WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

KTBบล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily 

SET INDEX
  1788.43  -21.89(-1.21) // Vol.124,498
  มีแนวโน้มฟื้นตัว  
  กรอบการเคลื่อนไหว 1780-1812
  ดัชนีวานนี้มีลักษณะการแกว่งตัวที่ Swing มาก โดยช่วงเช้าทิ้งตัวในลักษณะ Panic Sell เป็นวันที่ 2 เปิดกระโดดสร้าง Gap ที่ 2 (1792-1796) ทำ Low 1758.31 จุด(ซึ่งยังไม่สามารถปิด Gap ที่เปิดไว้ตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค. 18 ได้) หรือลงไปถึง 52 จุด ก่อนที่จะค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่องขึ้นทำจุดสูงสุดของวันที่ 1792 จุด ก่อนที่จะอ่อนตัวเล็กน้อยทำปิดที่ 1788 จุด จากภาพของดัชนีที่พักตัวลงแรง ๆ ต่อเนื่อง 2 วันทำการ ลงทำ Low ล่าสุด 1758 จุด ซึ่งถือว่าพักตัวลงมาในระดับ 50% หรือลงถึง  89.76 จุด ประกอบการการฟื้นตัวภายในวันทำให้กราฟแท่งเทียนมีรูปแบบกลับตัวที่เป็น Hammer ทำให้เชื่อว่าดัชนีมีโอกาสเกิดดีดกลับ
  แนวรับ 1767-1780
  แนวต้าน 1800-1814

Technical Analyst :  พรรณนภา  เขมะสุรัตน์ // เลขทะเบียน 060110 // Tel. : 02-648-1124 // phannapa.k@ktbst .co.th

บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell

“ เด้งตาม Dow Jones ที่ฟื้นตัว”
ทิศทางตลาดหุ้นไทย:
  เรามองว่าตลาดในวันนี้ จะสามารถปรับตัวขึ้นได้ในลักษณะเดียวกับดัชนีดาวโจนส์หลังจากดัชนีปรับตัวลงแรงในช่วงวานนี้ อีกทั้งช่วงวานนี้นักลงทุนต่างชาติมีสถานะเป็นขายสุทธิในระดับต่ำเมื่อเทียบกับโวลุ่มซื้อขายทั้งตลาด สะท้อนถึงความเชื่อมั่นต่อตลาดหุ้นไทยที่ยังแข็งแกร่ง  .... ปัจจัยต่างประเทศ ดัชนีดาวโจนส์พลิกกลับเป็นบวก 567 จุด, ขาดดุลสหรัฐฯสูงสุดในรอบ 9 ปี, ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง .... ปัจจัยในประเทศ ครม. อนุมัติโครงการโครงสร้างพื้นฐาน วงเงิน 7.7 หมื่นล้านบาท, กกร.คงคาดการณ์ GDP ไทยไว้ที่ 3.8-4.5%, คาดท่องเที่ยวเมืองรองสร้างเม็ดเงินได้กว่า 10,000 ล้านบาท
กลยุทธ์การลงทุน:
  เราคาดว่าในวันนี้ตลาดจะสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้ อีกทั้งเรายังมองว่าปัจจัยในประเทศยังแข็งแกร่ง มองดัชนีสามารถยืนเหนือ 1,800 จุดได้ .... การเข้าเก็งกำไรระหว่างวันในวันนี้ แนะนำเป็นหุ้นที่มีแนวโน้มฟื้นตัวและปัจจัยพื้นฐานอิงกับปัจจัยในประเทศ อาทิ AMATA, DTAC*, GLOBAL*, KTC, MEGA* หรือกลุ่มแบงก์ที่ราคาหุ้นเคลื่อนไหวในลักษณะเดียวกับตลาด ตัวที่เราแนะนำ ได้แก่ TMB, BBL
  หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์: TK, THREL*, VNT*
  หุ้นแนะนำทางเทคนิค: GPSC, IVL, KKP
หุ้น Active ที่น่าสนใจ
(+) AMATA:
  เราเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของ AMATA ในช่วงวานนี้ เรามองว่า AMATA เป็นหุ้นที่อิงปัจจัยในประเทศ และได้รับผลบวกจากมาตรการ EEC และวานนี้ ครม. มีมติในการเห็นชอบการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งภาคตะวันออก  วงเงินรวม 7.73 หมื่นล้านบาท .... ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 30.00 บาท
(+) TMB:
  เรามองว่าหุ้นกลุ่มธนาคารจะดีดตัวกลับตามภาวะตลาด โดยเลือก TMB เนื่องจากเป็นหุ้นที่มีผลประกอบการเติบโตที่สุดในกลุ่ม โดย กำไรสุทธิใน 4Q17 อยู่ที่ 2.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% YoY และ 13% QoQ และยังคาดว่ากำไรสุทธิในปี 2018 เพิ่มขึ้น 19% YoY เป็นอัตราที่เติบโตสูงสุดในกลุ่มธนาคาร .... ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 3.60 บาท
(+) TK:
  เราแนะนำ TK ต่อเนื่องจากวันก่อนซึ่ง TK เป็นอีกหนึ่งหุ้นที่ได้รับปัจจัยบวกจากปัจจัยในประเทศ ทั้งจากมาตรการการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภูมิภาค นอกจากนี้ เรายังมองว่ากำไรสุทธิ 4Q17 ยังสามารถเติบโตได้ดี คาดการณ์ที่ 160 ล้านบาท (+20%QoQ และ 57%YoY) .... ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 20.00 บาท
หุ้นมีประเด็น
(+) CPALL (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 86 บาท)
  ยอดขายสาขาเดิมและการบริโภคเติบโตต่อเนื่อง คาดกำไรสุทธิ 4Q17 อยู่ในระดับสูงที่ 5.3 พันล้านบาท +23.5% YoY และ+6.8% QoQ เนื่องจาก SSSG ใน 4Q17จะอยู่ประมาณ 4% เพิ่มจาก 3Q17 ที่ 2.4% เนื่องจาก เป็นช่วงฤดูกาลจับจ่ายใช้สอยปลายปี ประกอบกับ CPALL มีการออกแสตมป์เพื่อกระตุ้นยอดขาย ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค เดือน ม.ค.2018  อยู่ในระดับสูงสุดรอบ 36 เดือน คาดกำไรปี 2017 เติบโต 18% จากการฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดในกลางปีและยังคงเติบโตต่อเนื่องในปี 2018 ที่ 15% เราประเมินมูลค่า โดยอิงวิธีส่วนลดกระแสเงินสด (DCF) โดยอิง WACC ที่ 7.5% และ terminal growth 3% สะท้อนธุรกิจที่ยังเติบโตในระยะยาว ได้ราคาเหมาะสมที่ 86 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(0) THAI (ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 18.40 บาท)
  THAI เปิดเผย บริษัทกำลังศึกษาการกลับมาเปิดเส้นทางบิน กรุงเทพฯ-สหรัฐ เบื้องต้นได้พิจารณาเส้นทางบิน 3 เมือง ได้แก่ นิวยอร์ก ลอสแอนเจลิส และซานฟรานซิสโก ซึ่งต้องรอดูผลการศึกษาว่าเมืองใดมีความคุ้มทุนมากที่สุด อย่างไรก็ตาม การเปิดเส้นทางครั้งนี้คงยังไม่ใช่การบินตรง อาจต้องแวะพัก เพราะยังไม่มีเครื่องบินที่สามารถทำการบินตรงเข้าสหรัฐได้ คาดสรุปผล มี.ค. นี้ เสนอให้บอร์ดพิจารณาตามขั้นตอน ลุ้นผลการตรวจของสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (FAA) ก่อนกลับไปบินในเดือน ต.ค. นี้ (ที่มา: นสพ.กรุงเทพธุรกิจ)
