- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 08 February 2018 16:57
- Hits: 545
บล.ทรีนีตี้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Today Selections:>> AP, MINT, TTW
Stock S R Comment
AP 8.60 8.85 โหมโครงการใหม่ 34 โครงการ หนุนยอด Presales
MINT 42.00 43.25 ดัชนีผู้บริโภคแกร่ง หนุน Food & Manufacturing โต
TTW 13.60 14.00 โครงการอีอีซี ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำเพิ่มขึ้น
Set to recover
Recover: ประเมินภาพ SET Index ปรับตัวขึ้นในวันนี้ทดสอบระดับ 1810-1830 จุด ซึ่งเป็นระดับที่ Imply จาก Performance ของ ETF หุ้นไทยเมื่อคืนนี้ โดยมีปัจจัยที่สนับสนุนได้แก่
1) การ Rebound ของตลาดหุ้นทั่วโลก ภายหลังจากปรากฏการณ์ Selloff ที่เกิดจากการผสมโรงของพวกกองทุน Hedge fund และ Volatility fund เริ่มคลี่คลายลง
2) Bond yield ของไทยที่ยังคงทรงตัวอยู่ได้ โดยล่าสุดรุ่นอายุ 10 ปีอยู่ที่ระดับ 2.4% ซึ่งเป็นระดับที่ยังไม่จูงใจให้นักลงทุนในประเทศโยกเงินออกจากตราสารทุนไปยังตราสารหนี้มากนัก
Cautious: อย่างไรก็ดี นักลงทุนระยะสั้นอาจใช้กรอบดัชนีที่ 1810-1830 ในการขายทำกำไรออกมาก่อน เนื่องจากมีปัจจัยที่ยังคงต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดในระยะสั้นได้แก่
1) Bond yield สหรัฐฯที่ยังคงอยู่ในระดับสูง โดยล่าสุดรุ่นอายุ 10 ปีอยู่ที่ระดับ 2.8% ซึ่งหากปรับขึ้นอีก อาจทำให้เกิดแรงจูงใจในการโยกย้ายเม็ดเงินออกจากตราสารทุนเข้าสู่ตราสารหนี้อีก
2) การ Short สุทธิของนักลงทุนต่างชาติในตลาดล่วงหน้าเมื่อวานนี้ถึง 28,000 สัญญา แต่มองไม่มีนัยสำคัญมากนัก เนื่องจากเป็นการปิดสถานะเดิมส่วนใหญ่
3) การเจรจาร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวของสหรัฐฯรอบใหม่ที่จะครบกำหนดอายุในวันที่ 8 ก.พ. ที่อาจนำมาสู่ความวุ่นวายในสภา Congress และความเสี่ยงของการปิดหน่วยงานราชการอีกครั้ง ซึ่งอาจทำให้เกิดความผันผวนในดัชนี VIX Index อีกครั้งได้
Short Covering: จากการที่เรามองว่าดัชนีจะปรับตัว Rebound ในวันนี้ จึงอาจทำให้เกิดปรากฏการณ์ Short Covering ในตลาดขึ้นได้ โดยจากการตรวจสอบข้อมูลของเราล่าสุดในช่วง 3 วันทำการที่ผ่านมาที่ตลาดปรับตัวลดลง พบว่าหุ้นที่มีปริมาณธุรกรรม Short sales สูงที่สุดในแง่ของสัดส่วนต่อปริมาณหุ้นที่ซื้อขายในกระดานหลักมากกว่า 4% ได้แก่ ITD, CBG, KBANK, THAI, EA, SCB, PTTGC, PTG, ADVANC
Block trade: อีกกลุ่มที่คาดว่าจะมีการ Rebound ได้ดี ได้แก่หุ้นที่เมื่อวานนี้ถูกปิดสถานะอย่างหนักในธุรกรรม Block trade จึงทำให้คาดว่าแรงกดดันในระยะสั้นน่าจะเริ่มหมดลง ได้แก่ CK
กลยุทธ์การลงทุน: สำหรับนักลงทุนระยะสั้นที่เข้าสะสมหุ้นไปที่กรอบแนวรับแรกของเราเมื่อวานนี้ที่ 1750-1760 จุด แนะนำขายทำกำไรที่กรอบดัชนี 1810-1830 จุด ส่วนนักลงทุนระยะยาวมองว่าสามารถถือหุ้นต่อไปได้ มองกลุ่มหุ้นที่ปลอดภัยได้แก่ 2 กลุ่มเดิม ได้แก่
1) กลุ่มหุ้นปันผลสูง ได้แก่ กลุ่มที่อยู่อาศัย (AP, LH, QH, SIRI) กลุ่มหลักทรัพย์และ Hire Purchase (ASP, KKP, TCAP, TISCO, ASK) กลุ่มโรงกลั่น (BCP, IRPC, SPRC, TOP)
2) กลุ่มหุ้นขนาดเล็ก ที่มีโมเมนตัมของการปรับประมาณการกำไรเชิงบวกมากกว่าการเปลี่ยนแปลงของราคา และเป็นหุ้นที่มีค่า Beta ต่ำกว่า 1 ซึ่งจากการ Update ข้อมูลล่าสุดพบว่า ได้แก่ TICON, ESSO, DEMCO, NYT, EKH (นับเฉพาะหุ้นที่มีการ Upgrade EPS ขึ้นมากกว่า 10%)
แนวรับ 1,767 แนวต้าน 1,806
Today's Event
PTTEP XD 2.75 บาท
