- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 13 February 2018 17:39
- Hits: 1240
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“Sentiment ตลาดต่างประเทศดีขึ้น”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ปัจจัยต่างประเทศ & ภายใน : ปัจจัยในประเทศ – ตลาดหุ้นไทยมีแรงซื้อช่วงท้ายตลาดหนุนให้ดัชนีปิด +13.00 จุดที่ 1799.45 นำโดยกลุ่มแบงค์,พลังงาน, ไฟแนนซ์ เป็นต้น นักลงทุนสถาบันในประเทศนำซื้อสุทธิ 4.5 พันลบ. รายย่อยซื้อสุทธิ 1.1 พันลบ. ส่วนต่างชาติยังขายสุทธิต่อ 5.1 พันลบ. ทั้งนี้ปัจจัยเรื่องรายงานผลประกอบการ 4Q60 และการประกาศจ่ายปันผลยังเป็นปัจจัยพยุงและกระตุ้นตลาดหุ้นในเดือนก.พ.
ปัจจัยต่างประเทศ – จับตาการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐทั้ง CPI (ประกาศ 14 ก.พ.) และ PPI (ประกาศ 15 ก.พ.) ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อการตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ยของเฟด
สำหรับภาวะตลาดหุ้นเอเชีย ในเช้าวันนี้ดีขึ้น ดัชนีปรับขึ้นหลังมีการพักฐานกันไปในหลายวันก่อน อย่างไรก็ดี อาจจะยังมีความผันผวนได้อีกถ้าการปรับขึ้นในรอบนี้ยังไม่สามารถขึ้นไปยืนเหนือเส้น SMA10 (ค่าเฉลี่ย 10 วัน) ได้อย่างมั่นคง โดย SET Index ก็อยู่ในโหมดเดียวกัน คือมีสิทธิรีบาว์แต่ถ้าไม่ผ่านและยืนเหนือ 1810 ได้อย่างมั่นคง ก็มีโอกาสไหลลงมาอีกรอบ
หุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น CPALL – เราคาดว่าบริษัทจะเข้าไปทำธุรกิจตัวแทนธนาคาร หรือแบงก์กิ้งเอเยนต์ (รับเงิน ฝากเงิน ถอนเงิน) ซึ่งทางผู้ว่าการธปท.ได้ลงนามหลักเกณฑ์เรื่องนี้ไปแล้ว ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการผ่านตัวแทนธนาคารได้ง่ายขึ้น เพราะมีสาขาจำนวนมากกว่า 1 หมื่น สาขาในปัจจุบันและจะขยายเป็น 1.3 หมื่นสาขาภายในปี 64 เราประเมินว่าธุรกิจนี้จะช่วยเพิ่มรายได้และกำไรกับบริษัทในระยะต่อไป แนะนำซื้อลงทุน CPALL ให้ TP 95 บาท (มี Upside จากราคาปิดวานนี้ 21%)
กลยุทธ์ทางพื้นฐาน : แนะเลือกซื้อเป็นรายบริษัท โดยธีมเด่นหุ้นดีจาก DBS ในปี 61 เราเลือกเป็น 1. Investment recovery play (หุ้นเด่น AMATA ราคาพื้นฐาน 30 บาท), 2. Dividend play (หุ้นเด่น KKP ราคาพื้นฐาน 88 บาท), 3. Growth play (หุ้นเด่น IVL ราคาพื้นฐาน 65 บาท) และ 4. Tourism play (หุ้นเด่น ERW ราคาพื้นฐาน 10.50 บาท) การอ่อนตัวของราคาหุ้นเป็นจังหวะทยอยซื้อสะสม
กลยุทธ์ทางเทคนิค : ภาพตลาดพลิกเป็นบวกเล็กๆ เน้นซื้อตามด้วยค่าบวก แนวต้าน 1805-1810, 1820 จุด หลุด 1785 จุดควรลดพอร์ตตาม โดยมีแนวรับ 1760, 1750-1740 จุด สำหรับหุ้นที่มีโอกาสทำ New high ที่เข้ามาใหม่ ได้แก่ ASAP, CPN, GULF, TWPC, RCL, GFPT, LPH, BCH ส่วนหุ้นที่แนะนำไป แล้วให้หาจังหวะ Take profit เป็น GPSC, AEONTS, TOA หุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ JMT, PLAT, SYNEX, TMB, GOLD, RS, THG, ERW, PSL หุ้นหลุด List -ไม่มี-
ปัจจัยต่างประเทศ
• สหรัฐ : ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อเดือนม.ค.61 สัปดาห์นี้
# กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนม.ค.ในวันพุธ และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ในวันพฤหัสบดี ถ้าตัวเลขออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ ก็อาจทำให้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด
+ ภาวะตลาดหุ้น : ดัชนี DJIA พุ่งขึ้น 1.7% ส่วนดัชนีตลาดหุ้นยุโรปบวก 1.2%-1.5%
# ทรัมป์เปิดเผยงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2562 วงเงิน 4.4 ล้านล้านดอลลาร์ต่อสภาคองเกรสเมื่อวานนี้โดยมีการเพิ่มรายจ่ายด้านกลาโหม และการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภค ซึ่งช่วยหนุน Sentiment
# ดัชนี DJIA ปิดที่ 24,601.27 จุด +410.37 จุด หรือ +1.70% ดัชนี Nasdaq +107.47 จุด หรือ +1.56% และดัชนี S&P500 +36.45 จุด หรือ +1.39%
# ดัชนีตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้น 1.2%-1.5% ส่วนดัชนีตลาดหุ้นลอนดอนปิด +1.2%
• ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาแกว่งแคบ
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.ขยับขึ้น 9 เซนต์ หรือ +0.2% ปิดที่ 59.29 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 20 เซนต์ หรือ -0.3% ปิดที่ 62.59 ดอลลาร์/บาร์เรล
+ ภาวะตลาดทองคำ : ราคาทองคำพุ่ง 10.70 ดอลลาร์
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 10.70 ดอลลาร์ หรือ 0.8% ปิดที่ 1,326.40 ดอลลาร์/ออนซ์ ปัจจัยหนุนคือ การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ
# สภาทองคำโลก (WGC) เปิดเผยว่า ความต้องการทองคำทั่วโลกในปี 2560 ลดลงที่ -7%YoY สู่ระดับ 4,071.7 ตัน แต่ใน 4Q60 สามารถ +6%YoY เป็น 1,095.8 ตันได้
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
+ CPALL (ราคาปิด 78.50 บาท) : คาดว่าจะรุกเข้าสู่ธุรกิจแบงก์กิ้งเอเยนต์ในเร็วๆ นี้
# ธปท.เปิดเผยว่าผู้ว่าการธปท.ลงนามหลักเกณฑ์การเป็นตัวแทนธนาคาร (แบงก์กิ้งเอเยนต์) แล้ว โดยจะเป็นการขยายธุรกรรมทางการเงิน ทั้งรับเงิน ฝากเงิน ถอนเงิน ให้ประชาชนเข้าถึงบริการผ่านตัวแทนธนาคาร เช่น ร้านโซห่วย ร้านสะดวกซื้อ เป็นต้น ได้ง่ายขึ้น และธนาคารพาณิชย์จะลดต้นทุนเปิดสาขา และต้นทุนขนย้ายเงินลงด้วย
# ความเห็นเชิงกลยุทธ์ Retail Research : เป็นบวกกับ CPALL โดยเราคาดว่าบริษัทจะเป็นหนึ่งที่สนใจในการเป็นตัวแทนธนาคาร เนื่องจากมีสาขาจำนวนมากครอบคลุมแทบทุกพื้นที่ในประเทศอยู่แล้ว โดยปัจจุบันมีราว 1 หมื่นสาขาและคาดว่าจะเพิ่มเป็น 1.3 หมื่นสาขาในปี 64 ซึ่งคาดว่าบริการแบงก์กิ้งเอเยนต์จะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะขยายรายได้และกำไรให้กับ CPALL ในระยะต่อไป
สำหรับ 4Q60 ทาง DBSVTH คาดว่าบริษัทจะมีกำไรเป็น Record high ที่ 5.1 พันล้านบาท (+19%YoY, +3%QoQ) โดยมาจากรายได้ที่เพิ่มและมาร์จิ้นสูงขึ้นหลังปรับ Product mixed ไปขายสินค้าที่มีอัตรากำไรสูงมากขึ้น ส่วน SSSG เป็นบวกทั้งในส่วนของ Z-11 (+4%) และของ MAKRO (+2.5%) สำหรับทั้งปี 60 ประมาณการกำไรหลักโต 18% และปี 61 ขยายตัวต่ออีก 16% แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 95 บาท
• TTCL (ราคาปิด 13.70 บาท) : บริษัทระบุว่าโตโย เอ็นจิเนียริ่งฯขายหุ้น 10% ไม่กระทบการดำเนินงาน
