 เท่ากับ 112 ล้านบาท +40% Q-Q, -46% Y-Y ใกล้เคียงคาด หากไม่รวมการพิเศษ จะมีกำไรปกติ 152 ล้านบาท +108% Q-Q, -3% Y-Y ถือว่าฟื้นตัวได้ดี มีรายได้ขยับขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ที่ระดับ US$100 ล้าน (+5% Q-Q, +19% Y-Y) ทั้งที่เป็นช่วง Low Season และอัตรากำไรขั้นต้นขยับขึ้นได้แม้จะยังเป็นระดับต่ำกว่าปกติ แต่เริ่มเห็นการฟื้นตัว ซึ่งจะฟื้นชัดเจนตั้งแต่ 2Q18 หลังปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบเริ่มคลี่คลาย และรับรู้รายได้จากลูกค้ารายใหม่ 2 รายในปีก่อนและมีแนวโน้มได้ลูกค้ารายใหม่ต่อเนื่องในปีนี้ เราคาดกำไรปีนี้ +33% Y-Y เป็น 656 ล้านบาท คงราคาเป้าหมาย 4.90 บาท ปรับคำแนะนำขึ้นเป็นซื้อ จากเดิมถือ
(-) LIT เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2018 ลงเป็น 162 ล้านบาท +11% Y-Y จากนโยบายการการตั้งสำรองหนี้สูญที่เพิ่มเป็น 7% จากปีก่อนที่ต่ำกว่า 5% ของสินเชื่อคงค้างทั้งหมด เพื่อรองรับมาตรฐานบัญชี IFRS 9 ทำให้ค่าใช้จ่ายสำรองฯปีนี้น่าจะเพิ่มขึ้น 40% จากปีก่อน แลกกับ Coverage ratio ที่จะแข็งแกร่งขึ้นเป็น 130-140% จาก 102% ในปีก่อน และทำให้การเติบโตของกำไรใน 3 ปีข้างหน้าลดลงเป็น 16% จากเดิม 20% เราปรับลดราคาเหมาะสมลงเป็น 10.40 บาท (เดิม 11.70 บาท) ลดคำแนะนำเป็นถือ จากเดิมซื้อ หรือ Switch เป็น TK (ราคาเหมาะสม 19.50 บาท)
(0) BEC ผลประกอบการ 4Q17 ขาดทุนหนักกว่าคาด ขาดทุนถึง 336 ลบ. จากรายได้ค่าโฆษณาที่ลดลง แต่ต้นทุนบริการเพิ่มสูงมาก เราคาดกำไรปีนี้เริ่มฟื้นเป็น 466 ลบ.เพราะเริ่มเห็นรายได้โฆษณาและเรทติ้งที่เริ่มกระเตื้อง และราคาหุ้นปรับลงให้เป้าหมายที่ 10.50 บาท จึงปรับคำแนะนำขึ้นเป็นถือ จากเดิมขาย
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
26 ก.พ.- สหรัฐฯ: ยอดขายบ้านใหม่ (ม.ค. 18)
27 ก.พ.- สหรัฐฯ: ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ม.ค. 18)
28 ก.พ.- สหรัฐฯ: 4Q17 GDP (ครั้งที่ 2)
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (ก.พ. 18)
- จีน: PMI ภาคการผลิต
1 มี.ค.- สหรัฐฯ: ISM ภาคการผลิต
20-21มี.ค.- สหรัฐฯ: ประชุม FOMC
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐทั้งสามตลาดปรับขึ้นประมาณ 1.5% เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวลดลงจากระดับสูงสุดที่ 2.95% มาอยู่ที่ 2.86% ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลลง
(0) ตลาดหุ้นยุโรปปิดผสมผสานแม้ว่าจะได้แรงบวกจากตลาดหุ้นสหรัฐ อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าขึ้นของเงินปอนด์ทำให้เกิดแรงขายในตลาดหุ้นอังกฤษ เนื่องจากบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่พึ่งพาการส่งออก
(+) ตลาดเอเชียปรับตัวขึ้นทุกตลาดในเช้านี้ นำโดยตลาดหุ้นญี่ปุ่น ไต้หวัน และฮ่องกง (Future) ที่ปรับขึ้นประมาณ 0.5-1%
() ค่าเงินบาทมีการแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆส่งสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ล่าสุดอยู่ที่ 31.40บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 0.78 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 63.55 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีการปิดแหล่งน้ำมัน เอล ฟีลในประเทศลิเบีย
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ลดลง 2.40 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,330.30 ดอลลาร์/ออนซ์ จากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นส่งผลให้ความต้องการถือครองทองคำลดลง
Contact person : Jitra Amornthum
Register : 014530 Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research
OO5880
26 ก.พ.- สหรัฐฯ: ยอดขายบ้านใหม่ (ม.ค. 18)
27 ก.พ.- สหรัฐฯ: ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ม.ค. 18)
28 ก.พ.- สหรัฐฯ: 4Q17 GDP (ครั้งที่ 2)
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (ก.พ. 18)
- จีน: PMI ภาคการผลิต
1 มี.ค.- สหรัฐฯ: ISM ภาคการผลิต
20-21มี.ค.- สหรัฐฯ: ประชุม FOMC
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐทั้งสามตลาดปรับขึ้นประมาณ 1.5% เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวลดลงจากระดับสูงสุดที่ 2.95% มาอยู่ที่ 2.86% ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลลง
(0) ตลาดหุ้นยุโรปปิดผสมผสานแม้ว่าจะได้แรงบวกจากตลาดหุ้นสหรัฐ อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าขึ้นของเงินปอนด์ทำให้เกิดแรงขายในตลาดหุ้นอังกฤษ เนื่องจากบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่พึ่งพาการส่งออก
(+) ตลาดเอเชียปรับตัวขึ้นทุกตลาดในเช้านี้ นำโดยตลาดหุ้นญี่ปุ่น ไต้หวัน และฮ่องกง (Future) ที่ปรับขึ้นประมาณ 0.5-1%
() ค่าเงินบาทมีการแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆส่งสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ล่าสุดอยู่ที่ 31.40บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 0.78 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 63.55 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีการปิดแหล่งน้ำมัน เอล ฟีลในประเทศลิเบีย
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ลดลง 2.40 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,330.30 ดอลลาร์/ออนซ์ จากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นส่งผลให้ความต้องการถือครองทองคำลดลง
Contact person : Jitra Amornthum
Register : 014530 Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research
OO5880
