- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 20 February 2018 16:16
- Hits: 7830
บล.ยูโอบีเคย์เฮียน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
เทศกาลประกาศผลประกอบการ และปัจจัยภายนอกอื่น หนุนบรรยากาศเก็งกำไรรายตัว
หุ้นโลกชะลอตัวในช่วงสั้นจากแรงขายทำกำไรหลังปรับขึ้น 5 วันทำการติดต่อกัน (ยกเว้นสหรัฐฯ และจีน ที่ปิดทำการวานนี้) อย่างไรก็ตามภาพการลงทุนโดยรวมยังคงเป็นบวก ตราบใดที่มุมมองการขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯยังไม่แข็งกร้าว (aggressive) จนสามารถผลักดันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯเพิ่มขึ้นเกินกว่าระดับ 3.0-3.2% เราคาดตลาดจะติดตามการเปิดเผยรายงานการประชุมเฟด (FOMC Meeting Minutes) ในวันพรุ่งนี้ และการแถลงเข้ารับตำแหน่งของ Jerome Powell 28 ก.พ. เพื่อจับสัญญาณแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะมีผลต่อทิศทางการเคลื่อนไหวของผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ในระยะต่อไป
ตลาดหุ้นไทย คาดได้รับแรงหนุนจากตัวเลข GDP ปี 60 รวมถึงทิศทางในปี 61 เราคาด SET Index จะยังคงอยู่ในบรรยากาศการเก็งกำไรรายตัว โดยเฉพาะ กลุ่มพลังงาน ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นหลังเกิดเหตุความตึงเครียดในตะวันออกกลาง และ กลุ่มค้าปลีก จากการอนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์ แต่งตั้งตัวแทนดำเนินการ ส่งผลบวกต่อบรรยากาศการเก็งกำไรหุ้นกลุ่มนี้ โดยเฉพาะ CPALL ที่มีสาขามากที่สุด// วันนี้คาด PTT ประกาศผลประกอบการ
Investment Theme // การแพทย์ หุ้นพื้นฐานดีที่ Underperform & Under-owned ในช่วงที่ผ่านมา BDMS BCH THG*// กลุ่มธนาคาร – การที่ธปท.ส่งสัญญาณ NPL ผ่านจุดสูงสุด //หุ้นที่ได้ประโยชน์จากบอนด์ยีลที่ปรับขึ้น TIP*, THREL* // กลุ่มเดินเรือ ทยอยสะสม จากค่าระวางเรือ (BDI) ขาขึ้นช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค. ได้แก่ PSL TTA // กลุ่มพลังงาน BANPU, PTTEP
ภาพรวมกลยุทธ์: แกว่งตัวออกข้าง คาดการฟื้นตัวยังจำกัดที่บริเวณ 1815-1823 แนะนำเตรียมเงินสดราว 25-30% เพื่อเลือกซื้อในจังหวะปรับฐาน เน้นกลุ่มที่ราคายังขึ้นน้อย (underperform) หรือมีการถือครองน้อย (under-owned) ในช่วง 6-12 เดือนที่ผ่านมา อาทิ การแพทย์ อสังหาริมทรัพย์ สื่อสาร หรือเข้าสู่ฤดูผลประกอบการสูง อาทิ ท่องเที่ยว ได้แก่ BDMS, BH, BCH, THG*, VIH*, LH, QH, SC*, ADVANC, INTUCH, ERW, MINT นักลงทุนควรเพิ่มความระมัดระวังและกำหนดจุดตัดขาดทุนทุกครั้ง รวมถึงตั้งจุดขายล็อคกำไร (trailing stop) ในหุ้นที่ถือครอง // หุ้นแนะนำ BDMS, AMANAH, MAJOR, TTA*
แนวรับ 1802 / แนวต้าน : 1810-1823 จุด สัดส่วน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%
เทศกาลประกาศผลประกอบการ และปัจจัยภายนอกอื่น หนุนบรรยากาศเก็งกำไรรายตัว
