- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 16 February 2018 16:25
- Hits: 1887
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน“เก็งกำไรผลประกอบการ”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : STEC (จากซื้อเป็นถือ)
ปัจจัยต่างประเทศ & ภายใน : ปัจจัยต่างประเทศ – เงินเฟ้อด้านต้นทุน (PPI) เดือนม.ค.61 ของสหรัฐออกมา +0.4%MoM, +2.7%YoY จากที่คาดไว้ +0.4%MoM, +2.5%YoY (ซึ่งเพิ่มจากปี 60 ที่ +2.6%YoY และปี 59 +1.7%YoY) ส่วน PPI พื้นฐาน +0.4%MoM, +2.5%YoY โดยเป็นการเพิ่ม YoY มากที่สุดนับตั้งแต่ส.ค.57 (ปี 60 PPI พื้นฐาน +2.3%YoY, ปี 59 +1.8%YoY)
ปัจจัยในประเทศ – SET Index เมื่อวานนี้ปรับขึ้น 8.77 จุด ปิดที่ 1800.86 นำโดยแบงค์เล็ก และกลุ่มพลังงาน (หลังราคาน้ำมันรีบาวด์) แต่การซื้อขายแผ่วลงเพราะเป็นช่วงเทศกาลตรุษจีน ต่างชาติขายสุทธิต่อ 920 ล้านบาท รายย่อยนำซื้อสุทธิ ส่วนสถาบันในปท.และพอร์ตบล.ซื้อ/ขายใกล้เคียงกันในช่วงนี้ตลาดยังโฟกัสไปที่ผลประกอบการ 4Q60 และปันผลของบจ. ซึ่งจะทยอยออกมาถึงสิ้นเดือนก.พ.นี้
ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าช่วงครึ่งแรกของเดือนก.พ.61 รายงานกำไรและปันผลรอบนี้กระตุ้นตลาดได้ไม่มาก คาดว่าเป็นเพราะตลาดปรับขึ้นมาเยอะในช่วงก่อนหน้าและมี Valuation อยู่ในโซนแพง ขณะเดียวกัน Bond yield สหรัฐได้พุ่งขึ้นหลังกังวลว่าเฟดอาจจะขึ้นดอกเบี้ยเร็ว แต่การที่ตลาดพักตัวไปในระดับหนึ่งแล้ว ก็หวังว่าตลาดในครึ่งหลังของเดือนก.พ.จะ Response กับรายงานกำไรบจ.&ปันผลมากขึ้น
Update ผลประกอบการ – TOP ประกาศกำไรปี 60 เป็น 2.48 หมื่นลบ. (+17%YoY) ปันผล 3.75 บาท XD 27 ก.พ. ได้ Yield 3.75% เทียบกับราคาปิดวานนี้, ROBINS มีกำไร 2.74 พันลบ. (-3%YoY), ปันผล 1.25 บาท XD 5 มี.ค. ได้ Yield 1.75%, AIT มีกำไร 431 ลบ. (ทรงตัว) ปันผล 1.4 บาท XD 20 เม.ย. ได้ Yield 4.4%, FSMART มีกำไร 543 ลบ. (+29%YoY) ปันผล 0.55 บาท XD 19 มี.ค. ได้ Yield 4.2%, INOX กำไร 316 ลบ. (-46%YoY) ปันผล 0.0266 บาท XD 7 มี.ค. ได้ Yield 1.95%, NOK ขาดทุนสุทธิ 1.85 พันลบ. (ลดลงจากปีก่อนที่ขาดทุน -2.8 พันลบ.)
