- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 09 February 2018 16:15
- Hits: 1130
บล.โนมูระ พัฒนสิน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“Selective Play”
CNS Daily Strategy : คาดตลาด “ปรับฐาน” ต้าน 1786/1790จุด รับ 1750/1740จุด ผู้ขอสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯลดลงต่ำสุดในรอบเกือบ45ปี บ่งชี้เศรษฐกิจสหรัฐฯแข็งแกร่ง ทำให้ US Bond Yield 10ปี พุ่งขึ้นต่อสู่ 2.84% หนุนค่าเงินดอลล่าร์แข็งค่าเด่น กดดันสินทรัพย์เสี่ยง และ Fund Flows ในเอเชียผันผวน โดยต่างชาติขายสุทธิในเอเชีย3,966ล้านเหรียญ กดดันตลาดเอเชียปรับฐาน แต่ในประเทศยังสดใส โดยสนช.อนุมัติ EEC แล้ว ผสานคลังเตรียมเสนอให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการรัฐฯ (พรบ. PPP) กระตุ้นเม็ดเงินลงทุนเพิ่มเติม ดังนั้นกรณี SET ย่อ 1740+/- ให้ใช้เงินสดที่กระชับพอร์ตมาเหนือ 1830จุด ไปเพิ่มน้ำหนักหุ้นอีก 5% สู่ 70% วันนี้เน้น Theme “Selective Play” : STEC, PM, SNC
Nomura : Key Factors
(-) US: ผู้ขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงสวนคาด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 45 ปี
(-) US: US Bond Yield 10ปี ปรับตัวขึ้น 1.6 bps สู่ระดับ 2.837% สูงสุดในรอบ 4 ปี
(-) OIL: ราคาน้ำมันดิบวานนี้ WTI -1.04% สู่ $61.15/bbl / BRT -1.07% สู่ $64.81/bbl
(-) Fund Flow: นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นเอเชียกว่า 3,966 ล้านเหรียญ
(-) Fund Flow:ล่าสุดขายหุ้น-3,536ลบ.,Short Future-4,153สัญญา,ขายBond-3,350ลบ.
(+) TH: สนช.ผ่านร่างพรบ. EEC คาดกระตุ้นการลงทุนรอบใหญ่รอบใหม่
(+) TH: คลังเตรียมเสนอให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (พ.ร.บ.PPP) เข้าครม.
Nomura Daily Top Picks: STEC, PM, SNC
Equity Daily Outlook : คาดดัชนีวันนี้ “ปรับฐาน” แนวต้าน 1786/1790จุด รับ 1750/1740จุด เศรษฐกิจสหรัฐฯยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยผู้ขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 9,000 ราย สู่ระดับ 221,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 45 ปี สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 232,000 ราย เพิ่มความกังวลที่ว่า FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด ส่งผลให้ US Bond Yield 10ปี ปรับตัวขึ้น 1.6 bps สู่ระดับ 2.837% สูงสุดในรอบ 4 ปี และหนุนให้ค่าเงินดอลล่าร์แข็งค่าต่อเนื่อง ซึ่งปัจจัยดังกล่าวกดดันตลาดสินทรัพย์เสี่ยงโลก และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงทำให้ทิศทาง Fund Flows ผันผวน โดยตั้งแต่ต้นสัปดาห์ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นเอเชียกว่า 3,966 ล้านเหรียญ กดดันตลาดสินทรัพย์เสี่ยงเอเชียปรับฐาน แต่อย่างไรก็ดี ปัจจัยพื้นฐานในประเทศยังคงแข็งแกร่ง โดยสนช.ผ่านร่างพรบ. EEC คาดกระตุ้นการลงทุนรอบใหญ่รอบใหม่ หนุนกลุ่มอิงการลงทุนเด่นต่อเนื่อง ผสานคลังเตรียมเสนอให้ครม.พิจารณาแก้ไข ร่างพระราชบัญญัติการ ให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ หรือ "พ.ร.บ.ร่วมทุน (พ.ร.บ.PPP) คาดจะสามารถกระตุ้นเม็ดเงินลงทุนเพิ่มเติมจากทั้งไทย และต่างชาติ ซึงมาตรการภาครัฐฯที่ต่อเนื่องนี้ คาดช่วยจำกัด Downside ตลาดได้