# TTCL แจ้งตลาดว่าเมื่อวันที่ 6 ก.พ.61 ว่าบริษัท โตโย เอ็นจิเนียริ่ง คอร์ปอเรชั่น (TEC) ได้ขายหุ้น TTCL ที่ถืออยู่จำนวน 56,000,001 หุ้น คิดเป็น 10% ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท โดย TEC ได้ทำข้อตกลงการขายหุ้นกับ Nomura International HK Limited ซึ่ง TEC ไม่สามารถระบุชื่อผู้ที่เข้าซื้อหุ้น TTCL ได้ แต่ได้รับทราบจาก Nomura International HK Limited ว่าผู้ซื้ออาจเป็นนักลงทุนสถาบันที่เป็นที่ยอมรับ และ TTCL ระบุว่าการขายหุ้นของ TEC ครั้งนี้ ไม่ได้มีผลกระทบในการดำเนินงานของบริษัทแต่อย่างใด
# ราคาหุ้นร่วงแรง 47% ใน 5 วันทำการที่ผ่านมาเมื่อมีข่าวการขายหุ้นของ TEC เพราะนักลงทุนไม่แน่ใจว่าการขายหุ้นครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อการที่จะได้มาซึ่งงานใหม่ในอนาคตหรือไม่ รวมทั้งการที่บริษัทจะต้องเพิ่มทุนหลังได้งานใหม่ที่เมียนมาร์ ซึ่งต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก
+ โครงการ EEC จะมีความคืบหน้ามากขึ้นในปีนี้
# หลังร่างพ.ร.บ.โครงการลงทุนในระบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ผ่านความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)แล้ว คาดว่านักลงทุนต่างชาติจะให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในพื้นที่ EEC มากขึ้น ซึ่งในช่วง 20-22 ก.พ.นี้จะมีนักธุรกิจรัสเซีย 30-40 คนพร้อมกับรมช.พัฒนาเศรษฐกิจจะเดินทางมาเยือนไทยเพื่อดูลู่ทางลงทุนใน EEC
# สำหรับขั้นตอนร่างพ.ร.บ. EEC หลังผ่านสนช.แล้ว ก็จะทูลเกล้าฯร่างพ.ร.บ. หลังจากนั้นก็ประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา เมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้แล้วก็ตั้งคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก โดยมีนายกฯเป็นประธานภายใน 60 วัน จัดตั้งสำนักงาน EEC ภายใน 90 วัน เดินสายโรดโซว์ในยุโรป อังกฤษ และจีน ทั้งนี้คาดว่าจะมีนักลงทุนยื่นของรับส่งเสริมการลงทุนใน EEC ราว 3 แสนล้านบาท
# หุ้น Top pick ใน Theme การลงทุนใน EEC ของเราเป็น AMATA (ราคาพื้นฐาน 30 บาท)
• กนง.ประชุม 14 ก.พ.นี้ คาดคงดอกเบี้ยไว้ที่ 1.5%
# คณะกรรมการนโยบายการเงินจะประชุมรอบแรกวันที่ 14 ก.พ.นี้ ทาง DBS คาดว่าจะคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจต่อ โดยเฉพาะด้านการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศ ซึ่งการเติบโตยังไม่กระจายตัวดี (การเติบโตเศรษฐกิจไทยปี 60 โดยหลักมาจากภายนอก คือ ส่งออกขยายตัวแกร่งเพราะเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวดีขึ้น และท่องเที่ยวที่ดีตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเติบโตแข็งแกร่ง)
# ปัจจัยติดตาม คือ 1. การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ ซึ่งมีผลกระทบต่อเงินทุนเคลื่อนย้าย (Fund flow) และส่งผลต่อค่าเงินบาท รวมถึงตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้, 2. ราคาน้ำมันดิบ, 3. เหตุการณ์/การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองทั้งภายนอกและภายในประเทศ
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]
OO5459