- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 02 September 2014 15:54
- Hits: 2954
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
SET แกว่งผันผวนแต่คาดกรอบลบจำกัด จึงยังเน้นถือเพื่อรอวิ่งขึ้นต่อ…
กลยุทธ์ : แม้ว่าช่วงนี้ SET ยังมีลักษณะแกว่งผันผวนอยู่ แต่เราคาดว่ากรอบลบจำกัด และสุดท้ายแล้วยังมีโอกาสที่ดัชนีจะกลับไปแกว่งตัวบวกขึ้นต่อเนื่องได้ตามคาดเดิม โดยลุ้นเป้าหมายที่ 1600 จุด(+/-) ได้ ดังนั้นยังสามารถเลือกหุ้นซื้อช่วงลบ แล้วเน้นถือต่อเนื่องเพื่อรอรอบบวกขึ้นได้
หุ้นเด่นทางเทคนิค : KBS, BWG, SAMART(buy back)
แนวโน้ม : เมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการเนื่องในวันแรงงาน ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปยังปิดบวก-ลบแคบๆ เนื่องจากนักลงทุนยังรอจับตาดูการประชุมของ ECB ในสัปดาห์นี้อย่างใกล้ชิดว่าจะมีการดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมตามคาดหรือไม่ ทำให้ FSS คาดว่า SET ก็น่าจะยังมีแรงซื้อเก็งกำไรเข้ามาหนุนอยู่เช่นเดิม อย่างไรก็ตามความวิตกเกี่ยวกับข่าวที่ว่ารัฐบาลของสหภาพยุโรป(EU) เตรียมพิจารณามาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่อรัสเซีย ยังกดดันความมั่นใจของนักลงทุนอยู่ ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ยังเปิดและแกว่งตัวด้านลบ ก็น่าจะทำให้ SET มีลักษณะแกว่งตัวผันผวนต่อเนื่องเช่นกัน แต่กรอบลบยังมีสิทธิที่จะไม่ลึกมากนัก หลังนักลงทุนต่างประเทศยังมียอดซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยสลับเข้ามาให้เห็นอยู่ จึงพอที่จะช่วยหนุนความมั่นใจได้บ้าง รวมทั้งเราคาดว่าตลาดยังมีแรงซื้อเก็งกำไร เพื่อรอลุ้นผลประชุม ECB ที่จะมีขึ้นในวันที่ 4 ก.ย. และรอติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในคืนวันศุกร์ที่ 5 ก.ย.ด้วย ดังนั้นในจังหวะตลาดเป็นลบจึงยังสามารถเลือกหุ้นเข้าซื้อได้ และเรายังแนะนำให้เน้นถือต่อเนื่องไว้ก่อน เพราะสุดท้ายแล้ว FSS ยังคาดหมายว่า SET จะสามารถกลับไปแกว่งบวกต่อเนื่องได้อีก
แนวรับ 1565-1562 , 1560-1557 จุด แนวต้าน 1568-1572 , 1576-1580 จุด
Fund Flow วานนี้ยังไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคต่อเนื่องในปริมาณที่ค่อนข้างเบาบาง โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไต้หวัน US$278.7 ล้าน เกาหลีใต้ US$54.2 ล้าน ไทย US$47.1 ล้าน อินโดนีเซีย US$10.9 ล้าน แต่ขายในตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ US$8.6 ล้าน ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้ค่อนข้างนิ่ง Flow น่าจะเบาบางต่อ
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) 10 ปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยเดือน ก.ย. บวกเฉลี่ย 1% M-M ใน 10 ปี มีเพียง 3 ปีที่ให้ผลตอบแทนเป็นลบ โดยเฉพาะ 5 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่หลังวิกฤตการเงินโลก ตลาดหุ้นเดือน ก.ย. บวกทุกปี (เฉลี่ย +2.6% M-M) ยกเว้นปี 2011 ที่ลงแรงจากความกังวลเรื่องหนี้ยูโรโซน ส่วนต่างชาติมักซื้อสุทธิ แม้ก.ย.ปีนี้ ต่างชาติอาจชะลอการซื้อเพราะใกล้สิ้นสุด QE ของ Fed แต่เชื่อตลาดหุ้นเดินหน้าขึ้นได้ต่อด้วยปัจจัยพื้นฐานที่เริ่มสดใส
(+) เงินเฟ้อไม่กดดัน คาดกนง.ดอกเบี้ยคงที่ 2% ถึงสิ้นปี เงินเฟ้อทั่วไปเดือน ส.ค. เพิ่ม 2.09% Y-Y ชะลอต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และต่ำสุดในรอบ 6 เดือน ตามการลดลงของราคาผักและผลไม้สด และราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศ การที่คสช.ปรับโครงสร้างราคาพลังงาน มีผล 29 ส.ค. และการตรึงค่าไฟฟ้า Ft ทำให้เงินเฟ้อผ่อนคลายลง เราคาดเงินเฟ้อเฉลี่ยปีนี้ที่ 2.2% ใกล้เคียงปีก่อนที่ 2.18% และเชื่อว่ากนง.จะคงดอกเบี้ยในการประชุม 17 ก.ย.นี้ และน่าจะคงดอกเบี้ยถึงสิ้นปี