Asset allocation : ถือหุ้น 65% และเงินสด 17.5% ทองคำ 12.5% ตลาดบอนด์ 5%
Daily Strategy : ยังคงถือหุ้น 65% และให้ซื้อเพิ่มอีก 5% หากเกิดกรณี SET ลงมาต่ำกว่า 1740จุด+/- วันนี้ยังแนะนำเลี่ยงกลุ่มโรงกลั่น กลุ่มน้ำมัน โรงไฟฟ้า SPP กลุ่มชินส่วนฯ และกลุ่มนิคมฯให้ระวัง Sell on Fact หลังสนช.ผ่านร่างพรบ. EEC แล้ววานนี้ และให้มาซื้อสะสมหุ้นในประเทศ อิงการลงทุนรอบใหม่ปลดล็อค รับ EEC ผ่านมติ สนช. แล้ว ผสานกลุ่มปิโตรเคมี วันนี้เน้น “Theme Selective Play”
EEC ผ่านบอร์ด สนช. แล้ว คาดหนุนหุ้นอิงวงจรการลงทุนรอบใหม่ กลุ่ม BANK เน้น KBANK, BBL, TMB และกลุ่มรับเหมาฯ คาดกระแสเงินจะเวียนจากกลุ่มนิคมที่ราคาตอบรับล่วงหน้าแล้ว มากลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน CK, STEC, TASCO, TOA เด่น
ครม เตรียมนำรถไฟทางคู่เฟส 2 กว่า 3 แสนลบ เข้าพิจารณา ผสานดร. สมคิด เตรียมเสนอแผนรถไฟเชื่อมต่อเมืองรอง 14 สายใหม่ วงเงิน 5แสนล้านบาท หนุน CK, STEC
Dividend Play : หุ้นที่คาดว่าจะจ่ายปันผล 2H17F สูงกว่า 3.0% และผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตดี แนะนำซื้อก่อนขึ้น XD 2เดือน มักให้ผลตอบแทนเด่น 5.3-9.6% Dividend Play ได้แก่ KKP(Interim Yield 4.83%), NYT(Interim Yield 4.6%), TISCO(Interim Yield 4.53%), BLAND(Interim Yield 4.57%), PM(Interim Yield 3.46%), SC(Interim Yield 3.41%), IRPC(Interim Yield 3.27%), SNC(Interim Yield 3.5%)
FEB 2018 Top picks : CK STEC TOA BH PM NYT
Investment Theme:
1H18F : Domestic - Infrastructure Related Play : STEC, CK, HMPRO, TOA, KBANK, AOT, MONO, PTTEP, IRPC, FN
1) Investment Related : STEC, CK, HMPRO, TOA, KBANK
2) Tourism & Consumer : AOT, MONO, FN
3) Global Play : PTTEP, IRPC
Fundamental & Tactical Daily Top Picks :
STEC (TP 33.5*): Support: 22.9/22.6 Resistant: 24.0/24.5
Theme: Infrastructure Spending
Earnings Outlook: คาดกำไรปกติ 4Q17F เติบโตทั้ง y-y และ q-q จากรายได้ก่อสร้างงานภาครัฐส่งมอบมากขึ้น ชดเชยงานเก่า ประกอบกับ คาดกำไรปี 2018F เพิ่มขึ้นจากฐานต่ำในปีนี้ จากเริ่มรับรู้รายได้งานก่อสร้างและอัตรากำไรที่ปรับตัวดีขึ้น หนุนแตะระดับ 1.8 พันลบ. +97% y-y โดย Backlog สูงระดับแสนลบ. เป็นจุดสูงสุดในประวัติการณ์ และ Secured รายได้ 3-4 ปีข้างหน้า
Valuation: ปัจจุบันซื้อขาย P/BV18F 2.8 เท่า มองเป็นจุดน่าซื้อสะสมรับการลงทุนรอบใหม่ แม้สูงกว่าค่าเฉลี่ยในกลุ่มฯ (2.1 เท่า) แต่ยังเหมาะสมจากการได้งานถึงปัจจุบัน (รวมงานรอลงนามฯ) เป็นไปตามคาดดีที่สุดในกลุ่ม, ความสามารถในการทำกำไรสูง, ฐานะการเงินแข็งแกร่ง, รวมถึงเป็นผู้ได้รับประโยชน์ลำดับต้นๆจากการรับงานลงทุนรอบใหญ่ในช่วงถัดไป
