- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 21 February 2018 19:57
- Hits: 1615
บล.เอเซียพลัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์การลงทุน
SET ยังแกว่งตัวในกรอบ 1790-1810 จุด ยังมีแรงขายรับงบ และหุ้นน้ำมันเริ่มอ่อนแรง สวนทาง dollar ที่กลับมาแข็งค่า แต่ยังคงประคองตัว 60-63 เหรียญฯ กลยุทธ์ฯ เลือกรายหุ้นผสมหุ้น Domestic (WHA, BJC) เงินปันผลสูง (SIRI, INTUCH) + Global Play PTTEP, PTT Top picks ยังเลือก PTT(FV@520) ซึ่งเตรียมลดพาร์เหลือ 1 บาท คาดราคาหุ้นจะตอบสนองด้านบวกจนถึงก่อนหน้าวันลดพาร์จริง 1 วัน ในราว พ.ค. นี้ และ BJC(FV@73) เติบโตตามธุรกิจค้าปลีก และ บรรจุภัณฑ์ในไทยและเวียดนาม รวมถึงมีโอกาสเพิ่มธุรกิจ Banking Agent สูงอีกราย
ย้อนรอยตลาดหุ้นไทย ….. แรงขายรับงบกดดัน SET ปิดตลาดแดนลบ
วานนี้ SET Index แกว่งตัวสลับบวกลบในช่วงเช้า ก่อนที่ช่วงบ่ายจะถูกแรงขายกดดันดัชนีย่อลงลึกมาปิดตลาดที่ 1801.02 จุด ลดลง 8.65 จุด หรือ 0.48% มูลค่าการซื้อขาย 4.4 หมื่นล้านบาท หุ้นที่กดดันตลาดฯ มาจากหุ้นที่เผชิญกับแรงขายรับงบ 4Q60 นำโดยหุ้นกลุ่มอาหาร-โรงแรม อย่าง MINT ลงแรงกว่า 3.55% หลังจากประกาศงบ มีกำไรปกติ 1.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% yoy กำไรปกติทั้งปี 60 อยู่ที่ 5.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% yoy ตามมาด้วยหุ้นโรงไฟฟ้าอย่าง EGCO ที่เผชิญกับแรงขายรับงบกดดันราคาหุ้นปรับตัวลง 3.35% และหุ้นบันเทิง MAJOR ลดลง 4.31% หุ้นขนาด ธ.พ. ขนาดใหญ่ตัวลดลง ทั้งกลุ่ม SCB, BBL, KBANK, TMB ลดลง 0.7%, 1.44%, 0.44% และ 0.7% รวมถึงKTC ลดลงเป็นวันที่ 2 อีก 4.35%
กลุ่มที่ปรับตัวขึ้นสวนทางตลาดคือ กลุ่มยานยนต์ นำโดย AH ปรับตัวขึ้นกว่า 3.88%, PCSGH เพิ่มขึ้น 6.67%, SAT เพิ่มขึ้น 1.52% และ STANLY ปรับขึ้น 1.31% ตามลำดับ
แนวโน้มตลาดวันนี้ คาดดัชนีมีโอกาสอ่อนตัวลงมา ประเมินแนวรับที่ 1790 จุด แนวต้าน 1810 จุด
ต่างชาติสลับมาขายสุทธิหุ้นทุกแห่งในภูมิภาค รวมถึงไทย
วานนี้ตลาดหุ้นไต้หวันหยุดทำการเป็นวันสุดท้ายของช่วงเทศกาลตรุษจีน ส่วนตลาดหุ้นอื่นๆ เปิดทำการเป็นปกติ โดยภาพรวมแล้วพบว่า ต่างชาติสลับมาขายสุทธิหุ้นในภูมิภาค 190 ล้านเหรียญ (หลังจากซื้อสุทธิเพียงวันเดียว) และเป็นการขายสุทธิทุกประเทศ เริ่มจากเกาหลีใต้ขายสุทธิ 104 ล้านเหรียญ (หลังจากซื้อสุทธิ 3 วัน) ตามมาด้วยอินโดนีเซีย 15 ล้านเหรียญ (หลังจากซื้อสุทธิเพียงวันเดียว), ฟิลิปปินส์ 8 ล้านเหรียญ (หลังจากซื้อสุทธิเพียงวันเดียว) และไทยที่ต่างชาติขายสุทธิ 64 ล้านเหรียญ หรือ 2.00 พันล้านบาท (ขายสุทธิติดต่อกันนานถึง 13 วัน โดยมีมูลค่ารวมสูงกว่า 3.83 หมื่นล้านบาท) ต่างกับนักลงทุนสถาบันฯที่ซื้อสุทธิเล็กน้อย 24 ล้านบาท (ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 4)
