WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

KTBบล.เคทีบี (ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 


“ คาดเดินหน้าตามสหรัฐฯ หลังรู้เงินเฟ้อแล้ว ”
ทิศทางตลาดหุ้นไทย:
  เรามองว่าตลาดหุ้นไทยน่าจะบวกได้หลังตัวเลขสำคัญผ่านไป และตลาดหุ้นสหรัฐฯไม่ได้ปรับตัวลง ซึ่งตัวเลขเงินเฟ้อที่นักลงทุนจับตาดูในช่วงก่อนหน้านี้ (ซึ่งจะเป็นการส่งสัญญาณให้ Fed ปรับดอกเบี้ยขึ้นเร็วกว่าคาด) ออกมาสูงกว่าคาดแต่ก็เท่ากับตัวเลขของเดือนก่อน อีกทั้งราคาน้ำมันยังปรับตัวสูงขึ้นถึง 2.4% .... ปัจจัยภายนอกได้แก่ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,893.49 จุด พุ่งขึ้น 253.04 จุด หรือ +1.03%, ดัชนี CPI ออกมาสูงกว่าคาดแต่เท่ากับเดือนก่อน, ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นสูง .... ส่วนปัจจัยในประเทศได้แก่ กนง.มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5%, บอร์ด กสทช.มีมติชะลอประมูลคลื่น 900/1800 MHz ออกไป1-2 เดือน, กระทรวงพาณิชย์เตรียมเสนอเป้าส่งออกปีนี้โต 6.5-7%
กลยุทธ์การลงทุน:
  มองว่าตลาดจะปรับตัวขึ้นในวันนี้ จึงมองว่าเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าเก็งกำไรระหว่างวัน  โดยการเข้าเก็งกำไรระหว่างวัน เน้นหุ้นที่ได้รับปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ, ปัจจัยบวกจากตัวเลขนักท่องเที่ยวที่ปรับตัวสูง, และหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว เรามองว่าด้วยค่าเงินดอลลาร์ต่ำลง จะส่งผลให้คาดการณ์ราคา commodity ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้เรากลับมาแนะนำหุ้นในกลุ่มปิโตรฯ  .... โดยหุ้นที่ติด most active และคาดว่าตลาดจะให้ความสนใจได้แก่ PTT*, IRPC, AOT, KBANK
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
หุ้น Active ที่น่าสนใจ
(+) PTT*/ IRPC:
  ราคาหุ้นของ PTT ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงไปมากก่อนหน้านี้ โดยเรามองว่าราคาน้ำมันดิบมีโอกาสยืนเหนือ 60 ดอลลาร์/บาร์เรลต่อไปได้ จากแรงหนุนสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯที่ปรับตัวขึ้นน้อยกว่าคาด อีกทั้งกำไรช่วง 4Q17 ของ IRPC ยังออกมาดีที่ 4.5 พันล้านบาท +166%YoY, +39%QoQ ดีกว่าที่เราคาด 9% ค่าการกลั่นและสเปรดปิโตรเคมีอยู่ในระดับสูง จากราคาน้ำมันและส่วนต่าง olefin spread ที่สูงดีจากกำไรสต็อกน้ำมันที่สูงอีกด้วย .... ราคาเหมาะสมของ IRPC โดย KTBST ที่ 8.20 บาท
(+) MTLS:
  เรายังชอบหุ้นที่มีลักษณะเป็น domestic play หรือรายได้อิงกับเศรษฐกิจในประเทศ .... โดย MTLS ยังมีปัจจัยบวกเฉพาะตัวจากคาดการณ์กำไรสุทธิช่วง 4Q17 ที่คาดว่าจะออกมาดี ซึ่งเราคาดที่ที่ 684 ล้านบาท (+42%YoY และ +5%QoQ) อีกทั้งคาดกำไรสุทธิปี 2018 เติบโตถึง +48% YoY ที่ 3,624 ล้านบาท .... ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 48.00 บาท
(+) SF*:
  เราแนะนำ SF รายงานกำไรสุทธิช่วง 4Q17 ที่ออกมาสูงที่ 1,016 ล้านบาท (+429% YoY, +213% QoQ) ในขณะที่ตลาดคาด 255 ล้านบาท และ SF ยังมีปัจจัยบวกจากการขยายโครงการเมกาบางนา และเปิดโครงการดุสิตมาร์เก็ตเพลส และโครงการนางลิ้นจี่ ... เงินปันผลงวดนี้ @0.25 “XD” 28 มี.ค.
