- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 15 February 2018 16:20
- Hits: 1100
บล.เอเซียพลัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์การลงทุน
ราคาน้ำมันดูไบฟื้นตัวเหนือ 60 เหรียญฯ ต่อบาร์เรลอีกครั้ง แม้สต็อกน้ำมันจะเพิ่มขึ้น แต่หักล้างด้วยเงินดอลลาร์ที่กลับมาอ่อนค่า ขณะที่เงินเฟ้อโลกทรงตัว-ขึ้นหนุนดอกเบี้ยฯ เข้าสู่วัฏจักรขาขึ้น ยกเว้นไทย เงินเฟ้อต่ำ หนุนดอกเบี้ยต่ำตลอด 1H61 ยังหนุนเงินไหลออก ส่วนแรงขายรับงบวันนี้ STEC รายงาน 4Q60 ขาดทุนกว่าคาด กลยุทธ์ฯ ผสมผสานหุ้น Domestic (WHA, BJC) + Global Play PTTEP, PTT เงินปันผลสูง (SIRI, INTUCH) Top picks ยังชอบ WHA ([email protected]) วันนี้เพิ่ม PTTEP(FV@B137) และ PTT(FV@520) มีโอกาสฟื้นตัวตามราคาน้ำมัน
ย้อนรอยตลาดหุ้นไทย ….. หุ้นกลุ่มพลังงานกดดัน SET Index ปิดตลาดแดนลบ
วานนี้ SET Index แกว่งตัวในกรอบแคบบริเวณ 1800 จุด ก่อนจะย่อตัวลงแรงช่วงท้ายตลาดและปิดที่ 1792.09 จุด ลดลง 7.94 จุด หรือ 0.44% ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ยังดูบางตาเพียง 4.95 หมื่นล้านบาท แรงขายหนักในกลุ่มพลังงานนำโดย PTT ลดลง 1.64% ตามด้วย PTTEP ที่ปรับตัวลงต่อเนื่องอีก 3.51% ตามทิศทางราคาน้ำมันดิบที่ย่อตัวลงระยะสั้น, IRPC เผชิญแรงขาย sell on fact ลดลง 1.33% หลังรายงานงบ 4Q60 มีกำไรสุทธิ เท่ากับ 4.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.0%qoq หลักๆ มาจากการบันทึกกำไรพิเศษทั้งสต๊อกน้ำมันและการกลับรายการด้อยค่าสินทรัพย์ แต่หากพิจารณาเฉพาะกำไรปกติอยู่ที่ 2.0 พันล้านบาทลดลง 20.3% qoq อย่างไรก็ตามโดยรวมแล้วกำไรสุทธิทั้งปี 60 เท่ากับ 1.1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.8%yoy สวนทางกับ TOP กลับเพิ่มขึ้น 2.02% และ SPRC เพิ่มขึ้น 1.80% ส่วนหุ้นในกลุ่มพลังงานอื่นๆ ที่ปรับลงแรง SGP ลดลงแรงกว่า 12.82% หลังจากก่อนหน้านี้ราคาหุ้นปรับตัวสูงกว่า 30% ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา อีกกลุ่มที่ปรับลดลงแทบทั้งกลุ่มคือ ธ.พ. ทั้ง BAY, SCB และ KBANK ลดลง 2.17%, 0.7% และ 0.44% ตามลำดับ
สำหรับแนวโน้มตลาดวันนี้ คาดดัชนีมีโอกาสฟฟื้นตัวได้ตาม sentiment ตลาดต่างประเทศและราคาน้ำมันที่ดีดตัว ประเมินแนวรับที่ 1785 จุด แนวต้าน 1805 จุด
น้ำมันขึ้นแรง จากสต็อกที่น้อยกว่าคาด และดอลลาร์ที่กลับมาอ่อนค่า
วานนี้สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบในสัปดาห์ล่าสุด แม้จะเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 3 สัปดาห์ คือ เพิ่มขึ้น 1.81 ล้านบาร์เรล แต่น้อยกว่าที่ตลาดคาดที่ 2.82 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นผลจากโรงกลั่นน้ำมันปิดซ่อมบำรุงประจำฤดูกาล