ส่วนทางด้านตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนสถาบันฯซื้อสุทธิ 3.07 หมื่นล้านบาท เช่นเดียวกับต่างชาติซื้อสุทธิ 5.22 พันล้านบาท (ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2)
ราคาหุ้นยังผันผวนตามแรงขายรับงบ 4Q60
หุ้นที่ประกาศงบวานนี้ TU รายงานกำไรสุทธิงวด 4Q60 สูงกว่าที่คาด อยู่ที่ 1.4 พันล้านบาท ลดลง 19.2%qoq แต่เพิ่มขึ้น 55.6%yoy หลักๆ เพราะบันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนและสิทธิประโยชน์ทางภาษี จากการปรับลดของอัตราภาษีในสหรัฐและฝรั่งเศส (ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ลดลงอย่างมีนัยฯ) ส่งผลให้กำไรสุทธิทั้งปี 60 อยู่ที่ 6.02 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.6%yoy แต่ปี 2561 จะลดลง 9.7% เพราะไม่มีบันทึกรายการพิเศษดังกล่าวข้างต้น แต่อย่างไรก็ตามกำไรปกติยังเพิ่ม 15.7% เพราะต้นทูน่าที่ลดลง ธุรกิจแซลมอนและกุ้งที่จะฟื้นตัวต่อเนื่อง พร้อมประกาศจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 0.34 บาท XD 6 มี.ค. 61
PTT รายงานกำไรสุทธิงวด 4Q60 มากกว่าคาด เท่ากับ 3.5 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 58.0%qoq เนื่องจากมีการตั้งด้อยค่าลดลงจากงวด 3Q60 เหลือเพียง 3.0 พันล้านบาท (จากโครงการถ่านหินมาดากัสการ์และ SAR เนื่องจากเลื่อน FID และปริมาณสำรองไม่เพียงพอ ตามลำดับ) แต่หาก พิจารณากำไรปกติ เพิ่มขึ้นกว่า 23%qoq โดยมีปัจจัยหนุนจากธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ ที่มีจำนวนวัน shutdown น้อยกว่าที่เกิดขึ้นในงวด 3Q60 รวมถึงในส่วนของ PTTEP ที่มีกำไรปกติเพิ่มขึ้น โดยรวมแล้วกำไรสุทธิทั้งปี 2560 เท่ากับ 1.35 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.9%yoy พร้อมประกาศจ่ายปันผล 12 บาท ขึ้น XD 6 มี.ค. 61 และแตกพาร์ (Par) จาก 10 บาท เป็น 1 บาท ส่วนจะมีผลเมื่อไหร่ คงต้องผ่านการประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 12 เม.ย.61 เบื้องต้นน่าจะอยู่ในช่วงต้นเดือน พ.ค.61 โดยเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นของนักลงทุนรายย่อยจากปัจจุบันที่อยู่เพียง 4%
IVL กำไรสุทธิงวด 4Q60 เท่ากับ 1.0 หมื่นล้านบาท ดีกว่าที่ฝ่ายวิจัยคาดไว้ หลักๆ มาจากรายการ กำไรพิเศษที่สูงถึง 6.1 พันล้านบาท (เทียบกับงวด 3Q60 ที่ขาดทุนจากรายการพิเศษ 1.1 พันล้านบาท) อย่างไรก็ตามหากพิจารณากำไรปกติ พบว่าปรับตัวลดลง 15.0%qoq มาอยู่ที่ 3.9 พันล้านบาท จากปริมาณขายที่ลดลง โดยรวมกำไรสุทธิปี 2560 เท่ากับ 2.08 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 28%yoy แนวโน้มปี 2561 คาดยังเติบโตต่อเนื่อง แต่มีประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามในส่วนของการ COD โครงการ US Cracker กำลังการผลิต 4.4 แสนตันต่อปี ว่าจะขึ้นได้ตามแผนล่าสุดที่เคยประกาศไว้ในเดือน ก.