- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 03 September 2014 15:12
- Hits: 1873
บล.โกลเบล็ก : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market View : แนวรับSMA5วัน
Technical : แนวรับ 1,563 / 1,559 แนวต้าน 1,571 / 1,577
หุ้นแนะนำพิเศษ : KBANK แนวรับ 222-224 แนวต้าน 230/234
หุ้นเด่นรายวัน : PAP AGE TRC
วันพุธตลาดหุ้นไทยเดินหน้าปิดบวกต่อ ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,568.60 จุด เพิ่มขึ้น 3.25 จุด(+0.21%) มูลค่าการซื้อขาย 41,377.40 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 845.93 ล้านบาท
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย ทางฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็กฯ คาดมีแนวโน้มผันผวนในกรอบ 1,500-1,577 ปริมาณการซื้อขายที่ลดน้อยถอยลง ขัดแย้งกับระดับดัชนีที่ปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการปรับขึ้นล่วงหน้าก่อนที่จะมีการแถลงนโยบายหลัก โดยเฉพาะด้านกระตุ้นเศรษฐกิจ ในขณะที่ SET50 ทดสอบแนวต้านจิตวิทยา 1,050 (แนวต้านจุดสูงเดิม 1,054) ไม่ผ่าน มีความเสี่ยงที่จะเกิดแนวต้านDouble Top แนวรับสำคัญ 1,044 GFV14 เก็งกำไรในกรอบ 19,210-19,560 GFZ14 เก็งกำไรในกรอบ 19,270-19,620
กลยุทธ์ ระยะสั้นหากตลาดยังขาดปัจจัยบวกใหม่ๆเข้ามากระตุ้น การทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,570-1,577 จะมีแรงขายทำรอบในลักษณะของการเล่นรอบ การผ่านยืนบริเวณแนวต้านควรมีปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มมากกว่าระดับ 5 หมื่นล้าน กลุ่มธนาคาร KBANK SCB BBL LHBANK สำหรับระยะสั้นแนะนำTMB กลุ่มพลังงาน GLOW ESSO SOLAR PTTEP PTTเน้นยืน318 กลุ่มสื่อสาร ADVANC JAS INTUCH หุ้นรายหลักทรัพย์ TVD CWT OCEAN CNT APURE ระยะกลาง ถือ
หุ้นแนะนำพิเศษ
KBANK (ราคาปิด 228 ซื้อ เป้าปี 58 เท่ากับ 268 บาท) ปัจจัยพื้นฐานของ KBANK ยังแข็งแกร่งจากการแบงก์ขนาดใหญ่ที่มีพอร์ตสินเชื่อกระจายตัวดีและมีประสิทธิภาพในการบริหารหนี้ที่มีประสิทธิภาพส่งผลให้ผลประกอบการยังมีศักยภาพเติบโตต่อเนื่อง กำไรสุทธิครึ่งแรกของปี 57 เท่ากับ 2.37 หมื่นล้านบาทเติบโต 12%YoY โดยคิดเป็น 51% ของ 4.6 หมื่นล้านบาทซึ่งเติบโต 12% สำหรับประมาณการกำไรปี 58 ปรับขึ้น 9% เป็น 5.2 หมื่นล้านบาทซึ่งเติบโต 12% ธนาคารประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.50 บาทต่อหุ้น XD 9 ก.ย. วันจ่าย 29 ก.ย.
