- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 31 January 2018 16:24
- Hits: 2761
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“เลือกซื้อจังหวะอ่อนตัว”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ปัจจัยภายใน & ต่างประเทศ : เมื่อวานนี้ดัชนีไหลลงมาปิด -10.88 จุดที่ 1826.61 โดยเป็นการขายหุ้นใหญ่ที่ปรับขึ้นมาก่อนหน้า เช่น แบงค์ พลังงานท่องเที่ยว แต่ก็มีเลือกซื้อหุ้นขนาดกลางมากขึ้น นักลงทุนสถาบันในประเทศและต่างชาติขายสุทธิ 1.9 และ 2.5 พันลบ. ตามลำดับ อีกสองกลุ่มซื้อสุทธิ
ปัจจัยต่างประเทศ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐยังพุ่งขึ้นต่อ สะท้อนความกังวลตลาดว่าเฟดอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด ซึ่งกดดันตลาดหุ้นและโภคภัณฑ์ในอ่อนตัวลงในช่วงนี้ ปัจจัยจับตา 1. ผลประกอบการ & เงินปันผลบจ., 2. ถ้อยแถลงเฟดหลังจบการประชุม 31 ม.ค.นี้ และ 3. การแถลงนโยบายทรัมป์ต่อสภาคองเกรส ซึ่งตรงกับเช้าวันที่ 31 ม.ค. (เวลาไทย) ส่วนจีน รายงานดัชนี PMI ภาคบริการเพิ่มขึ้นในเดือนม.ค. แต่ภาคผลิตอ่อนลง แต่ทั้งสองดัชนีก็สูงกว่า 50 บ่งชี้ถึงการขยายตัวเมื่อเทียบกับก่อนหน้า
ส่วนในประเทศ วันนี้ทาง DBSVTH มี Industry focus กลุ่มธนาคารพาณิชย์ เราประมาณการว่าปี 61 กำไร 8 แบงค์ที่วิเคราะห์จะพลิกเป็นเติบโต 9% (จาก -9% ในปี 60) เนื่องจาก 1. สินเชื่อขยายตัวดีขึ้น ซึ่งเริ่มเห็นตั้งแต่ 4Q60 ที่ +4.5%YoY, +3.2%QoQ), 2. แรงกดดันเรื่อง NPL น้อยลงหลังเศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้น การตั้งสำรองฯก็จะลดลงได้ในบางธนาคาร แต่ก็ไม่มากเพราะยังต้องสำรองฯรองรับ IFRS9 ที่จะเริ่มใช้ 1 ม.ค.62 ด้วย, 3. การเติบโตรายได้ที่ไม่ดอกเบี้ยดีขึ้น ตามการขยายตัวของสินเชื่อ การส่งออก และ BBL & TMB จับมือกับพันธมิตรขายผลิตภัณฑ์ประกันทำให้จะมีรายได้ส่วนนี้แข็งแกร่งสำหรับ NIM คาดว่าจะทรงตัว ค่าใช้จ่ายต่อรายได้จะยังไม่ลดลงเพราะธนาคารต้องลงทุนในระบบดิจิตอลแบงค์กิ้ง และมีค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างเรื่องบุคลากร & สาขา ทาง DBSVTH ให้ BBL (TP : 222 บาท) และ TMB (TP : 3.20 บาท) เป็นหุ้น Top picks ในกลุ่มแบงค์ การอ่อนตัว/พักฐานของราคาหุ้นเป็นจังหวะในการทยอยซื้อลงทุน
กลยุทธ์ทางพื้นฐาน : แนะเลือกซื้อเป็นรายบริษัท โดยธีมเด่นหุ้นดีจาก DBS รอบนี้เลือก 1. Investment recovery play (หุ้นเด่น AMATA ราคาพื้นฐาน 30 บาท), 2. Dividend play (หุ้นเด่น KKP ราคาพื้นฐาน 88 บาท) และ 3. Growth play (หุ้นเด่น IVL ราคาพื้นฐาน 65 บาท)
กลยุทธ์ทางเทคนิค : ระยะสั้นมากตลาดเป็นลบเล็กๆ และควรระวังการแกว่ง เลือกซื้อ/ถือต่อเมื่อ SET เหนือเส้น SMA10 แต่ถ้าต่ำกว่าก็ควรลดพอร์ตตามแนวต้าน SET ให้ไว้ที่ 1830-1840 ถ้าหลุด 1825 ควร Stop loss