หุ้นโลกชะลอตัวในช่วงสั้นจากแรงขายทำกำไรหลังปรับขึ้น 5 วันทำการติดต่อกัน (ยกเว้นสหรัฐฯ และจีน ที่ปิดทำการวานนี้) อย่างไรก็ตามภาพการลงทุนโดยรวมยังคงเป็นบวก ตราบใดที่มุมมองการขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯยังไม่แข็งกร้าว (aggressive) จนสามารถผลักดันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯเพิ่มขึ้นเกินกว่าระดับ 3.0-3.2% เราคาดตลาดจะติดตามการเปิดเผยรายงานการประชุมเฟด (FOMC Meeting Minutes) ในวันพรุ่งนี้ และการแถลงเข้ารับตำแหน่งของ Jerome Powell 28 ก.พ. เพื่อจับสัญญาณแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะมีผลต่อทิศทางการเคลื่อนไหวของผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ในระยะต่อไป
ตลาดหุ้นไทย คาดได้รับแรงหนุนจากตัวเลข GDP ปี 60 รวมถึงทิศทางในปี 61 เราคาด SET Index จะยังคงอยู่ในบรรยากาศการเก็งกำไรรายตัว โดยเฉพาะ กลุ่มพลังงาน ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นหลังเกิดเหตุความตึงเครียดในตะวันออกกลาง และ กลุ่มค้าปลีก จากการอนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์ แต่งตั้งตัวแทนดำเนินการ ส่งผลบวกต่อบรรยากาศการเก็งกำไรหุ้นกลุ่มนี้ โดยเฉพาะ CPALL ที่มีสาขามากที่สุด// วันนี้คาด PTT ประกาศผลประกอบการ
Investment Theme // การแพทย์ หุ้นพื้นฐานดีที่ Underperform & Under-owned ในช่วงที่ผ่านมา BDMS BCH THG*// กลุ่มธนาคาร – การที่ธปท.ส่งสัญญาณ NPL ผ่านจุดสูงสุด //หุ้นที่ได้ประโยชน์จากบอนด์ยีลที่ปรับขึ้น TIP*, THREL* // กลุ่มเดินเรือ ทยอยสะสม จากค่าระวางเรือ (BDI) ขาขึ้นช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค. ได้แก่ PSL TTA // กลุ่มพลังงาน BANPU, PTTEP
ภาพรวมกลยุทธ์: แกว่งตัวออกข้าง คาดการฟื้นตัวยังจำกัดที่บริเวณ 1815-1823 แนะนำเตรียมเงินสดราว 25-30% เพื่อเลือกซื้อในจังหวะปรับฐาน เน้นกลุ่มที่ราคายังขึ้นน้อย (underperform) หรือมีการถือครองน้อย (under-owned) ในช่วง 6-12 เดือนที่ผ่านมา อาทิ การแพทย์ อสังหาริมทรัพย์ สื่อสาร หรือเข้าสู่ฤดูผลประกอบการสูง อาทิ ท่องเที่ยว ได้แก่ BDMS, BH, BCH, THG*, VIH*, LH, QH, SC*, ADVANC, INTUCH, ERW, MINT นักลงทุนควรเพิ่มความระมัดระวังและกำหนดจุดตัดขาดทุนทุกครั้ง รวมถึงตั้งจุดขายล็อคกำไร (trailing stop) ในหุ้นที่ถือครอง // หุ้นแนะนำ BDMS, AMANAH, MAJOR, TTA*
แนวรับ 1802 / แนวต้าน : 1810-1823 จุด สัดส่วน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%
ประเด็นการลงทุน
กลุ่มเช่าซื้อ – ราชกิจจานุเบกษา ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่องให้ธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นธุรกิจควบคุมสัญญา พ.ศ2561 รายละเอียดสำคัญคือการเปลี่ยนวิธีคิดดอกเบี้ยจากเดิมคงที่ (Flat rate) มาเป็นการคิดแบบลดต้นลดดอก มีผลตั้งแต่ 1 ก.ค.61 เป็นต้นไป
สภาพัฒน์ เผยเศรษฐกิจไทยปี 60 ขยายตัว 3.9% - จากปี 59 ที่ขยายตัว 3.3% ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 61 คาดว่าจะขยายตัว 3.6-4.6%
