- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 09 February 2018 15:28
- Hits: 1028
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> ยังเน้นพักเงินใน Domestic and Dividend Play
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ปรับตัวผันผวนวานนี้โดยกรอบการเคลื่อนไหวกว้างราว 15 จุดโดยท้ายสุดปิดทรงตัว ณ สิ้นวัน เนื่องจากยังมีประเด็นต้องติดตามหลายเรื่อง แรงขายส่วนใหญ่ยังมาจากนักลงทุนต่างชาติ 3,378 ลบ. (และยัง Net Short ใน Index Futures อีก 5,045 สัญญา) ขณะที่นักลงทุนรายย่อยเป็นฝ่ายซื้อสุทธิ 2,683 ลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะปรับตัวลงแรงทดสอบระดับ 1,770-1,760 จุดอีกครั้งจากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นลบ หลังตลาดหุ้นสหรัฐฯยังถูกขายอย่งหนักจากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ย และยังต้องจับตาวุฒิสภาสหรัฐฯในการโหวตร่วงกฎหมายงบประมาณวันนี้เพื่อเลี่ยง Shutdown เรายังมองว่าหุ้นในกลุ่ม Domestic Play และปันผลสูงจะเป็นแหล่งพักเงินที่ดีระยะนี้ ส่วนระยะกลาง-ยาวเรายังมองตลาดปรับฐานยังเป็นโอกาสในการสะสมหุ้นพื้นฐานรอบใหม่
กลยุทธ์ : ยังพักเงินในหุ้น Domestic และ Dividend Play//ทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานเพิ่มในช่วงปรับฐาน
หุ้นเด่นเดือน ก.พ. : AMATA, BBL, BCH, MGT, SAPPE
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$362ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากไต้หวัน US$300ล้าน และไทย US$107ล้าน ขณะที่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$92ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคเข้าสินทรัพย์ปลอดภัย ตลาดกังวลการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> CHG <<
คาดกำไรปกติ 4Q17 +8.6% Y-Y จากรายได้ผู้ป่วยเงินสดที่แข็งแกร่ง และรายได้เงินประกันสังคมที่เร่งตัว ตามจำนวนผู้ประกันตนและการปรับเพิ่มเงินประกันสังคม ส่งผลให้ทั้งปี 2017 +3.2% Y-Y จาก 9M17 ที่แทบไม่โต
แนวโน้มปี 2018 คาดกลับมาโตในอัตราเร่ง +11.6% Y-Y ตามทิศทางเศรษฐกิจและการบริโภคในประเทศที่ดีขึ้น รวมถึงอานิสงส์เชิงบวกจากการเพิ่มเงินของสำนักงานประกันสังคมเต็มปี
แนะนำซื้อ ราคาเป้ามาย 2.50 บาท จุดเด่นของ CHG อยู่ที่สาขากระจุกตัวในภาคตะวันออก ทั้งชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา และนิคม 304 จึงเป็น รพ. ที่ได้ประโยชน์จาก EEC มากสุด
กลยุทธ์วันนี้ >> ยังเน้นพักเงินใน Domestic and Dividend Play
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ปรับตัวผันผวนวานนี้โดยกรอบการเคลื่อนไหวกว้างราว 15 จุดโดยท้ายสุดปิดทรงตัว ณ สิ้นวัน เนื่องจากยังมีประเด็นต้องติดตามหลายเรื่อง แรงขายส่วนใหญ่ยังมาจากนักลงทุนต่างชาติ 3,378 ลบ. (และยัง Net Short ใน Index Futures อีก 5,045 สัญญา) ขณะที่นักลงทุนรายย่อยเป็นฝ่ายซื้อสุทธิ 2,683 ลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะปรับตัวลงแรงทดสอบระดับ 1,770-1,760 จุดอีกครั้งจากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นลบ หลังตลาดหุ้นสหรัฐฯยังถูกขายอย่งหนักจากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ย และยังต้องจับตาวุฒิสภาสหรัฐฯในการโหวตร่วงกฎหมายงบประมาณวันนี้เพื่อเลี่ยง Shutdown เรายังมองว่าหุ้นในกลุ่ม Domestic Play และปันผลสูงจะเป็นแหล่งพักเงินที่ดีระยะนี้ ส่วนระยะกลาง-ยาวเรายังมองตลาดปรับฐานยังเป็นโอกาสในการสะสมหุ้นพื้นฐานรอบใหม่