สำหรับหุ้นที่มีโอกาสทำ New high ได้แก่ TCMC, BDMS, WORK, COM7, PTL, ASAP, CWT ส่วนหุ้นที่หาจังหวะ Take profit เป็น TVO, ROJNA, BANPU, SF, ICHI หุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ JKN, TOP, MONO หุ้นหลุด List เป็น TASCO, AP, AH, THG, M, KTC
ปัจจัยต่างประเทศ
+/• จีน : ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนม.ค.เพิ่มขึ้นแต่ภาคผลิตอ่อนลง แต่ก็สูงกว่าระดับ 50 ทั้งสองดัชนี
# สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนม.ค. เพิ่มเป็น 55.3 จากเดือนธ.ค.ที่ 55.0
# ส่วนดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนม.ค. อ่อนลงเป็น 51.3 จากเดือนธ.ค.ที่ขยายตัว 51.6 แต่ดัชนีที่สูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ายังขยายตัวเมื่อเทียบกับก่อนหน้า
+ สหรัฐ : ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.เพิ่มขึ้นแข็งแกร่ง
# รายงานของ Conference Board ระบุว่าดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐทะยานขึ้นสู่ระดับ 125.4 ในเดือนม.ค. จากระดับ 122.1 ในเดือนธ.ค. ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.จะลดลงสู่ระดับ 123.1
# CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐพบว่านักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 26% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ โดยเพิ่มขึ้นจากระดับ 23% ในวันศุกร์ และจากระดับ 10% ในเดือนที่แล้ว
• สหรัฐ : ประชุม FOMC 30-31 ม.ค.นี้... DBS คาดคงดอกเบี้ยไว้ที่ 1.50% และมองว่าศก.ยังขยายตัวได้ดีต่อปีนี้
# คณะกรรมการ FOMC สหรัฐจะประชุมรอบแรกของปี 61 วันที่ 30-31 ม.ค.นี้ ซึ่งทาง DBS คาดการณ์ว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (Fed fund rate) ไว้ที่ 1.5% ต่อไปก่อน
+ สหรัฐ : ทรัมป์เตรียมแถลงนโยบายประจำปีต่อรัฐสภาวันที่ 30 ม.ค.นี้ คาดจะเปิดเผยโครงการลงทุนครั้งใหญ่
# ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีกำหนดแถลงนโยบายประจำปี (State of the Union) ต่อสภาคองเกรสในวันที่ 30 ม.ค.เวลา 21.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับช่วงเช้าของวันที่ 31 ม.ค.เวลา 09.00 น.ตามเวลาไทย
# หัวข้อการกล่าวสุนทรพจน์ต่อสภาคองเกรสของปธน.ทรัมป์คือ "การสร้างอเมริกาที่ปลอดภัย แข็งแกร่ง และน่าภาคภูมิใจ" โดยจะเน้นหนักใน 5 ประเด็นหลัก ซึ่งได้แก่ การจ้างงานและเศรษฐกิจ, การก่อสร้างโครงการพื้นฐานของประเทศ, นโยบายเกี่ยวกับผู้อพยพ, การค้า และความมั่นคงแห่งชาติ
# ตลาดคาดการณ์ว่าทรัมป์จะเปิดเผยโครงการลงทุนในสาธารณูปโภคครั้งใหญ่วงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ และอาจกล่าวถึง
การจะทำแผนลงทุนวงเงิน 1.35 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งจะให้รัฐบาลของมลรัฐและภาคเอกชนสนับสนุนเงินทุนในการสร้างและซ่อมสะพาน, ทางหลวง และสาธารณูปโภคทั่วประเทศ