ตัวแทนธนาคาร – เราประเมินการอนุญาตให้พาณิชย์แต่งตั้ง Banking agent จะเป็นปัจจัยบวกต่อทั้งธนาคารและกลุ่มค้าปลีก โดยธนาคารจะสามารถลดภาระต้นทุนการขยายสาขา ขณะที่กลุ่มค้าปลีกสามารถสร้างรายได้เพิ่มจากการรับทำธุรกรรมฝากถอน หรือรับชำระเงิน ทั้งนี้ธนาคารขนาดเล็กมีแนวโน้มได้ประโยชน์เนื่องจากสามารถเข้าถึงพื้นที่การให้บริการจำนวนมากเทียบเท่าธนาคารขนาดใหญ่
หุ้นกลุ่มเหล็ก - TMT รายงานกำไร 2560 ที่ 641 ลบ. (1.47 บาท/หุ้น) ลดลงจาก 911 ล้านบาท (2.09 บาท/หุ้น) แม้ราคาเหล็กปรับตัวขึ้น แต่ความผันผวนในปีที่ผ่านมามากขึ้น การปรับขึ้นของราคาเหล็กน้อยกว่า อีกทั้งไม่มีต้นทุนเหล็กราคาถูกมากเช่นปีก่อนปันผล
BFIT (Not rated) – จ่ายปันผลเป็นหุ้น 20:1 ขึ้น XD 3 พ.ค.61
ประเด็นติดตาม: 23 ก.พ. EU – อัตราเงินเฟ้อ เดือน ม.ค. // 28 ก.พ. TH – ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)
กลุ่มเช่าซื้อ – ราชกิจจานุเบกษา ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่องให้ธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นธุรกิจควบคุมสัญญา พ.ศ2561 รายละเอียดสำคัญคือการเปลี่ยนวิธีคิดดอกเบี้ยจากเดิมคงที่ (Flat rate) มาเป็นการคิดแบบลดต้นลดดอก มีผลตั้งแต่ 1 ก.ค.61 เป็นต้นไป
สภาพัฒน์ เผยเศรษฐกิจไทยปี 60 ขยายตัว 3.9% - จากปี 59 ที่ขยายตัว 3.3% ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 61 คาดว่าจะขยายตัว 3.6-4.6%
ตัวแทนธนาคาร – เราประเมินการอนุญาตให้พาณิชย์แต่งตั้ง Banking agent จะเป็นปัจจัยบวกต่อทั้งธนาคารและกลุ่มค้าปลีก โดยธนาคารจะสามารถลดภาระต้นทุนการขยายสาขา ขณะที่กลุ่มค้าปลีกสามารถสร้างรายได้เพิ่มจากการรับทำธุรกรรมฝากถอน หรือรับชำระเงิน ทั้งนี้ธนาคารขนาดเล็กมีแนวโน้มได้ประโยชน์เนื่องจากสามารถเข้าถึงพื้นที่การให้บริการจำนวนมากเทียบเท่าธนาคารขนาดใหญ่
หุ้นกลุ่มเหล็ก - TMT รายงานกำไร 2560 ที่ 641 ลบ. (1.47 บาท/หุ้น) ลดลงจาก 911 ล้านบาท (2.09 บาท/หุ้น) แม้ราคาเหล็กปรับตัวขึ้น แต่ความผันผวนในปีที่ผ่านมามากขึ้น การปรับขึ้นของราคาเหล็กน้อยกว่า อีกทั้งไม่มีต้นทุนเหล็กราคาถูกมากเช่นปีก่อนปันผล
BFIT (Not rated) – จ่ายปันผลเป็นหุ้น 20:1 ขึ้น XD 3 พ.ค.61
ประเด็นติดตาม: 23 ก.พ. EU – อัตราเงินเฟ้อ เดือน ม.ค. // 28 ก.พ. TH – ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)
รายงานฉบับนี้จัดทำขึ้นโดยข้อมูลเท่าที่ปรากฏและเชื่อว่าเป็นที่น่าเชื่อถือได้แต่ไม่ถือเป็นการยืนยันความถูกต้องและความสมบูรณ์ของข้อมูลนั้นๆ โดยบริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้จัดทำขอสงวนสิทธ์ในการเปลี่ยนแปลงความเห็นหรือประมาณการณ์ต่างๆที่ปรากฏในรายงานฉบับนี้ โดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า รายงานฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจของนักลงทุน โดยไม่ได้เป็นการชี้นำชักชวนให้นักลงทุนทำการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ หรือตราสารทางการเงินใดๆ ที่ปรากฏในรายงาน
OO5728