- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 13 February 2018 17:09
- Hits: 695
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมา SET ปรับตัวขึ้น โดยระหว่างชั่วโมงการซื้อขายมีแรงซื้อเก็งกำไรเด่นในกลุ่มพลังงานภายหลังเกิด Technical rebound ในราคาน้ำมันดิบ อย่าง PTT, PTTEP และกลุ่มโรงไฟฟ้าอย่าง GPSC, BGRIM, BPP, GULF และกลุ่มโรงพยาบาลอย่าง BDMS, BH, CHG อย่างไรก็ตามมีแรงขายใน TTCL ภายหลังมีการรายงานผู้ถือหุ้นใหญ่รายงานขายหุ้น ณ. สิ้นวัน SET ปิดที่ระดับ 1,799.4 จุด (+13.0 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 5.1 หมื่นล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับวันก่อนที่ 6.7 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 5,149 ล้านบาท และคงสถานะ Short SET50 index future อีกกว่า 4,182 สัญญา
Investment theme
ในระยะสั้น คาด SET แกว่งตัวตามกลุ่มพลังงาน : นับจากวันนี้-ปลายเดือนกุมภาพันธ์ แนะนักลงุทนเพิ่มความระมัดระวังการในลงทุน และแนะถือเงินสด 20% ของพอร์ต เพื่อใช้กลยุทธ์รอซื้อเมื่อตลาดอ่อนตัว โดยปัจจัยสำคัญมุ่งไปที่การเข้าสู่ช่วงการรายงานผลประกอบการรายปี นำโดยกลุ่มพลังงานซึ่งถือว่ามีผลต่อตลาดหุ้นมากกว่า 22% ซึ่งปัจจุบันราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงกว่า 10% ล่าสุด Brent ปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 63 เหรียญ/บาร์เรล เป็นผลจาก 1) ตัวเลขผลผลิตน้ำมันของสหรัฐที่สูงขึ้นอย่างมาอยู่ที่ระดับ 10 ล้านบาร์เรล/วัน สูงสุดในรอบ 40 ปี 2) สหรัฐรายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นกว่า 26 แท่นเป็น 791 แท่น สูงที่สุดในรอบ 33 เดือน 3) สหรัฐเข้าสู่ช่วงการ Shutdown ของโรงกลั่น อาจส่งผลต่อความต้องการน้ำมันดิบที่ลดลง และ 4) การแข็งค่าของ Dollar Index เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยกดดันราคาน้ำมันดิบ ซึ่งหากราคาหุ้นกลุ่มพลังงานยังถูกกดดันจากการอ่อนตัวของราคาน้ำมันดิบ เราคาดอาจเป็นอีกหนึ่งปัจจัยกดดัน SET
Investment theme: สัปดาห์นี้คาด SET เข้าสู่ช่วงการปรับฐาน แกว่งตัวบริเวณ 1,780 – 1,800 จุด เพื่อรอดูผลประกอบการรายปี ในขณะที่แนะนักลงทุนจับตาการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐ (Core CPI) และยอดค้าปลีก ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ซึ่งอาจออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาดที่ 1.7% อาจสร้างความกังวลต่อโอกาสการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED ได้ ซึ่งถือเป็นปัจจัยกดดันการลงทุนในสถานการณ์ปัจจุบัน
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา –ตลาดหลักทรัพย์นำ 193 บจ.ร่วม Oppday เริ่ม 14ก.พ.- 29 มี.ค. / รมช.คมนาคมแผนรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินต่อขยายคืบหน้ากว่า 90% คาดเปิดให้บริการบางส่วนใน 3Q62
ตลาดนำ TTCL, SOLAR เข้าเกณฑ์ Cash Balance
