- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 19 February 2018 16:33
- Hits: 3574
บล.ทรีนีตี้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Today Selections: >> CPALL, III, LPN
Stock S R Comment
CPALL 80.50 82.00 7-11 ธนาคาร 24 ชม รับฝาก-ถอนเงินเพิ่มไมค่ะ
III 8.60 9.00 ตัวแทนเพียงรายเดียวในไทยของสายการเดินเรือรัฐวิสาหกิจของจีน
LPN 10.50 10.80 2561 ปีแห่งการกลับมาของยอดโอน
Focus on domestic factors
Macro: คาดว่าสัปดาห์นี้จะเป็นสัปดาห์ที่ปัจจัยภายนอกส่งผลกระทบจำกัดต่อ SET Index เนื่องจากไม่มีเหตุการณ์สำคัญใดๆรออยู่ จึงประเมินว่าดัชนีจะแกว่งตัวตามปัจจัยภายในมากกว่า โดยเฉพาะการรายงานผลประกอบการของบจ. ซึ่งในสัปดาห์นี้จะมีบริษัทใหญ่หลายบริษัทที่คาดว่าจะประกาศออกมา เช่น PTT, PTTGC, IVL
ECON: สำหรับปัจจัยภายในที่น่าสนใจได้แก่การรายงานตัวเลข GDP ของไทยประจำไตรมาส 4/60 ในวันนี้ซึ่งล่าสุดตลาดคาดการณ์การเติบโตที่ระดับ 4.3% YoY รวมไปถึงการรายงานตัวเลขนำเข้า-ส่งออก-ดุลการค้า ประจำเดือนมกราคม ที่คาดว่ากระทรวงพาณิชย์จะเผยแพร่ออกมาในสัปดาห์นี้ ล่าสุดตลาดคาดการณ์การนำเข้าเติบโต 15% การส่งออกเติบโต 11% และดุลการค้าเกินดุล 266 ล้านดอลาร์สหรัฐฯ
Oil: มีปัจจัยบวกเกิดขึ้นเล็กน้อยในตลาดล่วงหน้า ภายหลังจากที่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา (สิ้นสุด 13 กุมภาพันธ์) สถานะ Net long สะสมน้ำมันดิบ WTI ในตลาด NYMEX ของ Hedge funds ทั่วโลกปรับตัวลดลงราว 26.8 ล้านบาร์เรล หรือคิดเป็นมูลค่าราว 1,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถือเป็นมูลค่าสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีก่อน มองเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากสะท้อนว่าราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงในช่วงครึ่งเดือนแรกที่ผ่านมามีสาเหตุหลักมาจากประเด็นนี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับปัจจัยพื้นฐานสักเท่าไหร่ คาดราคาน้ำมันดิบ WTI จะเริ่มตั้งฐานได้ที่ราคา 60 เหรียญฯ/บาร์เรล และจะแกว่งตัวในกรอบ 60-70 เหรียญฯ/บาร์เรลในช่วง 1-3 เดือนข้างหน้า มองเป็นปัจจัยประคับประคองกลุ่มพลังงานและ SET Index ต่อไป
CPALL: คาดได้รับ Sentiment เชิงบวกจากประเด็นที่ธปท.ได้ปรับปรุงกฎเกณฑ์เกี่ยวกับช่องทางการให้บริการของธนาคารพาณิชย์ผ่าน Banking Agent โดยจะมีการชี้แจงต่อสื่อมวลชนในวันนี้ ในเบื้องต้น เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาเป้าหมายเดิม 89 บาท ก่อนที่จะติดตามควาบคืบหน้าในประเด็นนี้อย่างใกล้ชิดต่อไป
กลยุทธ์การลงทุน: มองการเคลื่อนไหวของดัชนีในช่วง 1 เดือนข้างหน้าจะไม่หลุดออกจากกรอบ 1750 - 1850 จุด ดังนั้นจึงแนะนำให้ใช้กลยุทธ์ขึ้นขาย-ลงซื้อตามกรอบดังกล่าว และโฟกัสการลงทุนไปยังกลุ่มหุ้นปันผลสูงต่อไป เช่น AP, PSH, SPRC, TOP, IRPC, TISCO, KKP