ขณะที่ความกังวลจากปัญหา Oversupply ยังมีอยู่ หลังจากสหรัฐมีแนวโน้มจะผลิตน้ำมันเพิ่มมากขึ้น สะท้อนจากจำนวนหลุมขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐฯ สัปดาห์ล่าสุดปรับเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 3 โดยเพิ่มขึ้น 26 หลุมมาอยู่ที่ 791 หลุม(ระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี) หนุนกำลังการผลิตสหรัฐในช่วงเดียวกัน เพิ่มขึ้นแตะระดับ 10.25 ล้านบาร์เรลต่อวัน และ EIA คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 10.6 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้
อย่างไรก็ตามน่าจะถูกหักล้างได้จากความต้องการใช้น้ำมันดิบโลกที่เพิ่มขึ้น ตามเศรษษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง และหนุนให้ IMF มีการปรับเพิ่ม GDP Growth โลกปี 2561 และ 2562 ที่ 3.9% ใกล้เคียงกัน (เป็นการปรับเพิ่มขึ้นจากครั้งก่อนหน้า 0.2% โดยเป็นการปรับเพิ่มสหรัฐ ยุโรป และ ญี่ปุ่น) และ ยังมีการควบคุมการผลิตน้ำมันทางฝั่ง OPEC และ Non OPEC ต่อเนื่องจนถึงธ.ค. ปีนี้ รวมถึง Dollar Index ที่กลับมาอ่อนค่า เป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมันดิบโลก ทำให้เป็นโอกาสสะสมหุ้นน้ำมัน PTTEP(FV@B137) ยังมี Upside 24.5% และ PTT(FV@B520) มี Upside 8.3%
เงินเฟ้อโลกทรง-ขึ้น หนุนดอกเบี้ยโลกเข้าสู่วัฎจักรขาขึ้น
วานนี้สหรัฐรายงานอัตราเงินเฟ้อเดือน ม.ค. ยังทรงตัวติดต่อกัน 2 เดือนที่ 2.1%yoy สูงกว่าที่ตลาดจะชะลอตัวที่ 1.9% เนื่องจากมีแรงหนุนจากราคาสินค้าพลังงานเพิ่มขึ้น 9.0%yoy การขนส่งเพิ่มขึ้น 4.0% อาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้น 1.7% เป็นต้น หนุนให้ Bond yield อายุ 10 ปี ของสหรัฐ ปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี ที่ 2.911% แต่อย่างไรก็ตามถูกหักล้างด้วยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจบางรายการที่ส่งสัญญาณขัดแย้ง คือยอดค้าปลีก(Retail sales) ในเดือนเดียวกัน ชะลอตัวติดต่อกัน 2 เดือน (ลดลง 0.3%mom) เป็นผลจากยอดขายสินค้ากลุ่มเคหสถาน อาทิ ของตกแต่งที่อยู่อาศัยหดตัว 2.4%mom จากสภาพอากาศที่หนาวผิดปกติ และหมวดยานยนต์ลดลง 1.3%
โดยรวมทำให้คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) มีแนวโน้มเดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างน้อย 3 ครั้งต่อในปีนี้ ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าติดต่อกันตั้งแต่ 9 ก.พ.ราว 1.6% และตั้งแต่ต้นปีอ่อนค่า 3.43%ytd กดดันให้ค่าเงินในภูมิภาคเอเชีย กลับมาแข็งค่าอีกครั้ง ( เช่น เงินรูเปียะห์ ริงกิต และ เงินบาท ยกเว้น เปโซ ที่ยังคงทรงตัว) ซึ่งหนุนให้เกิดเก็งกำไรในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำ และ น้ำมัน