พ.61 หรือไม่ ซึ่งหาก delayed ออกไปอีกครั้ง อาจส่งผลกระทบต่อประมาณการปี 2561 ได้ ขณะที่ราคาหุ้นมี Upside จำกัด จึงแนะนำเข้าลงทุนเมื่อราคาอ่อนตัว
MTLS รายงานงบฯ 4Q60 ตามคาดที่ 743 ล้านบาท หนุนด้วยการเติบโตของรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิและรายได้ค่าธรรมเนียมตามการขยายสาขาเชิงรุก โดยรวมปี 2560 มีกำไรสุทธิ 2.5 พันล้านบาท เติบโตถึง 70%yoy ส่วนปี 2561-62 คาดยังเติบโตต่อเนื่องอีกกว่า 40%yoy และ 35%yoy ตามลำดับ จากแผนขยายสาขาต่อเนื่องทั้งใน กทม. และปริมณฑล ขณะที่การตั้งสำรองหนี้ฯ เพื่อรองรับหลักเกณฑ์ใหม่ IFRS9 กำลังอยู่ในระหว่างเตรียมการ แต่ coverage ratio ยังอยู่ในระดับสูง จึงไม่น่ากังวลในส่วนนี้
WHA รายงานงบฯ 4Q60 ดีกว่าที่ 1.67 พันล้านบาท หลักๆ มาจากการโอนที่ดินที่มากขึ้น รวมทั้งอัตรากำไรดีขึ้นตามราคาขายที่ดินที่สูงขึ้น รวมทั้งมีการบันทึกกำไรจากการขายสินทรัพย์เข้า REIT ในไตรมาสนี้ด้วย โดยรวมกำไรสุทธิปี 2560 อยู่ที่ 3.27 พันล้านบาท เติบโต 12.7%yoy ส่วนปี 2561 คาดกำไรสุทธิเติบโตต่อเนื่องอีก 3%yoy
DCC รายงานงบฯ 4Q60 ต่ำกว่าคาดที่ 207 ล้านบาท รายได้จากการขายทรงตัวตามภาพรวมอุตสาหกรรมกระเบื้องที่ยังไม่ฟื้น ขณะที่ต้นทุนพลังงานยังเป็นปัจจัยกดดัน โดยรวมปี 2560 กำไรสุทธิอยู่ที่ 1.12 พันล้านบาท ลดลง 21%yoy ส่วนปี 2561 คาดกำไรสุทธิเติบโต 22% พร้อมประกาศจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 0.023 บาท (จ่ายเป็นไตรมาส) และ XD 6 มี.ค. 2561
EASTW รายงานงบฯ 4Q60 ต่ำกว่าคาดที่ 229 ล้านบาท หลักๆ มาจากรายได้จากการขายน้ำดิบลดลงเนื่องจากการใช้ลดลง ขณะที่รายได้น้ำประปาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยรวมปี 2560 กำไรสุทธิอยู่ที่ 1.22 พันล้านบาท ลดลง 6.7%yoy ส่วนปี 2561-62 จะกลับมาเติบโตเฉลี่ยปีละ 7% โดยได้ปัจจัยหนุนจากโครงการ EEC ทั้งในส่วนของการขายน้ำดิบและน้ำประปา พร้อมประกาศจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 0.24 บาท และ XD 30 เม.ย. 2561
PTT ลดพาร์เหลือ 1 บาท หุ้นน่าจะตอบรับด้านบวกอีกระยะ