เมื่อวานที่ผ่านมา SET ปรับตัวขึ้น โดยระหว่างชั่วโมงการซื้อขายมีแรงซื้อเก็งกำไรเด่นในกลุ่มพลังงานภายหลังเกิด Technical rebound ในราคาน้ำมันดิบ อย่าง PTT, PTTEP และกลุ่มโรงไฟฟ้าอย่าง GPSC, BGRIM, BPP, GULF และกลุ่มโรงพยาบาลอย่าง BDMS, BH, CHG อย่างไรก็ตามมีแรงขายใน TTCL ภายหลังมีการรายงานผู้ถือหุ้นใหญ่รายงานขายหุ้น ณ. สิ้นวัน SET ปิดที่ระดับ 1,799.4 จุด (+13.0 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 5.1 หมื่นล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับวันก่อนที่ 6.7 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 5,149 ล้านบาท และคงสถานะ Short SET50 index future อีกกว่า 4,182 สัญญา
Investment theme
ในระยะสั้น คาด SET แกว่งตัวตามกลุ่มพลังงาน : นับจากวันนี้-ปลายเดือนกุมภาพันธ์ แนะนักลงุทนเพิ่มความระมัดระวังการในลงทุน และแนะถือเงินสด 20% ของพอร์ต เพื่อใช้กลยุทธ์รอซื้อเมื่อตลาดอ่อนตัว โดยปัจจัยสำคัญมุ่งไปที่การเข้าสู่ช่วงการรายงานผลประกอบการรายปี นำโดยกลุ่มพลังงานซึ่งถือว่ามีผลต่อตลาดหุ้นมากกว่า 22% ซึ่งปัจจุบันราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงกว่า 10% ล่าสุด Brent ปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 63 เหรียญ/บาร์เรล เป็นผลจาก 1) ตัวเลขผลผลิตน้ำมันของสหรัฐที่สูงขึ้นอย่างมาอยู่ที่ระดับ 10 ล้านบาร์เรล/วัน สูงสุดในรอบ 40 ปี 2) สหรัฐรายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นกว่า 26 แท่นเป็น 791 แท่น สูงที่สุดในรอบ 33 เดือน 3) สหรัฐเข้าสู่ช่วงการ Shutdown ของโรงกลั่น อาจส่งผลต่อความต้องการน้ำมันดิบที่ลดลง และ 4) การแข็งค่าของ Dollar Index เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยกดดันราคาน้ำมันดิบ ซึ่งหากราคาหุ้นกลุ่มพลังงานยังถูกกดดันจากการอ่อนตัวของราคาน้ำมันดิบ เราคาดอาจเป็นอีกหนึ่งปัจจัยกดดัน SET
Investment theme: สัปดาห์นี้คาด SET เข้าสู่ช่วงการปรับฐาน แกว่งตัวบริเวณ 1,780 – 1,800 จุด เพื่อรอดูผลประกอบการรายปี ในขณะที่แนะนักลงทุนจับตาการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐ (Core CPI) และยอดค้าปลีก ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ซึ่งอาจออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาดที่ 1.7% อาจสร้างความกังวลต่อโอกาสการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED ได้ ซึ่งถือเป็นปัจจัยกดดันการลงทุนในสถานการณ์ปัจจุบัน
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา –ตลาดหลักทรัพย์นำ 193 บจ.ร่วม Oppday เริ่ม 14ก.พ.- 29 มี.ค. / รมช.คมนาคมแผนรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินต่อขยายคืบหน้ากว่า 90% คาดเปิดให้บริการบางส่วนใน 3Q62
ตลาดนำ TTCL, SOLAR เข้าเกณฑ์ Cash Balance
Stock pick : GLOBAL
GLOBAL : ปรับราคาเหมาะสมขึ้นเป็น 18.50 บาท/หุ้น
บริษัทรายงานกำไร 4Q60 เติบโต 2%QoQ , -10%YoY เป็นผลจากยอดขายเฉลี่ยต่อสาขา (SSSG%) ที่ฟื้นตัวเป็น +2% (-5.0% ใน 3Q60, -2.4% ใน 4Q59) และมีการเปิดสาขารวมทั้งหมดเป็น 55 สาขา อย่างไรก็ตามอัตรากำไรลดลงเล็กน้อยที่ 19.9% จากต้นทุนการเปิดสาขา และ การขายสินค้าวัสดูก่อสร้างที่มี margin ต่ำเพิ่มขึ้น