- ภาวะตลาดหุ้น : ตลาดหุ้นปรับฐาน หลัง Bond yield พุ่งขึ้น
# ดัชนีตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงที่ -0.9% ถึง -1.1%
# ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐร่วง ปิดตลาด -0.9% ถึง -1.4%
# ปัจจัยกดดัน คือ Bond yield สหรัฐเพิ่มขึ้นสะท้อนความวิตกว่าสหรัฐอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด และราคาน้ำมันร่วงกดดันหุ้นพลังงาน
- ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาอ่อนลง
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ร่วงลง 1.06 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 64.50 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 44 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 69.02 ดอลลาร์/บาร์เรล เพราะกังวลอุปทานน้ำมันสหรัฐจะเพิ่มขึ้น
- ภาวะทองคำ COMEX : ราคาลดลงต่อ
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 5.1 ดอลลาร์ หรือ 0.38% ปิดที่ 1,340.00 ดอลลาร์/ออนซ์ ปัจจัยกดดัน คือ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อคืนนี้ Yield 10 ปี ดีดขึ้นเป็น 2.712%
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
+ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ : DBSVTH คาดปี 61 กำไรจะพลิกเป็นเติบโต 9% (จาก -9% ในปีก่อน)
# ธนาคารพาณิชย์ที่ DBSVTH ทำการวิเคราะห์ 8 แห่งรายงานกำไรสุทธิปี 60 เท่ากับ 1.6 แสนล้านบาท (-9%YoY) โดย 4 ใน 8 ธนาคารมีกำไรต่ำกว่าคาด กำไรที่ลดลงและต่ำกว่าคาดเป็นผลจากการตั้งสำรองค่าเผื่อฯสูง ด้านสินเชื่อเริ่มเห็นการฟื้นตัวใน 4Q60
# ปี 61 จะมีการขยายตัวดีขึ้นจากฐานต่ำในปีก่อน หลังจาก 2-3 ปีก่อนธนาคารเน้นบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์ แต่ในปี 61 ธนาคารจะหันมาใช้กลยุทธ์ด้านการเติบโตมากขึ้น โดยสินเชื่อ 4Q60 ที่โตเร่งตัวขึ้นก็เป็นสัญญาณที่ดี คาดความต้องการใช้สินเชื่อเพื่อการลงทุนในปี 61 จะขยายตัวได้ดีขึ้นทั้งจากโครงการลงทุนภาครัฐและภาคเอกชน ด้าน NIM ประเมินว่าจะทรงตัว ส่วนการตั้งสำรองฯคาดว่าจะยังสูงแต่หลายธนาคารก็มีโอกาสตั้งสำรองฯน้อยลงเมื่อคุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น ทาง DBSVTH คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิของ 8 ธนาคารที่วิเคราะห์จะขยายตัวได้ 9% ในปี 61 (จาก -9% ในปี 60)
# หุ้น Top picks เป็น BBL และ TMB โดยคาดว่าทั้งสองธนาคารจะมีรายได้ดอกเบี้ยขยายตัวดีขึ้นตามสินเชื่อที่เติบโตและรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเติบโตดีขึ้นจากธุรกรรมสินเชื่อ ส่งออกมากขึ้น รวมทั้ง BBL จับมือกับ AIA ขณะที่ TMB จับมือกับ FWD ในการขายผลิตภัณฑ์ประกันภัย ทำให้มีรายได้ส่วนนี้จะเข้ามาแข็งแกร่งมากขึ้น นอกจากนั้นราคาหุ้น BBL ยังซื้อขายต่ำกว่า BVS ที่ 222 บาทในสิ้นปี 61 ด้วย
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]