ความเห็น: เรามองเป็นกลางกับข่าวดังกล่าว โดยในอดีต THAI เคยเปิดเส้นทางบิน กรุงเทพฯ-สหรัฐ แต่ต้องเปิดไป เนื่องจากมีปัญหาขาดทุนราคาน้ำมัน และ FAA ลดอันดับสายการบินจากไทยอยู่ระดับ 2 ขณะที่ FAA จะเข้ามาตรวจสอบในเดือน มี.ค.นี้ เพื่อพิจารณาเลื่อนระดับมาตรฐานการบินจากระดับ 2 ไปสู่ระดับ 1 ซึ่งจะทำให้ THAI สามารถบินเข้าสหรัฐได้ ส่วนด้านราคาน้ำมันเราคาดว่าจะเป็นปัจจัยหลักที่ THAI ต้องพิจารณา เนื่องจากจะมีผลกระทบต่อผลการดำเนินงานที่สำคัญ ทั้งนี้ เรายังไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์ THAI โดยข้อมูลใน Bloomberg Consensus ให้ราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 18.40 บาท
(+) CFRESH (ราคาเป้าหมาย 6.9 บาท)
ตัวแทนสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทยได้เสนอเรื่องขอนำเข้ากุ้งขาวแวนนาไมจากประเทศอินเดีย 5 หมื่นตัน เข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมกุ้งไทย เนื่องจากผลผลิตกุ้งขาวภายในประเทศไม่เพียงพอ ซึ่งปี 2560 ผลผลิตกุ้งเลี้ยงภายในประเทศมี ประมาณ 4 แสนตันเท่านั้นเนื่องจากประสบกับภัยธรรมชาติน้ำท่วมใหญ่ในภาคใต้ช่วงต้นปีทำให้ผลผลิตเสียหายกว่า 1,000 ล้านบาท เมื่อหักการบริโภคภายในประเทศ 1 แสนตัน เหลือแปรรูปเพื่อการส่งออกเพียง 3 แสนตัน อาจประสบปัญหาไม่มีกุ้งเพียงพอที่จะแปรรูปส่งออก อย่างไรก็ตาม คาดว่าปีนี้ผลผลิตกุ้งเลี้ยงของไทยจะเพิ่มขึ้นไม่มาก โดยสมาคมกุ้งไทย คาดการณ์ว่าผลผลิตปี 2561 จะมีประมาณ 3.3 แสนตัน เพิ่มขึ้นเพียง 10% ความเห็น: เรามีมุมมองเป็นบวก เนื่องจาก ผู้ประกอบการกุ้งในไทยประสบปัญหาต้นทุนแพงเพราะวัตถุดิบไม่เพียงพอ อย่างไรก็ตาม ยังอยู่ในขั้นตอน ขณะนี้วัตถุดิบกุ้งยังมีราคาแพงและส่งผ่านต้นทุนได้ยาก เราแนะนำ เพียง ถือ  CFRESH ราคาเป้าหมาย 6.9 บาท
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด                                                               
 ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (06 ก.พ.) – ตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,788.43 จุด ลดลง 21.89 จุด หรือ -1.21% มูลค่าการซื้อขาย 124,498.18 ล้านบาท ตลาดปรับตัวลงในลักษณะเดียวกับดัชนีดาวโจนส์ โดยตลาดสามารถฟื้นตัวได้ดีในช่วงบ่ายหลังดาวโจนส์ฟิวเจอร์เป็นลบน้อยลง
ปัจจัยต่างประเทศ
  (+) ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 567 จุด – ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,912.77 จุด พุ่งขึ้น 567.02 จุด หรือ +2.33% จากการเข้าซื้อของนักลงทุนหลังดัชนีปรับตัวลงแรงในช่วงก่อนหน้านี้ โดยรมว.คลังสหรัฐระบุว่าสาเหตุการดิ่งลงของดัชนีดาวโจนส์เป็นผลมาจากการตั้งโปรแกรมคอมพิวตอร์ล่วงหน้า โดยกำหนดเงื่อนไขให้มีการใช้คำสั่งซื้อขายอัตโนมัติ
  (0) ขาดดุลสหรัฐฯสูงสุดในรอบ 9 ปี  - กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สหรัฐมีตัวเลขขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้น 5.3% ในเดือนธ.ค. สู่ระดับ 5.31 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2008 หลังจากที่ขาดดุล 5.04 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ย.
(-) ราคาน้ำมันดิบยังคงปรับตัวลง - สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลดลง 76 เซนต์ หรือ -1.2% ปิดที่ 63.39 ดอลลาร์/บาร์เรล จากการคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐจะปรับตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ EIA ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การผลิตน้ำมันในสหรัฐฯ
ปัจจัยในประเทศ
  (+) ครม. อนุมัติโครงการโครงสร้างพื้นฐาน วงเงิน 7.7 หมื่นล้านบาท – ครม. สัญจร จ.จันทบุรี เมื่อวันที่ 6 ก.พ. ที่ผ่านมา เห็นชอบการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งภาคตะวันออก ระหว่างปี 2014-2018 วงเงินรวม 7.73 หมื่นล้านบาท (โพสต์ทูเดย์, 07/02/2018)
  (+) กกร.คงคาดการณ์ GDP ไทยไว้ที่ 3.8-4.5% –  การประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประจำเดือน ก.พ. 2018 ว่า กกร.ยังคงกรอบประมาณการเศรษฐกิจไทย โดยจีดีพีขยายตัว 3.8-4.5% การ ส่งออกขยายตัว 3.5-6% และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 1.1-1.6% (โพสต์ทูเดย์, 07/02/2018)
  (+) คาดท่องเที่ยวเมืองรองสร้างเม็ดเงินได้กว่า 10,000 ล้านบาท - ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองและชุมชน คาดการณ์ว่าจะสามารถสร้างเม็ดเงินได้กว่า 10,000 ล้านบาท ในเศรษฐกิจรากหญ้า และจะมีนักท่องเที่ยวมาเยือนเมืองรองจำนวนกว่า 10 ล้านคน ในปี 2018

Analyst
Mongkol Puangpetra
License No: 001937  
+662 648 1123
[email protected]
Nontapat Rushtasomboon
License No: 081447  
+662 648 1127
[email protected]
OO5327

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!