หุ้นมีประเด็น
(+) Media: ทีวีดิจิทัลหวัง ม.44 พักหนี้-ลดค่า MUX ชงเพิ่มคืนไลเซ่นส์
  กสทช.สรุปข้อมูล มาตรการช่วยเหลือทีวีดิจิทัล ชง คสช.เคาะ  ม.44 ช่วยผู้ประกอบการ  ทั้งการพักการชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตเป็นเวลา 3 ปี  โดยจ่ายดอกเบี้ย และลดค่าเช่าโครงข่าย(Mux) 50% เป็นเวลา 3 ปี ตั้งแต่ปี 2018-2021 โดยเรื่องดังกล่าว ได้ผ่านการพิจารณาของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีแล้ว จากนี้ก็ขึ้นอยู่กับนายวิษณุว่าจะนำเรื่องเข้าเสนอต่อที่ประชุม คสช.เมื่อใด ด้านเอกชนหวัง "พักหนี้-ลดค่าเช่าโครงข่าย"ต่อลมหายใจ  นายเขมทัตต์ พลเดช นายกสมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์  เสนอพิจารณาเพิ่มทางออก "คืนใบอนุญาต" นำคลื่นประมูลโทรคมนาคม ชี้รัฐได้ประโยชน์สูงกว่า (Source – กรุงเทพธุรกิจ, 14.02.2018)
  ความเห็น: เรามีมุมมองเชิงบวกกับข่าวข้างต้น เรามองว่าการพักชำระใบชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตเป็นเวลา 3 ปี โดยจ่ายดอกเบี้ยและลดค่าเช่าโครงข่าย Mux 50% เป็นเวลา 3 ปี ในปี 2018-2021 จะช่วยลดค่าใช้จ่ายต้นทุนคงที่ของผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล และส่งผลให้ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลถึงจุดคุ้มทุนได้เร็วขึ้น โดยการจ่ายค่าธรรมเนียมใบอนุญาตครั้งถัดไปคือ ภายในวันที่ 23 พ.ค. 2018 เรามองว่าการที่ทางเอกชนเสนอให้เพิ่มทางออกในการคืนใบอนุญาตเรามองว่าถ้าผ่านการพิจารณา จะส่งผลให้การแข่งขันในกลุ่มทีวีดิจิตอลลดลง โดยหุ้นที่ได้ประโยชน์จากประเด็นข้างต้นทั้ง 2 ประเด็น คือ BEC (Bloomberg consensus 13.26 บาท), MONO(Bloomberg consensus 5.18 บาท), WORK (Bloomberg consensus 98.26 บาท), RS (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 35.00 บาท)
  
(+) JMART: ยอดจองซื้อ JFin Coin ได้รับแรงตอบรับที่ดีวันเดียวขายได้ 87%
  JMART เปิดเผย การเสนอขาย Presale Initial Coin Offering (ICO) ของ บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด จนถึงเวลา 17.35 น.ของวันแรกที่เปิดให้จองซื้อ (14.02.2018) มีการยอดจองไปแล้ว 87.06 ล้านโทเคน จากที่เปิดเสนอขายจำนวน 100 ล้านโทเคน ที่ราคาขาย 6.60 บาทต่อโทเคน (Source: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, 14.02.2018)
  ความเห็น: เรามองว่าการระดมทุนในครั้งนี้ได้รับความสนใจของนักลงทุนจำนวนมาก ส่งผลให้บริษัท J Ventures (บริษัทย่อย) มีเงินทุนในการพัฒนาระบบ DDLPs และสนับสนุนการปล่อยสินเชื่อผ่านระบบดิจิตัลในอนาคต โดยเรายังคงแนะนำ “ซื้อ”  JMART  จากการขยายตัวของสินเชื่อของกลุ่มบริษัทในระยะยาว และสนับสนุนเป้าหมายของบริษัทปี 2018 ที่กำไรสุทธิจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 30% อย่างไรก็ตามเราอยู่ระหว่างปรับประมาณการจากความร่วมมือ Synergy III ที่เพิ่มขึ้นจากเดิม
บทวิเคราะห์วันนี้
(+) AOT (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 77.00 บาท)