การประกาศแตกพาร์ของ PTT น่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นไปอีกระยะหนึ่ง และ น่าจะหักล้างแรงขายรับงบ 4Q60 ได้ ทั้งนี้จากการศึกษาของนักวิเคราะห์เชิงปริมาณพบว่า จากสถิติย้อนหลัง 10 ปี พบว่า หุ้นในดัชนี SET100 ทั้งหมด ที่มีการแตกพาร์ ตั้งแต่ปี 2551 จนถึงปัจจุบัน ราคาหุ้นมักตอบสนองเชิงบวก ตั้งแต่วันที่ประกาศจนถึงวันแตกพาร์เสมอ กล่าวคือ จะปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ยสูงถึง 14.09% และมีโอกาสให้ผลตอบแทนเป็นบวกถึง 75% ส่วนหลังแตกพาร์ราคาหุ้นส่วนใหญ่จะเริ่มทรงๆตัว ดังนั้นปัจจัยดังกล่าวคาดว่าจะช่วยหนุนหุ้น PTT ให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ในช่วงเวลาก่อนการแตกพาร์ กลยุทธ์ลงทุนระยะสั้น ๆ ให้สะสมหุ้น PTT และ ขายใกล้ ๆ กับวันที่มีการแตกพาร์จริง
ดัชนีแกว่งตัว กลยุทธ์การลงทุนสะสมหุ้น BJC, PTTEP, PTT
คาดว่า SET Index สัปดาห์นี้น่าจะผันผวน โดยยังมีแรงขายรับงบงวด 4Q60 คาดว่ายังเป็นปัจจัยกดดันการเคลื่อนไหวของตลาด ขาด Fund Flow และค่าเงินค่อนข้างผันผวน แม้ Dollar Index จะมีการแข็งค่าขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ไม่น่าจะแข็งค่าเกินกว่าระดับ 90 จุด ซึ่งก็จะทำให้ค่าเงินในภูมิภาคเอเซียรวมทั้งเงินบาทกลับมาแข็งค่าในระยะถัดไป กดดันต่อหุ้นกลุ่มส่งออก และน่าจะกดดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ทั้งทองคำและน้ำมัน อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบโลกยังแกว่งตัวในทิศทางบวก (ราคาน้ำมันดิบดูไบมีกรอบการขึ้นที่จำกัด บริเวณ 60-63 เหรียญต่อบาร์เรล) จากแรงหนุนของ ความไม่สงบในภูมิภาคตะวันออกกลาง และเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว แม้กดดันจากปัญหาความกังวลของการผลิตในสหรัฐก็ตาม
กลยุทธ์การลงทุน คาดว่าวันนี้ตลาดได้แรงหนุนจากการประกาศแตกพาร์ของหุ้น PTT อาจไม่ได้ปรับตัวลงตามตลาดหุ้นสหรัฐ จึงแนะนำทยอยขายทำกำไรหุ้นแพง ราคาปัจจุบันเกิน Upside ไปแล้ว หรือมี Upside จำกัด เช่น EGCO AOT TOP BCPG AEONTS SCCC EA TVO HMPRO และ CPALL รวมถึง หุ้นเช่าซื้อ-ลิสซิ่ง ที่ยังไม่ได้สะท้อนประเด็นข่าวการปรับเปลี่ยนวิธีการคิดดอกเบี้ยฯ มากนัก โดยเชื่อว่าในระยะยาวหันในกลุ่มฯ นี้มีโอกาสที่จะค่อยๆ แกว่งตัวลง ดังนั้นจึงยังแนะนำให้ลงทุนผสมระหว่าง Domestic Play และ Global Play โดย
Domestic Play อิงกับเศรษฐกิจในประเทศ คือ
หุ้นกลุ่มค้าปลีก ที่ได้ปัจจัยหนุนจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ขยายตัวติดต่อกัน 6 เดือน และทำระดับสูงสุดกว่า 36 เดือน สะท้อนถึงความการฟื้นตัวของภาคการบริโภค แนะนำ BJC ที่ราคาหุ้นยังมี upside สูงกว่า 29%
กลุ่มนิคมฯ ที่ได้ sentiment บวกจากการที่ สนช. เห็นชอบ พ.ร.บ. EEC แล้ว และเตรียมนำขึ้นทูลเกล้าฯ ประกาศใช้เป็นกฏหมายได้ทันในเดือน ก.พ. นี้ ส่งผลบวกต่อ AMATA และ WHA รวมทั้ง EASTW