กลยุทธ์ : ยังพักเงินในหุ้น Domestic และ Dividend Play//ทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานเพิ่มในช่วงปรับฐาน
หุ้นเด่นเดือน ก.พ. : AMATA, BBL, BCH, MGT, SAPPE
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$362ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากไต้หวัน US$300ล้าน และไทย US$107ล้าน ขณะที่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$92ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคเข้าสินทรัพย์ปลอดภัย ตลาดกังวลการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> CHG <<
คาดกำไรปกติ 4Q17 +8.6% Y-Y จากรายได้ผู้ป่วยเงินสดที่แข็งแกร่ง และรายได้เงินประกันสังคมที่เร่งตัว ตามจำนวนผู้ประกันตนและการปรับเพิ่มเงินประกันสังคม ส่งผลให้ทั้งปี 2017 +3.2% Y-Y จาก 9M17 ที่แทบไม่โต
แนวโน้มปี 2018 คาดกลับมาโตในอัตราเร่ง +11.6% Y-Y ตามทิศทางเศรษฐกิจและการบริโภคในประเทศที่ดีขึ้น รวมถึงอานิสงส์เชิงบวกจากการเพิ่มเงินของสำนักงานประกันสังคมเต็มปี
แนะนำซื้อ ราคาเป้ามาย 2.50 บาท จุดเด่นของ CHG อยู่ที่สาขากระจุกตัวในภาคตะวันออก ทั้งชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา และนิคม 304 จึงเป็น รพ. ที่ได้ประโยชน์จาก EEC มากสุด
ประเด็นสำคัญวันนี้
(-) สินทรัพย์เสี่ยงอ่อนไหวต่อปัจจัยลบมากขึ้น แรงกดดันเมื่อคืนไม่ได้มีปัจจัยใหม่ แต่สะท้อนให้เห็นถึงความเปาะบางของสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งเมื่อคืน MSCI Thailand ลงไป 3.2% มากกว่าวันที่ DowJones ลงหนักเมื่อ 5 ก.พ. 18 ซึ่งตอนนั้น MSCI Thailand ลง 2.7% และ SET ลงในวันรุ่งขึ้นเพียง 1.2% อยากให้ติดตามค่าเงินบาทซึ่งอ่อนค่ากลับมาเร็ว และการเคลื่อนไหวของ Index Futures ในระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย เพราะอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือในการ Hedge จนกดดันให้ SET50 และ SET ทรุดตัวลงต่อเนื่องได้
(0) กลุ่มมีเดีย คาดกำไรปกติ 4Q17 ลดลง 76% Q-Q จากการงดโฆษณาในช่วงเดือนต.ค. แต่โตสูง Y-Y จากฐานต่ำมากใน 4Q16 ที่ได้ผลกระทบนานกว่า บริษัทที่คาดโต Y-Y เด่นสุด คือ RS +155% Y-Y กลับจากขาดทุนใน 4Q16 จากยอดขาย H&B แข็งแกร่ง ตามด้วย PLANB +80% Y-Y จากอัตราใช้สื่อนอกบ้านเพิ่ม ทั้งปี 2017 คาดกำไรปกติทั้งกลุ่มฟื้นตัว 25% Y-Y จากฐานต่ำปีก่อน เด่นสุด WORK RS PLANB ตามลำดับและคาดปี 2018 ฟื้นตัวสูงต่อ เราคงน้ำหนักการลงทุนกลุ่มมีเดีย Neutral Top-Pick คือ WORK ราคาหุ้นที่ปรับลงทำให้มี Upside มากสุดในกลุ่ม 17% และคาด Rating ช่อง WPTV จะดีขึ้น จากรายการใหม่ๆ แนะนำเก็งกำไรใน RS PLANB แนะนำถือ MAJOR, VGI และคงแนะนำขาย BEC MCOT
(+) ATP30 หนึ่งในผู้ได้รับประโยชน์โดยตรงจาก EEC เราคาดงบ 4Q17 ทำ All Time High โตแกร่ง +20% Q-Q, +190% Y-Y ขณะที่ปี 2018 คาดโต +13% Y-Y โดย Earnings Momentum จะขยายตัวต่อเนื่องในทุกไตรมาส จากการเติบโตของลูกค้าและกองรถ แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 2.30 บาท