  AOT รายงานกำไรสุทธิ 1Q18 (ต.ค.-ธ.ค.2017) ที่ 6.22 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% YoY และ 67% QoQ ดีกว่าที่เราและตลาดคาด จากภาพรวมการท่องเที่ยวที่ขยายตัวแข็งแกร่ง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนที่กลับมาฟื้นตัวสูง โดยจำนวนผู้โดยสาร AOT ปรับตัวเพิ่มขึ้น 13% YoY และ 7% QoQ และยังสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีต่อเนื่อง ทั้งนี้ เราคาดว่ากำไรสุทธิ 2Q18 (ม.ค.-มี.ค.2018) ยังคงโดดเด่น เนื่องจากเป็นช่วง High Season ของการท่องเที่ยว เรามีการปรับคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2018 (ต.ค.2017-ก.ย.2018) ขึ้นจากเดิมเล็กน้อยราว 2% เป็น 2.57 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% YoY จากการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีกว่าคาด เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 77.00 บาท จากเดิมที่ 70.00 บาท
(+) SMPC (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 15.00 บาท)
  SMPC รายงานกำไรสุทธิ 4Q17 ยังทำได้ดีที่ 151 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% YoY แต่ลดลง 4% QoQ โดยดีกว่าที่เราคาดไว้ราว 20% กำไรที่เติบโตได้ดีเป็นผลจากรายได้ที่ยังคงทำสถิติสูงสุดใหม่ติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 3 ที่ 1,199 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% YoY และ 6% QoQ ดังนั้น ส่งผลให้กำไรสุทธิรวมทั้งปี 2017 อยุ่ที่ 532 ล้านบาท ลดลง 2% YoY สำหรับกำไรสุทธิปี 2018 เรายังคงคาดว่าจะกลับมาเติบโตเป็น 573 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% YoY โดยจะได้แรงหนุนจากความต้องการใช้ถังแก๊สในภูมิภาคเอเชียใต้และแอฟริกาที่เติบโตสูง และการปรับนโยบายการตั้งราคาขายให้ทันกับทิศทางราคาเหล็กที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมายปี 2018 ที่ 15.00 บาท
(0) KCE (ถือ, ราคาเป้าหมาย 80.00บาท)
  จากการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ เรามีมุมมองเป็นบวกเล็กน้อย เนื่องจากบริษัทมีแผนการรับมือผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบ และอัตราแลกเปลี่ยน ด้วยการเพิ่ม capacity, efficiency และ product mix ใหม่ เพื่อไม่ให้อัตรากำไรขั้นต้นโดนผลกระทบมากนัก อย่างไรก็ตามเรามีการปรับกำไรปกติปี 2018 – 2019 ลงเล็กน้อยเพื่อสะท้อนต้นทุนวัตถุดิบที่ยังคงทรงตัวในระดับสูง และค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น จึงได้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 80.00 บาท จากเดิม 85.50 บาท แต่ด้วยราคาหุ้นที่ลงมา 20% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา เรามองว่าได้สะท้อนปัจจัยลบไปหมดแล้ว ประกอบกับปัจจุบัน KCE เทรดอยู่ที่ PE 16.9X ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม และปัจจัยความเสี่ยงเรื่องราคาทองแดงและค่าเงินค่อนข้างจำกัด จึงปรับคำแนะนำเป็น ถือ
(0) LPN (ถือ, ราคาเป้าหมาย 12.60 บาท)
  LPN รายงานกำไรสุทธิ 4Q17 ที่ 296 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% YoY และ 46% QoQ ต่ำกว่าที่เราคาดไว้ราว 20% เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำกว่าที่เราคาด จากการแข่งขันที่สูงของโครงการคอนโดระดับกลาง-ล่าง ที่เป็นฐานลูกค้าหลักของ LPN สำหรับกำไรสุทธิรวมทั้งปี 2017 อยู่ที่ 1.06 พันล้านบาท ลดลง 51% YoY ทั้งนี้ เราคาดว่ากำไรสุทธีปี 2018 จะเริ่มกลับมาเติบโตเป็น 1.49 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% จากแผนการโอนโครงการใหม่ที่เพิ่มมากขึ้นเป็น 9 โครงการ จากปี 2017 ที่มีเพียง 4 โครงการ และจะมีการโอนโครงการระดับกลาง-บนมากขึ้น ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีกว่าตลาดกลาง-ล่าง เราปรับคำแนะนำ LPN ขึ้นเป็น ถือ จากเดิม ขาย ยังคงประเมินราคาเป้าหมายปี 2018
