WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

DBSบล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 
“เลือกซื้อค่าบวก/หรืออ่อนแต่ไม่หลุด 1800”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : TMT (จากซื้อเป็นถือ)
  ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศ : ปัจจัยต่างประเทศ – รอดูตัวเลข PMI ภาคผลิตและบริการเดือนก.พ.ของประเทศต่างๆ ในสัปดาห์นี้ ซึ่งคาดว่าดัชนีจะยังเหนือระดับ 50 (คือขยายตัวได้เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า) ปัจจัยในประเทศ – บจ.ไทยทยอยรายงานกำไร 4Q60 และปี 60 รวมทั้งปันผล ซึ่งช่วยกระตุ้นตลาดได้บ้าง แต่แรงขายทำกำไร/Sell on fact ก็ยังออกมาด้วย ยังผลให้ดัชนีบวกได้จำกัด
  สำหรับเรื่องการตั้ง Banking agent ทางธปท.อนุมัติให้ธ.พ.แต่งตั้งได้โดยไม่ต้องขออนุญาต แต่ต้องทำแผนงานขออนุมัติจากบอร์ดธ.พ.และเสนอให้ธปท.รับทราบทุกต้นปี กำลังรอประกาศในราชกิจจาฯ จะเริ่มมีผลเดือนต้นมี.ค.61 ซึ่งธุรกรรมที่ทำได้คือ รับฝากเงิน ถอนเงิน ชำระเงิน และจ่ายเงินให้กับผู้ใช้บริการรายย่อยขึ้นกับธ.พ.จะพิจารณาความเหมาะสม ในเบื้องต้นคาดว่ามูลค่าธุรกรรมจะสูง คือไม่เกิน 2 หมื่นบาท/วัน ส่วนค่าบริการขึ้นกับธ.พ.และตัวแทนตกลงกันเอง ซึ่งต้องแจ้งให้ผู้ใช้บริการรับทราบก่อน เราคาดว่าบจ.ที่สนใจเป็น Bankng agent คือ CPALL (ซึ่งเราได้นำเสนอไปก่อนหน้านี้แล้ว เพราะมีสาขากว่า 1 หมื่นแห่งทั่วไทย แนะนำซื้อ CPALL ให้ TP 95 บาท) และอีกรายที่กำลังศึกษา คือ BIGC
  ทางด้านสภาพัฒน์ฯประกาศตัวเลข GDP growth งวด 4Q60 ของไทย 4.0% และทั้งปี 60 เท่ากับ 3.9% ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์ของตลาด แต่ก็ไม่ได้มีผลกระทบมาก เพราะมีความคาดหวังว่าเศรษฐกิจไทยปี 61 จะเติบโตได้ราว 4+/-% ต่อ นำโดยการส่งออก ท่องเที่ยว และการฟื้นตัวของการลงทุนภาครัฐ & เอกชน ซึ่งธีมการลงทุนและหุ้นที่เราเลือกปีนี้ก็สอดคล้องกับภาพเศรษฐกิจมหภาคนี้
  กลยุทธ์ทางพื้นฐาน : แนะเลือกซื้อเป็นรายบริษัท โดยธีมเด่นหุ้นดีจาก DBS ในปี 61 เราเลือกเป็น 1. Investment recovery play (หุ้นเด่น AMATA ราคาพื้นฐาน 30 บาท), 2. Dividend play (หุ้นเด่น KKP ราคาพื้นฐาน 88 บาท), 3. Growth play (หุ้นเด่น IVL ราคาพื้นฐาน 65 บาท) และ 4. Tourism play (หุ้นเด่น ERW ราคาพื้นฐาน 10.50 บาท) การอ่อนตัวของราคาหุ้นเป็นจังหวะทยอยซื้อสะสม
  กลยุทธ์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นบวกเล็กๆ ซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก แนวต้าน 1815-1820 จุด หลุด 1800 จุดควรลดพอร์ตตาม โดยมีแนวรับ 1790, 1770-1760 จุด หุ้นที่มีโอกาสทำ New high ที่เข้ามาใหม่เป็น BBL, JMT, TOP, CHG, IHL, AU, PDI ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List เป็น BBL, JMT, TOP, CHG, IHL, AU, PDI ส่วนหุ้นที่แนะนำไปแล้วและให้หาจังหวะ Take profit เป็น KTB, PTTGC
ปัจจัยต่างประเทศ
•/- ภาวะตลาดหุ้น : ตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการ ส่วนดัชนีตลาดหุ้นยุโรป & ลอนดอนปิดลบ 0.5-0.6%
  # ตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการเนื่องในวันประธานาธิบดี
  # ดัชนีตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ 0.5-0.6% หลังมีรายงานว่าเดมเลอร์อาจใช้ซอฟต์แวร์บางตัวเพื่อทำให้รถยนต์ของบริษัทผ่านการทดสอบมลพิษของหน่วยงานสหรัฐ
  # ดัชนีตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบ 0.64% เช่นกัน เพราะมีแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ หลังจากมีรายงานว่าทางการสหรัฐอาจเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
• ธปท.ให้ธนาคาพาณิชย์ตั้ง Banking agent ได้ เริ่มต้นมี.ค.นี้
  # ทางธปท.อนุมัติให้ธนาคารพาณิชย์แต่งตั้ง Baking agent ได้โดยไม่ต้องขออนุญาต แต่ต้องทำแผนงานขออนุมัติจากบอร์ดธนาคาร และเสนอให้ธปท.รับทราบทุกต้นปี ขณะนี้กำลังรอประกาศในราชกิจจานุเบกษา คาดจะเริ่มมีผลเดือนต้นมี.ค.61
# ธุรกรรมที่ Banking agent ทำได้คือ รับฝากเงิน ถอนเงิน ชำระเงิน และจ่ายเงินให้กับผู้ใช้บริการรายย่อย ขึ้นกับธนาคารพาณิชย์จะพิจารณาความเหมาะสม ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่าวงเงินในการทำธุรกรรมจะไม่สูง เช่น ไม่เกิน 2 หมื่นบาท/วัน
  # สำหรับค่าบริการขึ้นกับธนาคารพาณิชย์และตัวแทนตกลงกันเอง โดยต้องแจ้งให้ผู้ใช้บริการรับทราบก่อน
  # ทาง DBSVTH เชื่อว่าบริษัทจดทะเบียนที่สนใจเป็น Bankng agent คือ CPALL (โดยเราได้นำเสนอไปก่อนหน้านี้แล้วเพราะเห็นว่าบริษัทมีสาขากว่า 1 หมื่นแห่งทั่วไทยและจะขยายเป็น 1.3 หมื่นแห่งภายในปี 63 ซึ่งเปิดโอกาสให้บริษัททำธุรกิจนี้ได้ และจะเป็นอีกทางหนึ่งในการเพิ่มรายได้และกำไรในอนาคต แนะนำซื้อ CPALL ให้ราคาพื้นฐานไว้ที่ 95 บาท) ส่วนอีกบริษัทที่กำลังศึกษาการเป็น Banking agent คือ BIGC แต่บริษัทในเครือสหพัฒน์ฯ คือ ลอว์สัน 108 ทางผู้บริหารบอกว่ายังไม่มีแผนเรื่องนี้เพราะปัจจุบันยังมีสาขาน้อยมาก
+ เศรษฐกิจไทย : สภาพัฒน์ฯ ประกาศ GDP ปี 60 โต 3.9%
  # สภาพัฒน์ฯ รายงาน GDP ไตรมาส 4/60 เติบโต 0.5%QoQ (SA) และโต 4.0%YoY แต่ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 4.6%YoY และลดลงจากไตรมาส 3/60 ที่โต 4.3%YoY ซึ่งการขยายตัว QoQ มาจากการบริโภคภาค & การลงทุนภาคเอกชนที่ฟื้นตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม การเติบโตต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดเพราะภาคเกษตรได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมสำหรับทั้งปี 60 เศรษฐกิจไทยขยายตัว 3.9%
  # แนวโน้มปี 61 ทางสภาพัฒน์ฯคาดว่าจะโต 3.6-4.6% โดยประมาณการว่าส่งออกจะขยายตัวได้ 6.8% (ต่อจากปี 60 ที่โต 9.7%) การลงทุนภาครัฐจะฟื้นตัวเป็นเติบโต 10% (จาก -1.2% ในปี 60) การลงทุนภาคเอกชนเพิ่มขึ้น 3.7% (จาก 1.7% ในปี 60) สำหรับทิศทางดอกเบี้ย ในช่วงสั้นยังไม่มีแรงกดดันจากเงินเฟ้อ ทำให้คาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะทรงตัว
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]
OO5734

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!