(+) BIG หลังจากได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้บริหาร เราคาดว่ากำไร 4Q17 จะดีมาก เดิมเราคาด ~250 ลบ. กลับมาโต 90% Q-Q และมีปันผลของทั้งปี 2017 ที่คาดจ่ายราว 5% โดยคาดว่าผลประกอบการจะฟื้นต่อเนื่องตั้งแต่ 1Q18 เป็นต้นไป จากแผนการเปิดตัวกล้องรุ่นใหม่ของแบรนด์ต่างๆ ที่กลับมาเจาะตลาดกลาง-ล่างอีกครั้ง จากปีก่อนที่เน้นเจาะตลาดบนแล้วถูกกระทบจากกำลังซื้อชะลอ จนต้องนำสินค้ามาลดราคาเพื่อระบายสต็อก เราคาดกำไรปีก่อน -8% Y-Y ก่อนจะกลับมา +7% Y-Y ในปีนี้ เมื่อผนวกกับ valuation ตอนนี้ที่ถือว่าถูกมาก PE2018 เพียง 12 เท่า จึงแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 4.30 บาท
(-) สินทรัพย์เสี่ยงอ่อนไหวต่อปัจจัยลบมากขึ้น แรงกดดันเมื่อคืนไม่ได้มีปัจจัยใหม่ แต่สะท้อนให้เห็นถึงความเปาะบางของสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งเมื่อคืน MSCI Thailand ลงไป 3.2% มากกว่าวันที่ DowJones ลงหนักเมื่อ 5 ก.พ. 18 ซึ่งตอนนั้น MSCI Thailand ลง 2.7% และ SET ลงในวันรุ่งขึ้นเพียง 1.2% อยากให้ติดตามค่าเงินบาทซึ่งอ่อนค่ากลับมาเร็ว และการเคลื่อนไหวของ Index Futures ในระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย เพราะอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือในการ Hedge จนกดดันให้ SET50 และ SET ทรุดตัวลงต่อเนื่องได้
(0) กลุ่มมีเดีย คาดกำไรปกติ 4Q17 ลดลง 76% Q-Q จากการงดโฆษณาในช่วงเดือนต.ค. แต่โตสูง Y-Y จากฐานต่ำมากใน 4Q16 ที่ได้ผลกระทบนานกว่า บริษัทที่คาดโต Y-Y เด่นสุด คือ RS +155% Y-Y กลับจากขาดทุนใน 4Q16 จากยอดขาย H&B แข็งแกร่ง ตามด้วย PLANB +80% Y-Y จากอัตราใช้สื่อนอกบ้านเพิ่ม ทั้งปี 2017 คาดกำไรปกติทั้งกลุ่มฟื้นตัว 25% Y-Y จากฐานต่ำปีก่อน เด่นสุด WORK RS PLANB ตามลำดับและคาดปี 2018 ฟื้นตัวสูงต่อ เราคงน้ำหนักการลงทุนกลุ่มมีเดีย Neutral Top-Pick คือ WORK ราคาหุ้นที่ปรับลงทำให้มี Upside มากสุดในกลุ่ม 17% และคาด Rating ช่อง WPTV จะดีขึ้น จากรายการใหม่ๆ แนะนำเก็งกำไรใน RS PLANB แนะนำถือ MAJOR, VGI และคงแนะนำขาย BEC MCOT
(+) ATP30 หนึ่งในผู้ได้รับประโยชน์โดยตรงจาก EEC เราคาดงบ 4Q17 ทำ All Time High โตแกร่ง +20% Q-Q, +190% Y-Y ขณะที่ปี 2018 คาดโต +13% Y-Y โดย Earnings Momentum จะขยายตัวต่อเนื่องในทุกไตรมาส จากการเติบโตของลูกค้าและกองรถ แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 2.30 บาท
(+) BIG หลังจากได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้บริหาร เราคาดว่ากำไร 4Q17 จะดีมาก เดิมเราคาด ~250 ลบ. กลับมาโต 90% Q-Q และมีปันผลของทั้งปี 2017 ที่คาดจ่ายราว 5% โดยคาดว่าผลประกอบการจะฟื้นต่อเนื่องตั้งแต่ 1Q18 เป็นต้นไป จากแผนการเปิดตัวกล้องรุ่นใหม่ของแบรนด์ต่างๆ ที่กลับมาเจาะตลาดกลาง-ล่างอีกครั้ง จากปีก่อนที่เน้นเจาะตลาดบนแล้วถูกกระทบจากกำลังซื้อชะลอ จนต้องนำสินค้ามาลดราคาเพื่อระบายสต็อก เราคาดกำไรปีก่อน -8% Y-Y ก่อนจะกลับมา +7% Y-Y ในปีนี้ เมื่อผนวกกับ valuation ตอนนี้ที่ถือว่าถูกมาก PE2018 เพียง 12 เท่า จึงแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 4.30 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
9 ก.พ. - จีน: อัตราเงินเฟ้อ
13 ก.พ. - MSCI Index Rebalance
14 ก.พ.- สหรัฐฯ: อัตราเงินเฟ้อและยอดค้าปลีก (ม.ค. 18)
15-21 ก.พ.- ตรุษจีน: จีนหยุด 15-21 ก.พ., ฮ่องกงและไต้หวันหยุดถึง 19 ก.พ., เกาหลีหยุดถึง 16 ก.พ., สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลลิปปินส์ และอินโดนีเซียหยุดเฉพาะ 16 ก.พ.