Catalyst: ประกาศได้งานก่อสร้างโรงไฟฟ้ากัลฟ์ศรีราชากำลังการผลิต 5000 MW มูลค่าราว 2 หมื่นลบ. มากกว่าตลาดคาดที่ 1 หมื่นลบ. คาดเป็น Sentiment บวกต่อ STEC วันนี้
PM (TP 19.9*): Support: 13.0/12.7 Resistant: 14.0/14.4
Theme: Dividend Play
Earnings Outlook: ธุรกิจก้าวมาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญ คือ การนำ Taro บุกต่างประเทศ (เกาหลี ลาว กัมพูชา เวียดนาม จีน) ซึ่งจะทยอยชัดเจนปลาย 4Q17F ต่อเนื่องถึง 1Q18F และเก็บเกี่ยวผลประโยชน์เต็มที่เริ่ม 2018F หนุนกำไร 3 ปีนี้ จะเข้าสู่ช่วงเติบโตรอบใหญ่เฉลี่ย CAGR 22% ต่อปี ขณะที่ ระยะสั้น 4Q17F คาดกำไรปกติ จะเป็นจุดสูงสุดของปี
Valuation: ราคาหุ้นซื้อขายถูกกว่ากลุ่มที่ PER18F เพียง 15x เท่า และจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ โดยมี Div yield 18F 5.2% ช่วยจำกัด Downside ราคาหุ้น ขณะที่ภาพระยะยาวของบริษัทจะเปลี่ยนจาก Div play เป็น Growth stock + high div
Catalyst: คาดยอดขาย TARO ในประเทศเติบโตดีจากเป็นช่วง High season ของปี ประกอบกับ ยอดส่งออก TARO ไป 4 ประเทศหลัก (เกาหลี เวียดนาม ลาว กัมพูชา) รับรู้เต็มไตรมาสและปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ท้ายที่สุด รอประกาศผลการเปิด Distributor ในจีนอย่างเป็นทางการ ยังคงคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 1Q18F
SNC (TP 20.6*): Support: 14.2/13.9 Resistant: 14.7/15.0
Theme : Div Play
Earnings Outlook : ถึงรอบธุรกิจเริ่มเติบโตและเริ่มเห็นผลหลังการปรับปรุงโครงสร้าง (ย้ายโรงงานมารวมศูนย์ตั้งแต่ปลาย 2016 + ลดผลขาดทุนจากธุรกิจอื่น หันมาเน้นธุรกิจหลัก) ประเมินกำไร 2018F +10% จากสมมติฐาน Conservative รายได้ทรงตัว แต่ Margin ดีขึ้น จากการลดต้นทุนเข้มข้นและลดขาดทุนธุรกิจอื่น โดยกำไร 1Q18F จะเป็น Peak ของปี และเพิ่ม y-y ด้วยอัตราสูงสุดในรอบปี จากช่วงฤดูกาลหน้าร้อน ซึ่งปีนี้ผู้ผลิตแอร์ตั้งเป้าจะทำตลาดเข้มข้น หลังปีก่อนรับผลจากฝนตกบ่อย
Valuation : ราคาปัจจุบันถือว่ามี Downside จำกัด ทั้งจากประมาณการ Consensus + Valuation ดึงดูดทั้งมิติ PER 9.8x, P/CFO 5.4x, Div yield 6.6%, ROE 15%, Net cash
Catalyst : รับปันผล 2H17 ที่ 0.5 บาท/หุ้น (Yield 3.5%)(XD 20 ก.พ.) + Consensus มีโอกาสปรับประมาณการขึ้นครั้งแรกในรอบ 2 ปี + กำลังจะเข้าสู่ช่วง Summer
Note: TP (Bloomberg Consensus) , *TP(CNS), **TP(Nomura)
Strategist Team
Koraphat Vorachet : Analyst Registration No. 043100
Fundamental Investment Analyst on Capital Market and Technical
[email protected] 0-2287-6771
Yada Kampalanonwat : Analyst Registration No. 083785
Fundamental Investment Analyst on Securities
[email protected] 0-2287-6783
Assistant Strategist : Sirapada Punyavansiri
OO5417