หุ้นปันผลสูง ฝ่ายวิจัยคัดเลือกหุ้นที่มี Dividend Yield สูง (มากกว่า 4%) ความผันผวนต่ำ (Beta น้อยกว่า 1) P/E อยู่ในระดับต่ำ (ไม่เกิน 15 เท่า) มี upside มากกว่า 15% และฝ่ายวิจัยแนะนำ ซื้อ ได้หุ้นปันผลเด่น คือ SC, MCS, RATCH, EASTW, TASCO (XD 27 ก.พ.) ผสานกับหุ้น Dividend Play ที่แนะนำไปก่อนหน้านี้ คือ SIRI, INTUCH และ MAJOR โดยกลยุทธ์การลงทุน แนะนำก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD ราว 2 เดือน และขายทำกำไรในวันขึ้น XD
Global Play ให้เน้นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของราคาน้ำมัน คือ PTTEP, PTT เป็นต้น โดยให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้น PTT เพราะข่าวการลดราคาพาร์ดังกล่าวน่าจะหนุนให้ราคาหุ้นยืนในแดนบวกได้จนกว่าจะใกล้วันลดพาร์จริง ดังกล่าวข้างต้น
ภรณี ทองเย็น เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004146
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
พบชัย ภัทราวิชญ์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 052647
ภราดร เตียรณปราโมทย์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 087636
โยธิน ภูคงนิล ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เชิงปริมาณ
วรรณพฤกษ์ โกมลวิทยาธร ผู้ช่วยนักเศรษฐศาสตร์
OO5756
การประกาศแตกพาร์ของ PTT น่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นไปอีกระยะหนึ่ง และ น่าจะหักล้างแรงขายรับงบ 4Q60 ได้ ทั้งนี้จากการศึกษาของนักวิเคราะห์เชิงปริมาณพบว่า จากสถิติย้อนหลัง 10 ปี พบว่า หุ้นในดัชนี SET100 ทั้งหมด ที่มีการแตกพาร์ ตั้งแต่ปี 2551 จนถึงปัจจุบัน ราคาหุ้นมักตอบสนองเชิงบวก ตั้งแต่วันที่ประกาศจนถึงวันแตกพาร์เสมอ กล่าวคือ จะปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ยสูงถึง 14.09% และมีโอกาสให้ผลตอบแทนเป็นบวกถึง 75% ส่วนหลังแตกพาร์ราคาหุ้นส่วนใหญ่จะเริ่มทรงๆตัว ดังนั้นปัจจัยดังกล่าวคาดว่าจะช่วยหนุนหุ้น PTT ให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ในช่วงเวลาก่อนการแตกพาร์ กลยุทธ์ลงทุนระยะสั้น ๆ ให้สะสมหุ้น PTT และ ขายใกล้ ๆ กับวันที่มีการแตกพาร์จริง
ดัชนีแกว่งตัว กลยุทธ์การลงทุนสะสมหุ้น BJC, PTTEP, PTT
คาดว่า SET Index สัปดาห์นี้น่าจะผันผวน โดยยังมีแรงขายรับงบงวด 4Q60 คาดว่ายังเป็นปัจจัยกดดันการเคลื่อนไหวของตลาด ขาด Fund Flow และค่าเงินค่อนข้างผันผวน แม้ Dollar Index จะมีการแข็งค่าขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ไม่น่าจะแข็งค่าเกินกว่าระดับ 90 จุด ซึ่งก็จะทำให้ค่าเงินในภูมิภาคเอเซียรวมทั้งเงินบาทกลับมาแข็งค่าในระยะถัดไป กดดันต่อหุ้นกลุ่มส่งออก และน่าจะกดดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ทั้งทองคำและน้ำมัน อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบโลกยังแกว่งตัวในทิศทางบวก (ราคาน้ำมันดิบดูไบมีกรอบการขึ้นที่จำกัด บริเวณ 60-63 เหรียญต่อบาร์เรล) จากแรงหนุนของ ความไม่สงบในภูมิภาคตะวันออกกลาง และเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว แม้กดดันจากปัญหาความกังวลของการผลิตในสหรัฐก็ตาม