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลงกว่า 4% หลังจากอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวขึ้นใกล้จุดสูงสุดในรอบ 4 ปี ซึ่งเพิ่มความกังวลเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยของFEDมากกว่าที่ตลาดได้คาดการณ์เอาไว้
(-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงตามตลาดหุ้นสหรัฐ เฉลี่ย 2% รวมถึงการลดลงของราคาน้ำมันได้กดดันหุ้นหลักในกลุ่มพลังงาน
(-) ภาพรวมตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับลดลง หลังการดิ่งลงของตลาดหุ้นในฝั่งสหรัฐและยุโรปเมื่อคืนนี้ได้ส่งกระทบต่อจิตวิทยาในตลาดหุ้นฝั่งเอเชียเช่นกัน
(+) ค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าเล็กน้อยหลังดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 31.80-31.90 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน มี.ค. ปรับตัวลง 0.64 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 61.15 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังอิหร่านได้ปรับเพิ่มกำลังการผลิต รวมถึงการเพิ่มขึ้นของสต๊อกน้ำมันดิบในสหรัฐ
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 4.40 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,319 ดอลลาร์/ออนซ์ เป็นการปรับขึ้นครั้งแรกในรอบ
5วัน เนื่องจากความกังวลจากการดิ่งลงของตลาดหุ้นทั่วโลก
Contact person : Jitra Amornthum
Register : 014530 Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research
OO5410
9 ก.พ. - จีน: อัตราเงินเฟ้อ
13 ก.พ. - MSCI Index Rebalance
14 ก.พ.- สหรัฐฯ: อัตราเงินเฟ้อและยอดค้าปลีก (ม.ค. 18)
15-21 ก.พ.- ตรุษจีน: จีนหยุด 15-21 ก.พ., ฮ่องกงและไต้หวันหยุดถึง 19 ก.พ., เกาหลีหยุดถึง 16 ก.พ., สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลลิปปินส์ และอินโดนีเซียหยุดเฉพาะ 16 ก.พ.
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลงกว่า 4% หลังจากอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวขึ้นใกล้จุดสูงสุดในรอบ 4 ปี ซึ่งเพิ่มความกังวลเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยของFEDมากกว่าที่ตลาดได้คาดการณ์เอาไว้
(-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงตามตลาดหุ้นสหรัฐ เฉลี่ย 2% รวมถึงการลดลงของราคาน้ำมันได้กดดันหุ้นหลักในกลุ่มพลังงาน
(-) ภาพรวมตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับลดลง หลังการดิ่งลงของตลาดหุ้นในฝั่งสหรัฐและยุโรปเมื่อคืนนี้ได้ส่งกระทบต่อจิตวิทยาในตลาดหุ้นฝั่งเอเชียเช่นกัน
(+) ค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าเล็กน้อยหลังดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 31.80-31.90 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน มี.ค. ปรับตัวลง 0.64 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 61.15 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังอิหร่านได้ปรับเพิ่มกำลังการผลิต รวมถึงการเพิ่มขึ้นของสต๊อกน้ำมันดิบในสหรัฐ
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 4.40 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,319 ดอลลาร์/ออนซ์ เป็นการปรับขึ้นครั้งแรกในรอบ
5วัน เนื่องจากความกังวลจากการดิ่งลงของตลาดหุ้นทั่วโลก
Contact person : Jitra Amornthum
Register : 014530 Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research
OO5410