ขณะที่ไทย วานนี้ผลประชุม กนง. ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.5% (ตั้งแต่ เม.ย. 2558 )เนื่องจากเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ ล่าสุดเดือน ม.ค. ขยายตัว 0.68%yoy ชะลอตัวติดต่อกัน 2 เดือน (ราคาสินค้าหมวดเกษตร เช่น อาหารสดปรับ ลดลง) และประเด็นที่ กนง. ให้น้ำหนักในการประชุมครั้งนี้ คือ ความเสี่ยงจากต่างประเทศ โดยเฉพาะการกีดกันการค้าของสหรัฐ และค่าเงินบาทที่ผันผวน อย่างไรก็ตาม ASPS คาดว่า กนง. น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในช่วง 1H61 และน่าจะปรับขึ้นราวช่วง 2H61 ทั้งนี้ขึ้นกับแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อใน 2H61 และสภาพคล่องในระบบการเงินโลก ที่การไหลออกเงินทุนจะเป็นแรงกดดันให้อัตราดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้น
ต่างชาติสลับมาซื้อหุ้นในภูมิภาคเล็กน้อย แต่ยังขายกลุ่ม TIP
วานนี้ตลาดหุ้นไต้หวันหยุดทำการ เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ช่วงเทศกาลตรุษจีน และหยุดยาวไปจนถึงวันที่ 20 ก.พ. 61 ส่วนตลาดหุ้นที่เหลืออีก 4 ประเทศยังคงเปิดทำการเป็นปกติ โดยภาพรวมแล้วพบว่า แรงขายหุ้นในภูมิภาคเริ่มลดลง และ วานนี้ต่างชาติสลับมาซื้อสุทธิเล็กน้อยราว 40 ล้านเหรียญ แต่เป็นการซื้อสุทธิเกาหลีใต้ประเทศเดียวราว 153 ล้านเหรียญ (ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2) ที่เหลือในกลุ่ม TIP ที่ยังถูกขายสุทธิต่อคือ อินโดนีเซียขายสุทธิ 39 ล้านเหรียญ (ขายสุทธิเป็นวันที่ 13), ฟิลิปปินส์ 14 ล้านเหรียญ (ขายสุทธิเป็นวันที่ 14) และไทยขายสุทธิอีก 60 ล้านเหรียญ หรือ 1.89 พันล้านบาท (ขายสุทธิเป็นวันที่ 9 มูลค่ารวม 3.37 หมื่นล้านบาท) เช่นเดียวกับสถาบันในประเทศที่ซื้อสุทธิ 1.15 พันล้านบาท (หลังจากซื้อสุทธิ 3 วัน)
ส่วนทางด้านตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนสถาบันฯสลับมาขายสุทธิ 661 ล้านบาท ต่างกับต่างชาติซื้อสุทธิเล็กน้อย 1.55 พันล้านบาท (ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3)
หุ้นมือถือกระทบช่วงสั้น กสทช. เลื่อนการประมูลคลื่น 1800 MHz
ปัจจัยกดดันตลาดอีกประการหนึ่ง มาจากกลุ่มผู้ให้บริการมือถือทั้ง 3 ราย (ADVANC, DTAC, TRUE)หลังจากวานนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ กสทช. (บอร์ด)มีมติให้ รอฟังความเห็นจากกฤษฎีกา ในการพิจารณาหลักเกณฑ์การประมูลคลื่น 900 MHz และ 1800 MHz (ซึ่งเป็นคลื่นสัมปทานเดิมของ DTAC) ดังนี้ คือ
คลื่น 900 MHz ขนาด 5 MHz จำนวน 1 ใบอนุญาต ทาง บอร์ด กสทช. ต้องการที่จะเลื่อนการประมูลออกไปก่อน 1-2 ปี เนื่องจากอาจจะไปรบกวนสัญญาณเดินรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน
คลื่น 1800 MHz เดิม กสทช. แบ่งเป็น 3 ใบอนุญาต ใบละ 15 MHz แต่จะมีการปรับเปลี่ยนเป็น 9 ใบอนุญาต ใบละ 5 MHz และสามารถประมูลได้สูงสุด 4 ใบ