กลยุทธ์การลงทุน คาดว่าวันนี้ตลาดได้แรงหนุนจากการประกาศแตกพาร์ของหุ้น PTT อาจไม่ได้ปรับตัวลงตามตลาดหุ้นสหรัฐ จึงแนะนำทยอยขายทำกำไรหุ้นแพง ราคาปัจจุบันเกิน Upside ไปแล้ว หรือมี Upside จำกัด เช่น EGCO AOT TOP BCPG AEONTS SCCC EA TVO HMPRO และ CPALL รวมถึง หุ้นเช่าซื้อ-ลิสซิ่ง ที่ยังไม่ได้สะท้อนประเด็นข่าวการปรับเปลี่ยนวิธีการคิดดอกเบี้ยฯ มากนัก โดยเชื่อว่าในระยะยาวหันในกลุ่มฯ นี้มีโอกาสที่จะค่อยๆ แกว่งตัวลง ดังนั้นจึงยังแนะนำให้ลงทุนผสมระหว่าง Domestic Play และ Global Play โดย
Domestic Play อิงกับเศรษฐกิจในประเทศ คือ
หุ้นกลุ่มค้าปลีก ที่ได้ปัจจัยหนุนจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ขยายตัวติดต่อกัน 6 เดือน และทำระดับสูงสุดกว่า 36 เดือน สะท้อนถึงความการฟื้นตัวของภาคการบริโภค แนะนำ BJC ที่ราคาหุ้นยังมี upside สูงกว่า 29%
กลุ่มนิคมฯ ที่ได้ sentiment บวกจากการที่ สนช. เห็นชอบ พ.ร.บ. EEC แล้ว และเตรียมนำขึ้นทูลเกล้าฯ ประกาศใช้เป็นกฏหมายได้ทันในเดือน ก.พ. นี้ ส่งผลบวกต่อ AMATA และ WHA รวมทั้ง EASTW
หุ้นปันผลสูง ฝ่ายวิจัยคัดเลือกหุ้นที่มี Dividend Yield สูง (มากกว่า 4%) ความผันผวนต่ำ (Beta น้อยกว่า 1) P/E อยู่ในระดับต่ำ (ไม่เกิน 15 เท่า) มี upside มากกว่า 15% และฝ่ายวิจัยแนะนำ ซื้อ ได้หุ้นปันผลเด่น คือ SC, MCS, RATCH, EASTW, TASCO (XD 27 ก.พ.) ผสานกับหุ้น Dividend Play ที่แนะนำไปก่อนหน้านี้ คือ SIRI, INTUCH และ MAJOR โดยกลยุทธ์การลงทุน แนะนำก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD ราว 2 เดือน และขายทำกำไรในวันขึ้น XD
Global Play ให้เน้นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของราคาน้ำมัน คือ PTTEP, PTT เป็นต้น โดยให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้น PTT เพราะข่าวการลดราคาพาร์ดังกล่าวน่าจะหนุนให้ราคาหุ้นยืนในแดนบวกได้จนกว่าจะใกล้วันลดพาร์จริง ดังกล่าวข้างต้น
ภรณี ทองเย็น เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004146
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
พบชัย ภัทราวิชญ์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 052647
ภราดร เตียรณปราโมทย์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 087636
โยธิน ภูคงนิล ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เชิงปริมาณ
วรรณพฤกษ์ โกมลวิทยาธร ผู้ช่วยนักเศรษฐศาสตร์
OO5756