OO5085
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ปัจจัยภายใน & ต่างประเทศ : เมื่อวานนี้ดัชนีไหลลงมาปิด -10.88 จุดที่ 1826.61 โดยเป็นการขายหุ้นใหญ่ที่ปรับขึ้นมาก่อนหน้า เช่น แบงค์ พลังงานท่องเที่ยว แต่ก็มีเลือกซื้อหุ้นขนาดกลางมากขึ้น นักลงทุนสถาบันในประเทศและต่างชาติขายสุทธิ 1.9 และ 2.5 พันลบ. ตามลำดับ อีกสองกลุ่มซื้อสุทธิ
ปัจจัยต่างประเทศ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐยังพุ่งขึ้นต่อ สะท้อนความกังวลตลาดว่าเฟดอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด ซึ่งกดดันตลาดหุ้นและโภคภัณฑ์ในอ่อนตัวลงในช่วงนี้ ปัจจัยจับตา 1. ผลประกอบการ & เงินปันผลบจ., 2. ถ้อยแถลงเฟดหลังจบการประชุม 31 ม.ค.นี้ และ 3. การแถลงนโยบายทรัมป์ต่อสภาคองเกรส ซึ่งตรงกับเช้าวันที่ 31 ม.ค. (เวลาไทย) ส่วนจีน รายงานดัชนี PMI ภาคบริการเพิ่มขึ้นในเดือนม.ค. แต่ภาคผลิตอ่อนลง แต่ทั้งสองดัชนีก็สูงกว่า 50 บ่งชี้ถึงการขยายตัวเมื่อเทียบกับก่อนหน้า
ส่วนในประเทศ วันนี้ทาง DBSVTH มี Industry focus กลุ่มธนาคารพาณิชย์ เราประมาณการว่าปี 61 กำไร 8 แบงค์ที่วิเคราะห์จะพลิกเป็นเติบโต 9% (จาก -9% ในปี 60) เนื่องจาก 1. สินเชื่อขยายตัวดีขึ้น ซึ่งเริ่มเห็นตั้งแต่ 4Q60 ที่ +4.5%YoY, +3.2%QoQ), 2. แรงกดดันเรื่อง NPL น้อยลงหลังเศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้น การตั้งสำรองฯก็จะลดลงได้ในบางธนาคาร แต่ก็ไม่มากเพราะยังต้องสำรองฯรองรับ IFRS9 ที่จะเริ่มใช้ 1 ม.ค.62 ด้วย, 3. การเติบโตรายได้ที่ไม่ดอกเบี้ยดีขึ้น ตามการขยายตัวของสินเชื่อ การส่งออก และ BBL & TMB จับมือกับพันธมิตรขายผลิตภัณฑ์ประกันทำให้จะมีรายได้ส่วนนี้แข็งแกร่งสำหรับ NIM คาดว่าจะทรงตัว ค่าใช้จ่ายต่อรายได้จะยังไม่ลดลงเพราะธนาคารต้องลงทุนในระบบดิจิตอลแบงค์กิ้ง และมีค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างเรื่องบุคลากร & สาขา ทาง DBSVTH ให้ BBL (TP : 222 บาท) และ TMB (TP : 3.20 บาท) เป็นหุ้น Top picks ในกลุ่มแบงค์ การอ่อนตัว/พักฐานของราคาหุ้นเป็นจังหวะในการทยอยซื้อลงทุน
กลยุทธ์ทางพื้นฐาน : แนะเลือกซื้อเป็นรายบริษัท โดยธีมเด่นหุ้นดีจาก DBS รอบนี้เลือก 1. Investment recovery play (หุ้นเด่น AMATA ราคาพื้นฐาน 30 บาท), 2. Dividend play (หุ้นเด่น KKP ราคาพื้นฐาน 88 บาท) และ 3. Growth play (หุ้นเด่น IVL ราคาพื้นฐาน 65 บาท)
กลยุทธ์ทางเทคนิค : ระยะสั้นมากตลาดเป็นลบเล็กๆ และควรระวังการแกว่ง เลือกซื้อ/ถือต่อเมื่อ SET เหนือเส้น SMA10 แต่ถ้าต่ำกว่าก็ควรลดพอร์ตตามแนวต้าน SET ให้ไว้ที่ 1830-1840 ถ้าหลุด 1825 ควร Stop loss