ทั้งนี้ สาเหตุของการเลื่อนประมูล นั้นเป็นเพราะบอร์ด กสทช เป็นชุดรักษาการ จนกว่าจะมี บอร์ด จริงเข้ามาบริหารงานต่อ ซึ่งก็คงในราวกลางปี อย่างไรก็ตาม การเลื่อนเวลาประมูลจะนานเท่าใดนั้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาของกฤษฎีกา หากเลื่อนออกไปราว 1-2 เดือน เชื่อว่า ไม่น่าจะกระทบต่อประมาณการฯ ของผู้ให้บริการมือถือทั้ง 3 ราย แต่หากเลื่อนไปมากกว่า 6 เดือน จะมีผลต่องบลงทุนและประมาณการ ฯ โดยเฉพาะ DTAC ที่คลื่นส่วนใหญ่จะสิ้นสุดอายุบริการ ก.ย. 61 นี้ แม้ DTAC จะยังสามารถให้บริการต่อไปได้ด้วยคลื่นสัมปทานที่มี ภายใต้มาตรการเยียวยา แต่อาจไม่คุ้มค่าในการลงทุนพัฒนาบนโครงข่ายเดิมที่ใกล้สิ้นสุดอายุบริการแล้ว จึงทำให้คุณภาพบริการของ DTAC อาจด้อยกว่าคู่แข่งจนกว่าจะได้คลื่นใหม่ อย่างไรก็ตาม DTAC กำลังจะได้คลื่น 2300 MHz จาก TOT ที่ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการพิจารณาร่างสัญญาโดยอัยการสูงสุด และน่าจะใช้เวลาเซ็นสัญญาไม่นาน ซึ่ง DTAC จะสามารถใช้คลื่นดังกล่าวได้จนถึงปี 2568 และนำมาลงทุนพัฒนาโครงข่ายได้ทันที จึงช่วยลดผลกระทบจากการเลื่อนประมูลดังกล่าว
SET ยังต่ำกว่า 1800 จุด เพราะแรงขายต่างชาติและแรงขายรับงบ
แม้ตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มจะฟื้นตัวตามตลาดต่างประเทศ แต่คาดว่าน่าจะอยู่ใต้อิทธิพล 1800 จุด โดยได้รับแรงกดดันจาก fund flow ดังที่กล่าวไปวานนี้ว่า สัดส่วนที่นักลงทุนต่างชาติถือครองหุ้นไทยจากข้อมูลสิ้นสุดเดือน ม.ค. 61 พบว่าอยู่ที่ 31.37% ( แยกเป็นปิดโอนในชื่อต่างชาติ 24.30% และ NVDR 7.06%) ซึ่งเป็นระดับที่ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยนับตั้งแต่ปี 2547-ปัจจุบัน ที่ 33.28% อย่างไรก็ตามในเดือน ก.พ. นี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิไปแล้วกว่า 3.1 หมื่นล้านบาท จึงคาดว่าสัดส่วนในการถือหุ้นดังกล่าวน่าจะลดลงจากเดือน ม.ค.
ส่วนการรายงานงบ 4Q60 ของบริษัทจดทะเบียน ฯ ในกลุ่มภาคการผลิต ซึ่งขณะนี้รายงานมาเพียง 37% ( 70 บริษัท) และที่รายงานล่าสุดคือ RATCH กำไรสุทธิ 4Q60 เท่ากับ 686 ล้านบาท ลดลง 63.1%qoq ต่ำกว่าคาด เป็นผลจากการหยุดซ่อมบำรุงของโรงไฟฟ้า RATCH (RG) หลายโรง อีกทั้งยังมาจากส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมที่ปรับลดลง จึงส่งผลให้กำไรสุทธิปี 2560 เท่ากับ 6.1 พันล้านบาท ลดลง 1.0%yoy ฝ่ายวิจัยคาดว่ากำไรยังเป็นขาขึ้นจากการทยอยรับรู้โครงการใหม่ๆ และราคาหุ้นยังมี upside จาก Fair Value อยู่ที่ 67 บาท สูง 24%