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด                                                                   
 ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (14 ก.พ.) – ตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,792.09 จุด ลดลง 7.94 จุด หรือ -0.44% มูลค่าการซื้อขาย 49,557.06 ล้านบาท ปริมาณการซื้อขายเบาบางกว่าช่วงที่ผ่านมา มองเป็นผลจากที่นักลงทุนรอความชัดเจนในเรื่องปัจจัยต่างประเทศ
ปัจจัยต่างประเทศ
  (+) ดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น แม้ตัวเลขเงินเฟ้อจะสูงกว่าคาด – ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,893.49 จุด พุ่งขึ้น 253.04 จุด หรือ +1.03% ตลาดปรับตัวขึ้นได้จากการเข้าซื้อหุ้นกลุ่มธนาคาร แม้ตัวเลขเงินเฟ้อ (ซึ่งจะเป็นการส่งสัญญาณให้ Fed ปรับดอกเบี้ยขึ้นเร็วกว่าคาด) จะปรับตัวสูงกว่าคาด
  (0) ดัชนี CPI (เงินเฟ้อ) สูงกว่าคาด – กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทรงตัวที่ระดับ 2.1% ในเดือนม.ค. โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 1.9% โดยดัชนี CPI พื้นฐานทรงตัวที่ระดับ 1.8% ในเดือนม.ค. โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 1.7%
  (+) ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นสูง - สัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้น 1.41 ดอลลาร์ หรือ +2.4% ปิดที่ 60.60 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง EIA เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 1.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 9 ก.พ. ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะพุ่งขึ้น 2.8 ล้านบาร์เรล
ปัจจัยในประเทศ
  (+) กนง.มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5% – ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันนี้ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.50 ต่อปี โดยประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่องและชัดเจนมากขึ้น โดยได้รับแรงส่งจากภาคต่างประเทศรวมทั้งอุปสงค์ในประเทศที่ทยอยปรับดีขึ้
  (+) บอร์ด กสทช.มีมติชะลอประมูลคลื่น 900/1800 MHz ออกไป1-2 เดือน – กสทช. เปิดเผยว่า มติคณะกรรมการ กสทช.วันนี้ให้รอความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกาว่าคณะกรรมการ กสทช.ชุดปัจจุบันที่เป็นชุดรักษาการมีอำนาจในการดำเนินการประมูลคลื่นความถี่ย่าน 1800 MHz และ คลื่นความถี่ 900 MHz จึงเห็นควรชะลอการดำเนินการประมูลคลื่นความถี่ไปก่อน รอออกไปประมาณ 1-2 เดือน
  (+) กระทรวงพาณิชย์เตรียมเสนอเป้าส่งออกปีนี้โต 6.5-7% - รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ในวันที่ 19 ก.พ.นี้ จะมีการประชุมผู้อำนวยการส่งเสริมการค้าไทยในต่างประเทศ เพื่อกำหนดเป้าหมายการส่งออกปี 2018 และ เตรียมเสนอเป้าปีนี้โต 6.5-7% (โพสต์ทูเดย์, 15/02/2018)
  (+/-) แถลงผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียน วันนี้ : SNC , ADVANC, THAICOM, INTUCH, SF

Analyst
Mongkol Puangpetra
License No: 001937  
+662 648 1123
[email protected]
Nontapat Rushtasomboon
License No: 081447  
+662 648 1127
[email protected]
OO5566

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!