หุ้นเด่นรายวัน
PAP (ปิด 5.80 ซื้อเก็งกำไร) ผลประกอบการครึ่งปีแรกอ่อนตัวลง10%yoy แต่แนวโน้มจะกลับมาดีขึ้นในครึ่งปีหลังจากแรงหนุนของการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐทำให้ความต้องการท่อเหล็กเพื่อก่อสร้างในโครงการต่างๆเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ราคาซื้อขายยังถูกโดยมี P/E ต่ำเพียง 8.5 เท่าต่ำกว่าในอดีตที่ 10 เท่าและวันนี้บริษัทยังเข้าร่วมงาน Opportunity Day คาดว่าจะมีข้อมูลใหม่ๆแจ้งให้นักลงทุนทราบจึงเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนหรือซื้อเก็งกำไร
AGE (ราคาปิด 2.48 ซื้อเก็งกำไร) ผู้บริหารมั่นใจยอดขายถ่านหินปีนี้น่าจะทำได้ตามเป้า 4 ล้านตัน หลังจากดีมานด์จีนพุ่งขึ้น วางเป้ารายได้ทั้งปีแตะ 7 พันล้านบาท ส่วนปีหน้าเริ่มบุ๊ครายได้จากโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ จ.สุโขทัย จำนวน 60-70 ล้านบาท(ที่มา : ข่าวหุ้น)
TRC (ปิด 4.14 :ซื้อเก็งกำไร) คาดผลประกอบการครึ่งปีหลังเติบโตโดดเด่นหลังประกาศได้งานก่อสร้างโรงงานไบโอดีเซลเฟส 2 ของ BCP มูลค่า1.2-1.7 พันล้านบาทเพิ่ม Backlog สูงขึ้นเป็น 4.8 พันล้านบาทรองรับการเติบโตของรายได้ไปอีก 1-2 ปี ส่วนการเซ็นสัญญาและเข้าประมูลงานใหม่ปัจจุบันรอผลการประมูลงานของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท ที่คาดว่าจะรู้ผลในเดือนตุลาคม 2557 นี้ (ที่มา:ทันหุ้น)
รายชื่อหลักทรัพย์ที่ติดเกณฑ์บัญชี Cash Balance
* BMCL / CKP/ EE / LIVE / RASA/ RPC/ TCC มีผลบังคับใช้ 28 ก.ค. - 5 ก.ย.57
* ABC มีผลบังคับใช้ 25 ส.ค. – 5 ก.ย. 57
* TMI มีผลบังคับใช้ 4 ส.ค. - 12 ก.ย. 57
*ADAM/ SLC / IFEC / AJD มีผลบังคับใช้ 13 ส.ค.-19 ก.ย.57
* TH มีผลบังคับใช้ 4 ส.ค.-26 ก.ย. 57
* AJP/ SOLAR / SUPER /VIH มีผลบังคับใช้ 25 ส.ค.-3 ต.ค.57
* ACD / DIMET / EMC / EVER / GENCO / SST / TAKUNI มีผลบังคับใช้ 1ก.ย. - 10 ต.ค. 57
***เนื่องจากการลงทุนในหลักทรัพย์ ดังกล่าวมีการซื้อขายผิดไปจากสภาพปกติของตลาดดังนั้นผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ
ตลาดหุ้นดาวโจนส์ : ลดลง 30.89 จุด
ดัชนีตลาดหุ้นดาวโจนส์ปิดตลาดปรับตัวลดลง 30.89 จุด เนื่องจากนักลงทุนกลับมาวิตกกังวลต่อสถานการณ์ในยูเครนหลังรัฐบาลยูเครนออกมาเตือนถึงความขัดแย้งที่เพิ่มขึ้นในภาคตะวันออกของประเทศ อย่างไรก็ตามดัชนีไม่ได้ลดลงมากนักเนื่องจากตลาดยังมีแรงหนุนจากรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยเมื่อวานนี้สหรัฐรายงานตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนส.ค.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 57.9 จากเดือนก.ค.ซึ่งอยู่ที่ระดับ 55.8 ขณะเดียวกันสถาบันจัดการอุปทานของสหรัฐ (ISM) ก็รายงานดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐในเดือนส.ค.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 59.0 จากระดับ 57.1 ในเดือนก.ค.นับเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2554 และเป็นการขยายตัวเดือนที่ 15 ติดต่อกันทำให้ปิดตลาดดัชนีดาวโจนส์ลดลง 30.89 จุด หรือ -0.18% ปิดที่ 17,067.56 จุด ดัชนี NASDAQ เพิ่มขึ้น 17.92 จุด หรือ +0.39% ปิดที่ 4,598.19 จุด ดัชนี S&P500 ลดลง 1.09 จุด หรือ -0.05%ปิดที่ 2,002.28 จุด
ตลาดน้ำมัน NYMEX : ลดลง 3.08 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบที่ตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 3.08 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลต่อการชะลอตัวของภาคการผลิตในจีนและยูโรโซนโดยผลสำรวจของมาร์กิตระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของยูโรโซนในเดือนส.ค.ปรับตัวลงแตะระดับ 50.7 ซึ่งต่ำสุดในรอบ 13 เดือน และสหพันธ์พลาธิการและการจัดซื้อของจีน (CFLP) รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนในเดือนส.ค.ลดลงแตะระดับ 51.1 จาก 51.7 ในเดือนก.ค.ขณะเดียวกัน เอสบีซี โฮลดิงส์ก็เปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนในเดือนส.ค.ปรับตัวลงสู่ระดับ 50.2 จาก 51.7 ในเดือนก.ค.ทำให้ปิดตลาดราคาน้ำมันดิบที่ตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 3.08 ดอลลาร์ หรือ 3.2% ปิดที่ 92.88 ดอลลาร์/บาร์เรลส่วนน้ำมันดิบ BRENT ส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 2.45 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 100.34 ดอลลาร์/บาร์เรล
Analyst :
ธวัชชัย 02-6725993 [email protected]
วิลาสินี 02-6725937 [email protected]
อาทิตย์ [email protected]
Assistant : ณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์