คาดกำไรฟื้นตัวเด่นใน 1Q61 โดยเพิ่มขึ้นทั้ง QoQ และ YoY เนื่องจากเป็นไฮซีซั่นของการขายโดยเป็นช่วงหลังฤดูกาลเก็บเกี่ยว SSSG มีแนวโน้มฟื้นตัวจากฐานต่ำที่ -7% ใน 1Q60 ประกอบกับมีการขยายสาขาต่อเนื่อง และคาดอัตรากำไรเป็น 21.2% จาก20.6%
เราปรับเราคาเหมาะสมขึ้นเป็น 18.50 บาท/หุ้น คงคำแนะนำซื้อ
Trading idea – – ทยอยสะสม BGRIM (เป้าหมาย 34.00) / ระมัดระวังการลงทุนในกลุ่ม TV digital
GLOBAL : ปรับราคาเหมาะสมขึ้นเป็น 18.50 บาท/หุ้น
บริษัทรายงานกำไร 4Q60 เติบโต 2%QoQ , -10%YoY เป็นผลจากยอดขายเฉลี่ยต่อสาขา (SSSG%) ที่ฟื้นตัวเป็น +2% (-5.0% ใน 3Q60, -2.4% ใน 4Q59) และมีการเปิดสาขารวมทั้งหมดเป็น 55 สาขา อย่างไรก็ตามอัตรากำไรลดลงเล็กน้อยที่ 19.9% จากต้นทุนการเปิดสาขา และ การขายสินค้าวัสดูก่อสร้างที่มี margin ต่ำเพิ่มขึ้น
คาดกำไรฟื้นตัวเด่นใน 1Q61 โดยเพิ่มขึ้นทั้ง QoQ และ YoY เนื่องจากเป็นไฮซีซั่นของการขายโดยเป็นช่วงหลังฤดูกาลเก็บเกี่ยว SSSG มีแนวโน้มฟื้นตัวจากฐานต่ำที่ -7% ใน 1Q60 ประกอบกับมีการขยายสาขาต่อเนื่อง และคาดอัตรากำไรเป็น 21.2% จาก20.6%
เราปรับเราคาเหมาะสมขึ้นเป็น 18.50 บาท/หุ้น คงคำแนะนำซื้อ
Trading idea – – ทยอยสะสม BGRIM (เป้าหมาย 34.00) / ระมัดระวังการลงทุนในกลุ่ม TV digital
Technical View
ลุ้นการ Break Neckline Double Bottom: ดัชนีฟื้นตัวแรงในช่วงบ่ายจากแรงซื้อหลักกลุ่มพลังงาน และโรงพยาบาล ขณะนี้กำลังปะทะโซนแนวต้าน Neckline โซน 1800-1805 หากผ่านได้จะถือเป็นการคอนเฟิร์มการกลับตัวขึ้นแบบ Double Bottom มีแนวต้านถัดไปที่ 1813, 1820 โดย Indicator อย่าง Modified Stochastic และ RSI เกิดสัญญาณบวกสนับสนุน อย่างไรก็ตามหากไม่สามารถผ่านแนวต้านโซน 1800-1805 ได้ ระยะกลางดัชนีจะกลับไปแกว่งในกรอบ 1760-1800 เช่นเดิม กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: ลงทุนระยะสั้น-ระยะกลาง หากยืน1800 ได้ในช่วงเช้า แนะนำ ถือหุ้นต่อ แต่หากหลุด 1790 แนะนำ Lock Profit บางส่วน 2) ไม่มีหุ้น: Trading กรอบ 1790-1820
แนวรับ : 1790, 1786 แนวต้าน : 1813, 1820
Eyes on
ปัจจัยต่างประเทศ : 13 ก.พ. อังกฤษรายงานเงินเฟ้อ , ญี่ปุ่นรายงาน GDP, 14 ก.พ. สหรัฐรายงานตัวเลขเงินเฟ้อ
ปัจจัยในประเทศ : ประชุมกนง. 14 ก.พ.
แนวรับ : 1790, 1786 แนวต้าน : 1813, 1820
Eyes on
ปัจจัยต่างประเทศ : 13 ก.พ. อังกฤษรายงานเงินเฟ้อ , ญี่ปุ่นรายงาน GDP, 14 ก.พ. สหรัฐรายงานตัวเลขเงินเฟ้อ
ปัจจัยในประเทศ : ประชุมกนง. 14 ก.พ.
หุ้นเทคนิค:
PTT (B 480.00-484.00, Tp 500.00//510.00, Cut 476.00)
GPSC(B 85.00, Tp 87.50, Cut 84.00)
PTT (B 480.00-484.00, Tp 500.00//510.00, Cut 476.00)
GPSC(B 85.00, Tp 87.50, Cut 84.00)
นักวิเคราะห์ : สรพล วีระเมธีกุล / วิจิตร อารยะพิศิษฐ / จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์
Research Department Tel. 02-658-5000
OO5449
Research Department Tel. 02-658-5000
OO5449