กลยุทธ์ทางพื้นฐาน : แนะเลือกซื้อเป็นรายบริษัท โดยธีมเด่นหุ้นดีจาก DBS ในปี 61 เราเลือกเป็น 1. Investment recovery play (หุ้นเด่น AMATA ราคาพื้นฐาน 30 บาท), 2. Dividend play (หุ้นเด่น KKP ราคาพื้นฐาน 88 บาท), 3. Growth play (หุ้นเด่น IVL ราคาพื้นฐาน 65 บาท) และ 4. Tourism play (หุ้นเด่น ERW ราคาพื้นฐาน 10.50 บาท) การอ่อนตัวของราคาหุ้นเป็นจังหวะทยอยซื้อสะสม
กลยุทธ์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเปลี่ยนเป็นบวกเล็กๆ ซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก แนวต้าน 1810, 1820 จุด หลุด 1800 จุดควรลดพอร์ตตาม โดยมีแนวรับ 1770-1760, 1750-1740 จุด หุ้นเด่นทางเทคนิค กลุ่มแบงค์เป็น KKP,TISCO โภคภัณฑ์เป็น BANPU, PTTGC, IVL ค้าปลีกเป็น CPALL และหุ้น Small cap เป็น GGC, SMIT, AIT
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สหรัฐ : ตัวเลขเศรษกิจออกมาตามคาด และดัชนี PPI (เงินเฟ้อด้านต้นทุน) ก็เช่นกัน
# ดัชนี PPI เดือนม.ค. +0.4%MoM และ +2.7%YoY สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ การเพิ่มขึ้นมาจากราคาน้ำมันและค่าใช้จ่ายด้านรักษาสุขภาพ ส่วน PPI พื้นฐาน +0.4%MoM และ +2.5%YoY ซึ่งมากสุดนับตั้งแต่ส.ค.57
# จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 7,000 ราย สู่ระดับ 230,000 รายในสัปดาห์ที่แล้วสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์เช่นกัน
# ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานว่าการผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐทรงตัวเป็นเดือนที่ 2 ในเดือนม.ค.61
# ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านทรงตัวที่ระดับ 72 ในเดือนก.พ.61 ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนม.ค. หลังจากดีดตัวแตะระดับสูงสุดในรอบ 18 ปีในเดือนธ.ค.
+ สหภาพยุโรป : เกินดุลการค้ากับสหรัฐเพิ่มขึ้น 6.8% ในปี 60
# สำนักงานสถิติแห่งชาติยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า สหภาพยุโรปเกินดุลการค้ากับสหรัฐเพิ่มขึ้น 6.8% สู่ระดับ 1.208 แสนล้านยูโรในปีที่ 2560 เมื่อเทียบกับระดับ 1.131 แสนล้านยูโรในปี 2559
# แต่สหภาพยุโรปขาดดุลการค้ากับจีนเพิ่มขึ้นเป็น 1.76 แสนล้านยูโรในปีที่แล้ว จากระดับ 1.753 แสนล้านยูโรในปี 2559
# ทั้งนี้สหภาพยุโรปมีการส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้น 7.7% สู่ระดับ 1.8785 ล้านล้านยูโรในปี 2560 ขณะที่มีการนำเข้าเพิ่มขึ้น 8.2% สู่ระดับ 1.8535 ล้านล้านยูโร ส่งผลให้มีการเกินดุลการค้า 2.5 หมื่นล้านยูโร ลดลงจาก 3.2 หมื่นล้านยูโรในปี2559
+ ภาวะตลาดหุ้น : ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐบวก 1.23%
# ดัชนี DJIA ปิดที่ 25,200.37 จุด พุ่งขึ้น 306.88 จุด หรือ +1.23% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,731.20 จุด เพิ่มขึ้น 32.57 จุด หรือ +1.21% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,256.43 จุด เพิ่มขึ้น 112.81 จุด หรือ +1.58% โดยตัวเลข PPI ออกมาสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดไว้
# ดัชนีตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวก 0.29% ส่วนดัชนีตลาดหุ้นยุโรป พบว่าดัชนีตลาดหุ้นฝรั่งเศสนำขึ้น (+1.1%) แต่ดัชนีตลาดหุ้นเยอรมนีทรงตัว
+ ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคา WTI ปรับขึ้นต่อ
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 74 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 61.34 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนเม.ย. ขยับลง 3 เซนต์ ปิดที่ 64.33 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากเงินดอลลาร์อ่อนค่า และสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มน้อยกว่าคาด
- ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก : ราคาอ่อนลง
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 2.70 ดอลลาร์ หรือ 0.2% ปิดที่ 1,355.30 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
-/• ไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์สะดุด...แต่ก.คลังระบุไม่กระทบโครงการลงทุนทางด่วน 2 เส้นใหม่
# นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ประธานคณะกรรมการจัดตั้งกองทุนรวมโครงการสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (ไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์) เปิดเผยว่าการขายหน่วยลงทุน ไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ 4.4 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะล่าช้าออกไปถึงกลางปี 61 เนื่องจากสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (สร.กทพ.) ไปยื่นเรื่องอุทธรณ์ศาลปกครอง ทำให้การเดินหน้าขายหน่วยลงทุนมีปัญหา คงต้องรอคำตัดสินของศาลออกมาชัดเจนเสียก่อนที่จะดำเนินการต่อไป
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]
OO5645