(+) SVI ผู้บริหารปรับเป้ารายได้ปีนี้ลง 6% เป็น US$300 ล้าน ใกล้เคียงกับประมาณการของเรา และตั้งเป้ารายติบโต 15-20% ในปี 2015 หนุนโดยคำสั่งซื้อของลูกค้ารายใหม่ที่อยู่ระหว่างเจรจา 5 ราย เรายังคงคาดกำไรปกติปี 2015 โต 10% Y-Y คงเป้าหมายปี 2015 ที่ 5.30 บาท คงคำแนะนำซื้อ
(-) BEC แม้กสทช.จะมีมติไม่ให้ช่อง 3 อนาล็อก ออกอากาศผ่านระบบดาวเทียม-เคเบิล ทำให้ต้องไปออกอากาศผ่านเสาก้างปลาหรือหนวดกุ้ง (ไม่ชัด ไม่เป็นที่นิยม ปัจจุบันมีผู้ชมทีวีผ่านเสาก้างปลาเพียง 20% ของครัวเรือนทั้งประเทศ) จนกว่าจะสิ้นสุดสัมปทานปี 2020 แต่อาศัยความคุ้มครองของคสช. ทำให้ช่อง 3 อนาล็อกยังสามารถอกอากาศได้ตามปกติ เป็น Sentiment บวกชั่วคราวที่ทำให้ช่อง 3 อนาล็อกไม่ต้องจอดำจนกว่าอำนาจของคสช.จะหมดไป แต่เรายังแนะนำขาย เพราะผลประกอบการ 1-2 ปีนี้ที่จะถูกกดันจากต้นทุนของทีวีดิจิตอลที่เพิ่มสูงขึ้นมาก
(-) PTTGC ประเด็นที่ทุกวันนี้ PTTGC ได้รับการจัดสรรก๊าซ LPG ก่อนภาคครัวเรือน และซื้อในราคาที่ต่ำกว่าบริษัทอื่นในภาคอุตสาหกรรมและต่ำกว่าราคานำเข้า แม้ PTT ชี้แจงว่าเป็นไปตามสัญญาซื้อขายระยะยาวตั้งแต่ปี 1989 แต่หาก PTTGC ต้องปรับไปใช้ราคานำเข้าหรือราคาตลาดโลกในอนาคต ต้นทุนวัตถุดิบจะเพิ่มขึ้น กระทบกำไร 15% หรือ 5.6 พันล้านบาท/ปี กรณีเลวร้ายสุด กำไรสุทธิปี 2015 จะเหลือ 28,776 ล้านบาท หดตัว 15% Y-Y ราคาเป้าหมายปี 2015 ลดเหลือ 64.50 บาทจากเดิม 75 บาท แต่ราคาหุ้นปรับลงจนต่ำกว่าราคาเป้าหมายกรณีเลวร้ายสุดแล้ว จึงลดคำแนะนำเป็นถือ จากเดิมซื้อ
(+) LDC เริ่มซื้อขายวันนี้ บมจ.แอลดีซี เด็นทัล เป็นศูนย์บริการด้านทันตกรรมครบวงจรปัจจุบันมีสาขาทั้งสิ้น 19 แห่งและมีแผนเปิดอีก 5 สาขาใน 2H14 กลุ่มลูกค้าเป้าหมายคือผู้มีรายได้ระดับปานกลางขึ้นไป รายได้หลัก 49% มาจากการบริการทั่วไป (ตรวจฟัน ขูดหินปูน ถอนฟัน) ซึ่งมีอัตรากำไรสูง อีก 28% ของรายได้มาจากการจัดฟันซึ่งเป็นตัวดึงลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการอื่นๆ เราคาดกำไรปี 2014 โต 16% และปี 2015 โต 160% จากการขยายสาขาทั้งที่สร้างเองหรือลงทุนผ่านช่องทางอื่น ประเมินราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 1.80 บาท (FSS เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ของ LDC)
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดทำการเนื่องในวันแรงงาน
ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดในกรอบแคบค่อนไปในแดนลบหลังตัวเลข PMI ภาคการผลิตของหลายประเทศในยูโรโซนออกมาต่ำกว่าคาดรวมถึงสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครน
ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ยังปรับตัวสลับมีทั้งบวกและลบ โดยนักลงทุนจับตาดูผลการประชุมของธนาคารกลางออสเตรเลียในเรื่องของนโยบายการเงิน
ค่าเงินบาทเริ่มมีจังหวะอ่อนค่าลง ล่าสุดแกว่งตัวในกรอบ 31.94-32.08 บาท/ดอลลาร์
น้ำมันดิบในตลาด NYMEX ปิดทำการเนื่องในวันแรงงาน
ทองคำในตลาด COMEX ปิดทำการเนื่องในวันแรงงาน
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
2 ก.ย. - ไทย: LDC เริ่มซื้อขาย (ราคา IPO 1.50 บาท)
- ออสเตรเลีย: ธนาคารกลางประชุม
- สหรัฐ: ISM Manufacturing (ส.ค.)
3 ก.ย. - จีน: Non-manufacturing PMI (ส.ค.)
- สหรัฐ: Factory Orders (ก.ค.)
- ยูโรโซน: 2Q14 GDP, Markit Composite PMI (ส.ค.)
- ออสเตรเลีย: 2Q14 GDP
4 ก.ย. - เกาหลีใต้: 2Q14 GDP
- สหรัฐ: รายงาน Beige Book, การจ้างงานภาคเอกชน (ส.ค.)
- ยูโรโซน: ECB ประชุม
5 ก.ย. - สหรัฐ: การจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราว่างงาน (ส.ค.) (ตลาดคาดจ้างงานเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนเป็น 2.2 แสนตำแหน่ง)
8 ก.ย. - จีน: ดุลการค้า (ส.ค.)
- ญี่ปุ่น: 2Q14 GDP
10 ก.ย. - จีน: ยอดสินเชื่อใหม่ (ส.ค.)
Contact person : Somchai Anektaweepon
Research Dept. Tel: 02-646-9967, 02-646-9852