ตามด้วย TASCO กำไรสุทธิ 4Q60 ตามคาด ที่ 554 ล้านบาท ลดลง 37.9%yoy เนื่องจากปัญหาเดิมที่แก้ไขไม่ได้คือ น้ำมันดิบที่นำเข้าจากเวเนซุเอลา ล่าช้า ทำให้โรงกลั่นยางมะตอยในมาเลเซียผลิตได้น้อยกว่าแผน ถัดมาคือ ตลาดส่งออกยังชะลอตัว คือ จีนและเวียดนาม การขายในประเทศที่ลดลง เนื่องจาก การลดงบประมาณจากภาครัฐในการซ่อมบำรุงถนน และ Hedging loss สัญญาขายน้ำมันล่วงหน้า ทั้งนี้แม้จะได้ปัจจัยบวกจากราคายางมะตอยในประเทศที่เพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบโลก แต่โดยรวมกำไรสุทธิปี 2560 อยู่ที่ 2.5 พันล้านบาท ลดลง 18.4%yoy
และเช้านี้ STEC รายงานงบปี 2560 ขาดทุน 610.82 ล้านบาท เทียบกับที่กำไรสุทธิ 1380 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากต้นทุนการก่อสร้างบางแห่งที่เกินกว่าแผน ซึ่งส่วนใหญ่มารับรู้ผลขาดทุนในงวด 4Q60 ซึ่งนักวิเคราะห์กลุ่มก่อสร้างกำลังอยู่ระหว่างการปรับลดประมาณการและ มูลค่าหุ้นปี 2561 รายละเอียดอ่านใน Equitty Talk วันนี้
และภายในสำหรับสัปดาห์นี้ คาดจะมีหุ้นปิโตรเลียม-โรงกลั่น ทยอยประกาศผลประกอบการ เช่น PTTGC, TOP, BCP, PTT รวมทั้งหุ้นอื่นๆ เช่น ROBINS และ BJC
กลยุทธ์การลงทุนสะสมหุ้น BJC, WHA, PTTEP
กลยุทธ์การลงทุน ยังแนะนำให้ถือหุ้น 40% หรือถือเงินสด 60% โดยให้ขายหุ้นที่เกิน Fair Value หรือ upside จำกัด จำกัด (เช่น EA, GPSC, PCSGH, TVO, SAPPE, SINGER, JAS, AOT, EA, TRUE, BAY, TOP, SCCC เป็นต้น) และสลับมาลงทุนกลุ่มต่อไปนี้
หุ้น Domestic Play อิงกับเศรษฐกิจในประเทศ
หุ้นกลุ่มค้าปลีก ที่ได้ปัจจัยหนุนจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ขยายตัวติดต่อกัน 6 เดือน และทำระดับสูงสุดกว่า 36 เดือน สะท้อนถึงความการฟื้นตัวของภาคการบริโภค แนะนำ BJC
กลุ่มนิคมฯ ที่ได้ sentiment บวกจากการที่ สนช. เห็นชอบ พ.ร.บ. EEC แล้ว และเตรียมนำขึ้นทูลเกล้าฯ ประกาศใช้เป็นกฏหมายได้ทันในเดือน ก.พ. นี้ ส่งผลบวกต่อ AMATA และ WHA รวมทั้ง EASTW
หุ้นปันผลสูง ฝ่ายวิจัยคัดเลือกหุ้นที่มี Dividend Yield สูง (มากกว่า 4%) ความผันผวนต่ำ (Beta น้อยกว่า 1) P/E อยู่ในระดับต่ำ (ไม่เกิน 15 เท่า) มี upside มากกว่า 15% และฝ่ายวิจัยแนะนำ ซื้อ ได้หุ้นปันผลเด่น คือ SC, MCS, RATCH, EASTW, TASCO ผสานกับหุ้น Dividend Play ที่แนะนำไปก่อนหน้านี้ คือ SIRI, INTUCH และ MAJOR โดยกลยุทธ์การลงทุน แนะนำก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD ราว 2 เดือน และขายทำกำไรในวันขึ้น XD
Global Play เน้นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของราคาน้ำมัน คือ PTTEP, PTT เป็นต้น
ภรณี ทองเย็น เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004146
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
พบชัย ภัทราวิชญ์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 052647
ภราดร เตียรณปราโมทย์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 087636
โยธิน ภูคงนิล ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เชิงปริมาณ
วรรณพฤกษ์ โกมลวิทยาธร ผู้ช่วยนักเศรษฐศาสตร์
OO5564