TAPAC XD 0.20 บาท
UKEM XD 0.015 บาท
UKEM XD 2:1
UKEM XW 8:1
WHABT XD 0.132 บาท
Today Selections:>> AP, MINT, TTW
Stock S R Comment
AP 8.60 8.85 โหมโครงการใหม่ 34 โครงการ หนุนยอด Presales
MINT 42.00 43.25 ดัชนีผู้บริโภคแกร่ง หนุน Food & Manufacturing โต
TTW 13.60 14.00 โครงการอีอีซี ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำเพิ่มขึ้น
Set to recover
Recover: ประเมินภาพ SET Index ปรับตัวขึ้นในวันนี้ทดสอบระดับ 1810-1830 จุด ซึ่งเป็นระดับที่ Imply จาก Performance ของ ETF หุ้นไทยเมื่อคืนนี้ โดยมีปัจจัยที่สนับสนุนได้แก่
1) การ Rebound ของตลาดหุ้นทั่วโลก ภายหลังจากปรากฏการณ์ Selloff ที่เกิดจากการผสมโรงของพวกกองทุน Hedge fund และ Volatility fund เริ่มคลี่คลายลง
2) Bond yield ของไทยที่ยังคงทรงตัวอยู่ได้ โดยล่าสุดรุ่นอายุ 10 ปีอยู่ที่ระดับ 2.4% ซึ่งเป็นระดับที่ยังไม่จูงใจให้นักลงทุนในประเทศโยกเงินออกจากตราสารทุนไปยังตราสารหนี้มากนัก
Cautious: อย่างไรก็ดี นักลงทุนระยะสั้นอาจใช้กรอบดัชนีที่ 1810-1830 ในการขายทำกำไรออกมาก่อน เนื่องจากมีปัจจัยที่ยังคงต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดในระยะสั้นได้แก่
1) Bond yield สหรัฐฯที่ยังคงอยู่ในระดับสูง โดยล่าสุดรุ่นอายุ 10 ปีอยู่ที่ระดับ 2.8% ซึ่งหากปรับขึ้นอีก อาจทำให้เกิดแรงจูงใจในการโยกย้ายเม็ดเงินออกจากตราสารทุนเข้าสู่ตราสารหนี้อีก
2) การ Short สุทธิของนักลงทุนต่างชาติในตลาดล่วงหน้าเมื่อวานนี้ถึง 28,000 สัญญา แต่มองไม่มีนัยสำคัญมากนัก เนื่องจากเป็นการปิดสถานะเดิมส่วนใหญ่
3) การเจรจาร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวของสหรัฐฯรอบใหม่ที่จะครบกำหนดอายุในวันที่ 8 ก.พ. ที่อาจนำมาสู่ความวุ่นวายในสภา Congress และความเสี่ยงของการปิดหน่วยงานราชการอีกครั้ง ซึ่งอาจทำให้เกิดความผันผวนในดัชนี VIX Index อีกครั้งได้
Short Covering: จากการที่เรามองว่าดัชนีจะปรับตัว Rebound ในวันนี้ จึงอาจทำให้เกิดปรากฏการณ์ Short Covering ในตลาดขึ้นได้ โดยจากการตรวจสอบข้อมูลของเราล่าสุดในช่วง 3 วันทำการที่ผ่านมาที่ตลาดปรับตัวลดลง พบว่าหุ้นที่มีปริมาณธุรกรรม Short sales สูงที่สุดในแง่ของสัดส่วนต่อปริมาณหุ้นที่ซื้อขายในกระดานหลักมากกว่า 4% ได้แก่ ITD, CBG, KBANK, THAI, EA, SCB, PTTGC, PTG, ADVANC
Block trade: อีกกลุ่มที่คาดว่าจะมีการ Rebound ได้ดี ได้แก่หุ้นที่เมื่อวานนี้ถูกปิดสถานะอย่างหนักในธุรกรรม Block trade จึงทำให้คาดว่าแรงกดดันในระยะสั้นน่าจะเริ่มหมดลง ได้แก่ CK
กลยุทธ์การลงทุน: สำหรับนักลงทุนระยะสั้นที่เข้าสะสมหุ้นไปที่กรอบแนวรับแรกของเราเมื่อวานนี้ที่ 1750-1760 จุด แนะนำขายทำกำไรที่กรอบดัชนี 1810-1830 จุด ส่วนนักลงทุนระยะยาวมองว่าสามารถถือหุ้นต่อไปได้ มองกลุ่มหุ้นที่ปลอดภัยได้แก่ 2 กลุ่มเดิม ได้แก่
1) กลุ่มหุ้นปันผลสูง ได้แก่ กลุ่มที่อยู่อาศัย (AP, LH, QH, SIRI) กลุ่มหลักทรัพย์และ Hire Purchase (ASP, KKP, TCAP, TISCO, ASK) กลุ่มโรงกลั่น (BCP, IRPC, SPRC, TOP)
2) กลุ่มหุ้นขนาดเล็ก ที่มีโมเมนตัมของการปรับประมาณการกำไรเชิงบวกมากกว่าการเปลี่ยนแปลงของราคา และเป็นหุ้นที่มีค่า Beta ต่ำกว่า 1 ซึ่งจากการ Update ข้อมูลล่าสุดพบว่า ได้แก่ TICON, ESSO, DEMCO, NYT, EKH (นับเฉพาะหุ้นที่มีการ Upgrade EPS ขึ้นมากกว่า 10%)
แนวรับ 1,767 แนวต้าน 1,806
Today's Event
PTTEP XD 2.75 บาท
TAPAC XD 0.20 บาท
UKEM XD 0.015 บาท
UKEM XD 2:1
UKEM XW 8:1
WHABT XD 0.132 บาท