แนวรับ 1,798 แนวต้าน 1,814
Today's Event
NDR ลูกหุ้นเข้า 55,000,000 หุ้น
TAPAC ลูกหุ้นเข้า 220,136 หุ้น
Stock S R Comment
CPALL 80.50 82.00 7-11 ธนาคาร 24 ชม รับฝาก-ถอนเงินเพิ่มไมค่ะ
III 8.60 9.00 ตัวแทนเพียงรายเดียวในไทยของสายการเดินเรือรัฐวิสาหกิจของจีน
LPN 10.50 10.80 2561 ปีแห่งการกลับมาของยอดโอน
Focus on domestic factors
Macro: คาดว่าสัปดาห์นี้จะเป็นสัปดาห์ที่ปัจจัยภายนอกส่งผลกระทบจำกัดต่อ SET Index เนื่องจากไม่มีเหตุการณ์สำคัญใดๆรออยู่ จึงประเมินว่าดัชนีจะแกว่งตัวตามปัจจัยภายในมากกว่า โดยเฉพาะการรายงานผลประกอบการของบจ. ซึ่งในสัปดาห์นี้จะมีบริษัทใหญ่หลายบริษัทที่คาดว่าจะประกาศออกมา เช่น PTT, PTTGC, IVL
ECON: สำหรับปัจจัยภายในที่น่าสนใจได้แก่การรายงานตัวเลข GDP ของไทยประจำไตรมาส 4/60 ในวันนี้ซึ่งล่าสุดตลาดคาดการณ์การเติบโตที่ระดับ 4.3% YoY รวมไปถึงการรายงานตัวเลขนำเข้า-ส่งออก-ดุลการค้า ประจำเดือนมกราคม ที่คาดว่ากระทรวงพาณิชย์จะเผยแพร่ออกมาในสัปดาห์นี้ ล่าสุดตลาดคาดการณ์การนำเข้าเติบโต 15% การส่งออกเติบโต 11% และดุลการค้าเกินดุล 266 ล้านดอลาร์สหรัฐฯ
Oil: มีปัจจัยบวกเกิดขึ้นเล็กน้อยในตลาดล่วงหน้า ภายหลังจากที่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา (สิ้นสุด 13 กุมภาพันธ์) สถานะ Net long สะสมน้ำมันดิบ WTI ในตลาด NYMEX ของ Hedge funds ทั่วโลกปรับตัวลดลงราว 26.8 ล้านบาร์เรล หรือคิดเป็นมูลค่าราว 1,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถือเป็นมูลค่าสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีก่อน มองเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากสะท้อนว่าราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงในช่วงครึ่งเดือนแรกที่ผ่านมามีสาเหตุหลักมาจากประเด็นนี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับปัจจัยพื้นฐานสักเท่าไหร่ คาดราคาน้ำมันดิบ WTI จะเริ่มตั้งฐานได้ที่ราคา 60 เหรียญฯ/บาร์เรล และจะแกว่งตัวในกรอบ 60-70 เหรียญฯ/บาร์เรลในช่วง 1-3 เดือนข้างหน้า มองเป็นปัจจัยประคับประคองกลุ่มพลังงานและ SET Index ต่อไป
CPALL: คาดได้รับ Sentiment เชิงบวกจากประเด็นที่ธปท.ได้ปรับปรุงกฎเกณฑ์เกี่ยวกับช่องทางการให้บริการของธนาคารพาณิชย์ผ่าน Banking Agent โดยจะมีการชี้แจงต่อสื่อมวลชนในวันนี้ ในเบื้องต้น เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาเป้าหมายเดิม 89 บาท ก่อนที่จะติดตามควาบคืบหน้าในประเด็นนี้อย่างใกล้ชิดต่อไป
กลยุทธ์การลงทุน: มองการเคลื่อนไหวของดัชนีในช่วง 1 เดือนข้างหน้าจะไม่หลุดออกจากกรอบ 1750 - 1850 จุด ดังนั้นจึงแนะนำให้ใช้กลยุทธ์ขึ้นขาย-ลงซื้อตามกรอบดังกล่าว และโฟกัสการลงทุนไปยังกลุ่มหุ้นปันผลสูงต่อไป เช่น AP, PSH, SPRC, TOP, IRPC, TISCO, KKP
แนวรับ 1,798 แนวต้าน 1,814
Today's Event
NDR ลูกหุ้นเข้า 55,000,000 หุ้น
TAPAC ลูกหุ้นเข้า 220,136 หุ้น