- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 01 February 2018 16:19
- Hits: 8907
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“เลือกซื้อ/ถือต่อ”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ปัจจัยภายใน & ต่างประเทศ : เมื่อวานนี้มีรีบาวด์ แม้ว่านักลงทุนต่างชาติจะขายสุทธิอีก 2 พันลบ. และสถาบันในปท.ขายสุทธิ 258 ลบ. ทั้งนี้ถ้อยแถลงของทรัมป์ไม่ได้ส่งผลต่อตลาดเงินตลาดทุนนัก โดยได้คะแนน 48% พอๆกับการแถลงของโอบามา และจอร์จ บุช ด้านผลประชุมเฟดก็ตามคาด คือ คงดอกเบี้ยไว้ที่ 1.5% ในรอบนี้ และส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยค่อยเป็นค่อยไป โดยมีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม 20-21 มี.ค.61 ค่าเงิน US$ แข็งขึ้นเล็กน้อย ส่วนราคาน้ำมันดิบ BRENT หลุด 70 US$/bbl ลงมาเล็กน้อยเพราะกังวล Supply ที่จะเพิ่มขึ้นจากสหรัฐ
ส่วนในประเทศ ทางธปท.รายงานตัวเลขเศรษฐกิจเดือนธ.ค.60 ก็ไม่ได้มีอะไร Surprise โดยปัจจัยที่ยังคงเป็น Key growth ของเศรษฐกิจไทย คือ การส่งออก (+9.3%YoY ในเดือนธ.ค.60 สินค้าที่ส่งออกเพิ่ม คือ ข้าว ผลิตภัณฑ์ยางพารา อุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคม ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ และชิ้นส่วนยานยนต์ ) และท่องเที่ยว (จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ +15.5%YoY จากฐานต่ำในเดือนธ.ค.59 ซึ่งเป็นช่วงปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ) ส่วนการบริโภคภาคเอกชนเติบโตได้ช้าเพราะหนี้ภาคครัวเรือนสูง ส่วนภาครัฐลดลงน้อยลง แต่ก็มีลุ้นว่าจะเติบโตดีขึ้นในปี 61
หุ้นแนะนำวันนี้เป็น ERW - เรามองว่าท่องเที่ยวไทยเป็น 61 ยังสดใส ทั้งจากนักท่องเที่ยวต่างชาติและในประเทศ และ ERW ก็เป็นหนึ่งในโรงแรมที่ได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว เนื่องจากมีโรงแรมในประเทศเป็นหลักและเร่งขยาย Hop Inn สำหรับรายได้เฉลี่ยต่อห้อง (RevPar) ตั้งแต่ 1 ต.ค.-21 ธ.ค.60 +6%YoY (ไม่นับโรงแรม Hop Inn) อัตราการเข้าเช่า (OR) สูงเป็น 82% ส่วน Hop Inn ซึ่งมีสัดส่วนรายได้ประมาณ 4% จากทั้งหมด มี OR 78% คาดว่าในปี 63 สัดส่วนรายได้จาก Hop Inn จะเพิ่มขึ้นเป็น 16% จากทั้งหมด คาดกำไรหลักปี 61 โต 18% แนะซื้อ TP 10.50 บาท
กลยุทธ์ทางพื้นฐาน : แนะเลือกซื้อเป็นรายบริษัท โดยธีมเด่นหุ้นดีจาก DBS รอบนี้เลือก 1. Investment recovery play (หุ้นเด่น AMATA ราคาพื้นฐาน 30 บาท), 2. Dividend play (หุ้นเด่น KKP ราคาพื้นฐาน 88 บาท) และ 3. Growth play (หุ้นเด่น IVL ราคาพื้นฐาน 65 บาท)
กลยุทธ์ทางเทคนิค : ระยะสั้นมากตลาดเป็นลบ และควรระวังการแกว่ง เลือกซื้อ/ถือต่อเมื่อ SET เหนือเส้น SMA10 แต่ถ้าต่ำกว่าก็ควรลดพอร์ตตามแนวต้าน SET ให้ไว้ที่ 1830-1840 ถ้าหลุด 1825 ควร Stop loss
สำหรับหุ้นที่มีโอกาสทำ New high ได้แก่ LH, PTTEP, THREL, MEGA, SYNTEC, PLANB, BCH ส่วนหุ้นที่หาจังหวะ Take profit เป็น JKN, BDMS, ASAP หุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ TOP, MONO, TCMC, WORK, COM7, PTL, CWT หุ้นหลุด List -ไม่มี-
ปัจจัยต่างประเทศ
• สหรัฐ : เฟดคงดอกเบี้ยไว้ตามคาด และจะปรับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป
# เมื่อวานนี้ (31 ม.ค.61) คณะกรรมการ FOMC มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (Fed fund rate) ไว้ที่ 1.5% ตามคาดพร้อมกับย้ำถึงการปรับขึ้นดอกเบี้ยว่าจะทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.