สำหรับหุ้นที่มีโอกาสทำ New high ได้แก่ TCMC, BDMS, WORK, COM7, PTL, ASAP, CWT ส่วนหุ้นที่หาจังหวะ Take profit เป็น TVO, ROJNA, BANPU, SF, ICHI หุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ JKN, TOP, MONO หุ้นหลุด List เป็น TASCO, AP, AH, THG, M, KTC
ปัจจัยต่างประเทศ
+/• จีน : ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนม.ค.เพิ่มขึ้นแต่ภาคผลิตอ่อนลง แต่ก็สูงกว่าระดับ 50 ทั้งสองดัชนี
# สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนม.ค. เพิ่มเป็น 55.3 จากเดือนธ.ค.ที่ 55.0
# ส่วนดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนม.ค. อ่อนลงเป็น 51.3 จากเดือนธ.ค.ที่ขยายตัว 51.6 แต่ดัชนีที่สูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ายังขยายตัวเมื่อเทียบกับก่อนหน้า
+ สหรัฐ : ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.เพิ่มขึ้นแข็งแกร่ง
# รายงานของ Conference Board ระบุว่าดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐทะยานขึ้นสู่ระดับ 125.4 ในเดือนม.ค. จากระดับ 122.1 ในเดือนธ.ค. ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.จะลดลงสู่ระดับ 123.1
# CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐพบว่านักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 26% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ โดยเพิ่มขึ้นจากระดับ 23% ในวันศุกร์ และจากระดับ 10% ในเดือนที่แล้ว
• สหรัฐ : ประชุม FOMC 30-31 ม.ค.นี้... DBS คาดคงดอกเบี้ยไว้ที่ 1.50% และมองว่าศก.ยังขยายตัวได้ดีต่อปีนี้
# คณะกรรมการ FOMC สหรัฐจะประชุมรอบแรกของปี 61 วันที่ 30-31 ม.ค.นี้ ซึ่งทาง DBS คาดการณ์ว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (Fed fund rate) ไว้ที่ 1.5% ต่อไปก่อน
+ สหรัฐ : ทรัมป์เตรียมแถลงนโยบายประจำปีต่อรัฐสภาวันที่ 30 ม.ค.นี้ คาดจะเปิดเผยโครงการลงทุนครั้งใหญ่
# ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีกำหนดแถลงนโยบายประจำปี (State of the Union) ต่อสภาคองเกรสในวันที่ 30 ม.ค.เวลา 21.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับช่วงเช้าของวันที่ 31 ม.ค.เวลา 09.00 น.ตามเวลาไทย
# หัวข้อการกล่าวสุนทรพจน์ต่อสภาคองเกรสของปธน.ทรัมป์คือ "การสร้างอเมริกาที่ปลอดภัย แข็งแกร่ง และน่าภาคภูมิใจ" โดยจะเน้นหนักใน 5 ประเด็นหลัก ซึ่งได้แก่ การจ้างงานและเศรษฐกิจ, การก่อสร้างโครงการพื้นฐานของประเทศ, นโยบายเกี่ยวกับผู้อพยพ, การค้า และความมั่นคงแห่งชาติ
# ตลาดคาดการณ์ว่าทรัมป์จะเปิดเผยโครงการลงทุนในสาธารณูปโภคครั้งใหญ่วงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ และอาจกล่าวถึง
การจะทำแผนลงทุนวงเงิน 1.35 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งจะให้รัฐบาลของมลรัฐและภาคเอกชนสนับสนุนเงินทุนในการสร้างและซ่อมสะพาน, ทางหลวง และสาธารณูปโภคทั่วประเทศ
- ภาวะตลาดหุ้น : ตลาดหุ้นปรับฐาน หลัง Bond yield พุ่งขึ้น
# ดัชนีตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงที่ -0.9% ถึง -1.1%
# ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐร่วง ปิดตลาด -0.9% ถึง -1.4%
# ปัจจัยกดดัน คือ Bond yield สหรัฐเพิ่มขึ้นสะท้อนความวิตกว่าสหรัฐอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด และราคาน้ำมันร่วงกดดันหุ้นพลังงาน
- ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาอ่อนลง
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ร่วงลง 1.06 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 64.50 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 44 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 69.02 ดอลลาร์/บาร์เรล เพราะกังวลอุปทานน้ำมันสหรัฐจะเพิ่มขึ้น
- ภาวะทองคำ COMEX : ราคาลดลงต่อ
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 5.1 ดอลลาร์ หรือ 0.38% ปิดที่ 1,340.00 ดอลลาร์/ออนซ์ ปัจจัยกดดัน คือ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อคืนนี้ Yield 10 ปี ดีดขึ้นเป็น 2.712%
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
+ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ : DBSVTH คาดปี 61 กำไรจะพลิกเป็นเติบโต 9% (จาก -9% ในปีก่อน)
# ธนาคารพาณิชย์ที่ DBSVTH ทำการวิเคราะห์ 8 แห่งรายงานกำไรสุทธิปี 60 เท่ากับ 1.6 แสนล้านบาท (-9%YoY) โดย 4 ใน 8 ธนาคารมีกำไรต่ำกว่าคาด กำไรที่ลดลงและต่ำกว่าคาดเป็นผลจากการตั้งสำรองค่าเผื่อฯสูง ด้านสินเชื่อเริ่มเห็นการฟื้นตัวใน 4Q60
# ปี 61 จะมีการขยายตัวดีขึ้นจากฐานต่ำในปีก่อน หลังจาก 2-3 ปีก่อนธนาคารเน้นบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์ แต่ในปี 61 ธนาคารจะหันมาใช้กลยุทธ์ด้านการเติบโตมากขึ้น โดยสินเชื่อ 4Q60 ที่โตเร่งตัวขึ้นก็เป็นสัญญาณที่ดี คาดความต้องการใช้สินเชื่อเพื่อการลงทุนในปี 61 จะขยายตัวได้ดีขึ้นทั้งจากโครงการลงทุนภาครัฐและภาคเอกชน ด้าน NIM ประเมินว่าจะทรงตัว ส่วนการตั้งสำรองฯคาดว่าจะยังสูงแต่หลายธนาคารก็มีโอกาสตั้งสำรองฯน้อยลงเมื่อคุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น ทาง DBSVTH คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิของ 8 ธนาคารที่วิเคราะห์จะขยายตัวได้ 9% ในปี 61 (จาก -9% ในปี 60)
# หุ้น Top picks เป็น BBL และ TMB โดยคาดว่าทั้งสองธนาคารจะมีรายได้ดอกเบี้ยขยายตัวดีขึ้นตามสินเชื่อที่เติบโตและรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเติบโตดีขึ้นจากธุรกรรมสินเชื่อ ส่งออกมากขึ้น รวมทั้ง BBL จับมือกับ AIA ขณะที่ TMB จับมือกับ FWD ในการขายผลิตภัณฑ์ประกันภัย ทำให้มีรายได้ส่วนนี้จะเข้ามาแข็งแกร่งมากขึ้น นอกจากนั้นราคาหุ้น BBL ยังซื้อขายต่ำกว่า BVS ที่ 222 บาทในสิ้นปี 61 ด้วย
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]
OO5085