# ทั้งนี้เฟดได้ปรับเพิ่มมุมมองเกี่ยวกับเงินเฟ้อ โดยเฟดคาดว่าอัตราเงินเฟ้อเมื่อเทียบรายปีจะปรับตัวขึ้นในปีนี้ และมีเสถียรภาพที่ระดับ 2% ซึ่งเป็นเป้าหมายของเฟดในระยะกลาง ขณะที่แนวโน้มความเสี่ยงในระยะใกล้ของเศรษฐกิจยังคงมีความสมดุล
# นักวิเคราะห์มองว่าถ้อยแถลงเฟดสะท้อนให้เห็นว่า คณะกรรมการเฟดมีความเชื่อมั่นมากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของสหรัฐ (โดยเฟดระบุว่า อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน และเงินเฟ้อทั่วไปได้ปรับตัวลง และกำลังอยู่ในระดับต่ำกว่า 2%)
# คณะกรรมการ FOMC มีมติเป็นเอกฉันท์เห็นชอบการแต่งตั้งให้นายเจอโรม พาวเวล ขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่ ต่อจากนางเจเน็ต เยลเลน ซึ่งจะสิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ 3 ก.พ.61ทั้งนี้ ทรัมป์ตัดสินใจเลือกนายพาวเวลเป็นประธานเฟดคนใหม่ แทนที่จะให้นางเยลเลนดำรงตำแหน่งประธานเฟดเป็นสมัยที่ 2 ส่งผลให้นางเยลเลนเป็นประธานเฟดที่ดำรงตำแหน่งสั้นที่สุดนับตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1970
• สหรัฐ : ทรัมป์แถลงนโยบายประจำปีต่อรัฐสภาแล้ว ได้คะแนน 48% เท่ากับโอบามา & จอร์ช บุช
# ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีกำหนดแถลงนโยบายประจำปี (State of the Union) ต่อสภาคองเกรสเรียบร้อยแล้วเมื่อเช้า 31 ม.ค.61 (เวลาไทย) พบว่าการแถลงของทรัปม์ไม่ได้มีผลต่อตลาดเงินและตลาดทุนมากนัก โดยทรัมป์ได้คะแนนในการแถลงครั้งนี้ 48% เท่ากับการแถลงของโอบามา และจอร์จ บุช
+ สหรัฐ : การจ้างงานภาคเอกชนม.ค.61 แข็งแกร่งต่อเนื่อง และตัวเลขภาคที่อยู่อาศัยธ.ค.60 ออกมาดี
# ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่าการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐพุ่งขึ้น 234,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค.61 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 185,000 ตำแหน่ง และใกล้เคียงกับระดับ 250,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค.60
# ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) +0.5%MoM ในเดือนธ.ค.สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
• ยูโรโซน : อัตราเงินเฟ้อม.ค.61 ลดลงจากธ.ค.60 ตามคาด
# สำนักงานสถิติแห่งชาติยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พื้นฐาน ซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน +1.2%YoY ในยูโรโซนในเดือนม.ค.61 ส่วนดัชนี CPI ทั่วไป +1.3%YoY ซึ่งลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ +1.4%YoY และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.60 แต่ตัวเลขก็สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
+/• ภาวะตลาดหุ้น:ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐรีบาวด์หลังเฟดคงดอกเบี้ยตามคาด ส่วนตลาดหุ้นยุโรปมีทั้งบวกและลบ
# ดัชนี DJIA ปิดที่ 26,149.39 จุด +72.50 จุด หรือ +0.28% ดัชนี S&P500 ปิด +1.38 จุด หรือ +0.05% และดัชนี Nasdaq ปิด +9.00 จุด หรือ +0.12% หนุนจากการที่เฟดคงดอกเบี้ยไว้ที่ 1.5% ตามคาด พร้อมทั้งย้ำว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป
# ดัชนีตลาดหุ้นยุโรปแกว่งในกรอบแคบ โดยมีทั้งบวกและลบเล็กน้อย ส่วน ดัชนี FESE100 ปิด -0.72% เนื่องจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ลดลง หลังจีนรายงานตัวเลข PMI ภาคผลิตเดือนม.ค.61 ต่ำลงจากเดือนก่อนหน้า และกังวลผลกระทบจากค่าเงินปอนด์แข็งต่อกำไรบจ.
• ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาขยับขึ้นเล็กน้อย
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 23 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 64.73 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนมี.ค. ขยับขึ้น 3 เซนต์ ปิดที่ 69.05 ดอลลาร์/บาร์เรล
# EIA รายงานว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มเกินคาดที่ 6.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ก่อน แต่สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 2 ล้านบาร์เรล & สต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล มากกว่าคาด
+ ภาวะตลาดทองคำ COMEX : ราคารีบาวด์ 0.2%
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 3.1 ดอลลาร์ หรือ 0.23% ปิดที่ 1343.10 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยค่าเงิน US$ อ่อนลงหลังจบการประชุมเฟด และคณะกรรมการฯมีมติคงดอกเบี้ยไว้ที่ 1.50%
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
+ เศรษฐกิจไทยเดือนธ.ค.60 เติบโตจากส่งออก-ท่องเที่ยว...คาดปี 60 ขยายตัวได้ 4%
# ธปท.ระบุว่าเศรษฐกิจไทยในเดือนธ.ค.60 ขยายตัวต่อเนื่องจากส่งออกเติบโต (+9.3%) และภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวดี (จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติโต 15.5%YoY เพราะฐานธ.ค.59 ที่ต่ำเนื่องจากเป็นช่วงปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญจากจีน) ตามอุปสงค์ต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น การบริโภคภาคเอกชนชะลอตัวลงเพราะรายได้ครัวเรือนภาคเกษตรหดตัว YoY และรายได้นอกภาคเกษตรลดลง MoM ด้านการลงทุนภาคเอกชนทรงตัว MoM ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐหดตัวจากรายจ่ายลงทุนที่ลดลง
# สินค้าส่งออกขยายตัวดี คือ ข้าว ผลิตภัณฑ์ยางพารา อุปกรณ์สื่อสารและโทรคมนาคม ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์
# อัตราเงินเฟ้อทั่วไปธ.ค.60 อยู่ที่ 0.78% ชะลอลงจาก 0.99% ในเดือนก่อนตาม ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.62% ทรงตัว MoM
# สำหรับเศรษฐกิจไทยงวด 4Q60 เติบโตต่อจาก 3Q60 โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักจากการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวดีในทุกตลาดส่งออกสำคัญและเกือบทุกหมวดสินค้า และภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวดี ด้านการบริโภคภาคเอกชนขยายตัวต่อเนื่อง การลงทุนภาคเอกชนดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่การใช้จ่ายภาครัฐหดตัวจากรายจ่ายลงทุนเป็นสำคัญ
# ธปท.คาดเศรษฐกิจไทยปี 60 มีแนวโน้มเติบโตได้ 4% (สูงกว่าประมาณการล่าสุดที่ 3.9%) เพราะส่งออกโตดีกว่าคาดและการท่องเที่ยวก็ขยายตัวสูง ส่วนปี 61 ประเมินว่าการส่งออกยังเป็น Key growth โดยคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจไทยไว้ที่ 3.9% (คาดการบริโภคภาครัฐโต 3.2%, การลงทุนภาครัฐโต 9%, การบริโภคภาคเอกชนขยายไม่มากเพราะหนี้ครัวเรือนสูง)
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]
OO5133