- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 02 September 2014 15:53
- Hits: 3358
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์หยิบเงินหยิบทอง
กลยุทธ์วันนี้ Selective Buy
ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้ยังไม่ผ่าน 1,570 จุด ปิดที่ 1,565.35 จุด บวกเป็นวันที่ 2 อีก 3.72 จุด มูลค่าการซื้อขาย 45,186 ล้านบาท
เงินทุนต่างชาติยังคงไม่ชัดเจน แม้ว่าจะกลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 1,505 ล้านบาท กลับมา Short สุทธิใน SET50 Index Futures 1,321 สัญญา แต่คงการซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 6 อีก 4,329 ล้านบาท
MBKET คาด SET INDEX แกว่งขึ้นทดสอบแนว 1,570 จุด และอาจปิดยืนเหนือแนวดังกล่าว แม้ว่าปัจจัยแวดล้อมของการลงทุนขาดความโดดเด่น แต่การเข้าสู่ฤดูกาลจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลของกลุ่มธนาคาร ตั้งแต่ปลายสัปดาห์นี้จนถึงสัปดาห์หน้า ย่อมเป็นตัวแปรที่ผลักดัน SET INDEX ในภาพรวม ขณะที่หุ้นขนาดกลางที่มีประเด็นการลงทุนโดดเด่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลการดำเนินงานใน 2H57 มีแนวโน้มทำกำไรสูงสุดใหม่ ย่อมเป็นเป้าหมายของการลงทุนในช่วงสั้นนี้
ขณะที่ประเด็นเก็งกำไรต่การประชุม ECB ในวันที่ 4 ก.ย.ต่อโอกาสที่ ECB จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ในรูปแบบ QE ก็มีความเป็นไปได้มากยิ่งขึ้น หลังตัวเลขเศรษฐกิจอียู ออกมาแย่กว่าคาดต่อเนื่อง ล่าสุด GDP ใน 2Q57 ของเยอรมันกลับมาหดตัวแรงกว่าคาด ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกจึงแกว่ง Sideways เพื่อรอผลการประชุมในปลายสัปดาห์นี้
กลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำ “ถือพอร์ตส่วนที่เหลือ เพื่อรอขายทำกำไรบริเวณ 1,580-1,600 จุด ตามเป้าหมายที่วางไว้” หากจะเก็งกำไรในช่วงที่เหลือ นักลงทุน ควรจำกัดวงเงินให้มากขึ้น
กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “เก็งกำไร” MFEC/ ERW
Portfolio Top Pick in 3Q14: AAV /AP/ IFEC
HOLD: SPALI/ SAMART/ SPCG/ BLAND/ IFEC/ BTS/ SIM/ MACO/ CK
Speculative buy: MFEC/ ERW
Action and Stock of the Day
SET INDEX ยังไม่ผ่าน 1,570 จุด
SET INDEX วันนี้ คาดทดสอบและมีแนวโน้มปิดยืนเหนือ 1,570 จุด กลุ่มธนาคาร น่าจะเป็นกลุ่มหลักผลักดัน SET INDEX ในช่วงสั้นนี้
นักลงทุนทั่วโลก รอดูผลการประชุม ECB ในวันที่ 4 ก.ย.นี้ ว่าจะมีมาตรการคล้าย QE หรือไม่
ดังนั้นกลยุทธ์ ถือพอร์ต เพื่อรอขายทำกำไรบริเวณ 1,580-1,600 จุด หากต้องการเก็งกำไร ควรจำกัดวงเงินมากยิ่งขึ้น
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ปิดบวกเป็นส่วนใหญ่ แต่เป็นการบวกที่เล็กน้อย เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่เข้าหนุนการลงทุน และตลาดยุโรป ซึมตัวลงในช่วงเปิด
ด้านตลาดหุ้นไทย SET INDEX เปิดไต่ระดับขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,570 จุด ผลักดันโดยหุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร อย่าง BBL / SCB เป็นต้น แต่ก็ไม่ผ่านด่านดังกล่าว และเกิดแรงขายทำกำไรระหว่างวันมากขึ้น อย่างไรก็ตาม SET INDEX ยังคงแกว่งในกรอบระหว่าง 1,565-1,570 จุด เกือบตลอดทั้งวัน ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,565.35 จุด บวกเป็นวันที่ 2 อีก 3.72 จุด มูลค่าการซื้อขาย 45,186 ล้านบาท
กลุ่มที่ปิดบวกมากที่สุดในวานนี้ได้แก่ กลุ่มยานยนต์ +3.84%, กลุ่มท่องเที่ยว +3.31% และกลุ่ม Home +2.78% ขณะที่กลุ่มหลัก กลุ่มธนาคาร +1.03% กลุ่มพลังงาน -0.17% และ กลุ่ม ICT -0.83%
ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชีย (7.40 น.) เช้านี้ Nikkei เปิดบวก ส่วน Kospi เปิดลบ เช่นเดียวกับวันก่อนหน้า เพราะ DJIA และตลาดอื่นๆ ในสหรัฐฯ ปิดทำการ ทำให้ขาดปัจจัยใหม่กำหนดทิศทาง
MBKET คงมุมมองต่อการลงทุนเป็น “กลางถึงบวก” เป็นวันที่ 14 พร้อมคาดหวังที่จะเห็น SET INDEX ไต่ระดับขึ้นทดสอบ 1,570 จุด และปิดยืนเหนือแนวดังกล่าวได้ในวันนี้แม้ว่ามูลค่าการซื้อขายจะไม่หนาแน่น ก็ตาม แต่ด้วยปัจจัยแวดล้อม ทั้งในและต่างประเทศ จะเป็นตัวแปรที่ผลักดันให้ SET INDEX ขยับ Zigzag ขึ้นทดสอบ 1,580-1,600 จุดในท้ายที่สุดของระลอกนี้ ตัวแปรสำคัญได้แก่
•การเก็งกำไรต่อเงินปันผลงวด 1H57 ของกลุ่มธนาคาร ซึ่งจะทยอยขึ้นเครื่องหมาย XD กันในปลายสัปดาห์นี้ จนถึงสัปดาห์หน้า
•การเก็งกำไรต่อการประชุม ECB ในวันที่ 4 ก.ย. ณ ปัจจุบัน ตัวเลขเศรษฐกิจในอียู ส่งสัญญาณชะลอตัวมากขึ้น ภายใต้อัตราเงินเฟ้อที่หดตัวลง กลายเป็นจุดเสี่ยงต่อการเกิดภาวะ “เงินฝืด” ในอียู ทำให้ ECB อาจตัดสินใจเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุมรอบนี้
•ภาพเศรษฐกิจไทยในช่วง 2H57 ในมุมมองหลายสำนัก ต่างให้ภาพ V-Shape เหมือนๆ กัน คาดเศรษฐกิจเติบโต 3-4% และจะเริ่มเด่นชัดในปี 2558 ย่อมจำกัด downside ของ ตลาดหุ้นไทย
ด้านพัฒนาการทางการเมือง ภายในประเทศ กำลังเดินเข้าสู่ระยะที่ 2 ของ Roadmap ที่ คสช.ประกาศวันตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. ลำดับเหตุการณ์ทางการเมืองจากนี้ไปได้แก่
oตารางเวลาด้านรัฐบาล
วันที่ 25 ส.ค. โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี คนที่ 29 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
วันที่ 30 ส.ค. นายกฯ พล.เอก ประยุทธ์ นำเสนอชื่อ คณะรัฐมนตรี ขึ้นทูลเกล้าฯ
คาดวันที่ 2-4 ก.ย. นายกฯ และ ครม. เข้าถวายสัตย์ ปฎิญาณ ก่อนเริ่มบริหารประเทศ
คาดสัปดาห์หน้า นายกฯ จะแถลงนโยบายบริหารประเทศ ต่อ สนช.
และครึ่งเดือนหลังของเดือนก.ย. นายกฯ แถลงร่างงบประมาณปี 2558 เพื่อขออนุมัติ จากทางสนช.
กรอบเวลาดังกล่าว สอดคล้องกับ กรอบเวลาที่ คสช. เคยชี้แจงไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งจะทันต่อการเริ่มใช้งบประมาณประจำปี 2558 ในวันที่ 1 ต.ค. 2557
oร่างงบประมาณปี 2558 ได้ผ่านวาระที่ 1 วานนี้ ขั้นตอนถัดไปตั้งคณะกรรมาธิการ เพื่อพิจารณา และนำเสนอต่อสนช. เพื่อพิจารณาวาระที่ 2-3 ตามลำดับ วันที่ 17-18 ก.ย. คาดว่าจะสามารถนำงบประมาณปี 2558 ใช้ได้ทันวันที่ 1 ต.ค.นี้
oการยกเลิกกฎอัยการศึก คาดนายกฯ จะดำเนินการในช่วง 1-2 สัปดาห์ต่อจากนี้ไป ซึ่ง กองทุนบางประเภทถูกจำกัดการลงทุนในตลาดหุ้นนั้นๆ คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของเดือนก.ย.
oแผน Roadmap ที่สำคัญด้านเศรษฐกิจ
แผนการลงทุน 2.4 ล้านล้านบาท
แผนปฎิรูปพลังงาน
กลยุทธ์การลงทุนหลัง MBKET แนะนำให้นักลงทุน ทยอยสะสมหุ้นหลักเข้าพอร์ตอย่างต่อเนื่อง ณ ปัจจุบัน SET INDEX มีแนวโน้มปิดยืนเหนือ 1,570 จุด ดังนั้น ภาพรวม MBKET แนะนำให้ นักลงทุน “ถือพอร์ตการลงทุน เพื่อรอขายทำกำไรบริเวณ 1,580-1,600 จุด” ในหุ้นหลักที่ได้ประโยชน์จากการใช้จ่ายงบประมาณปี 2558 ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธนาคาร (KTB/BBL), กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (CK), กลุ่มวัสดุก่อสร้าง (TPIPL), กลุ่มงานวางระบบไอที (SAMTEL / AIT) รวมถึงกลุ่มท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มจะพิจารณายกเลิกกฎอัยการศึก (AAV/ AOT)
ปัจจัยสำคัญวันนี้
1.ปัจจัยการเมืองพัฒนาสู่ขั้นที่ 2 ตามแผนของคสช.:
•พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงโปรดเกล้า ครม. วันที่ 31 ส.ค.แล้ว
•คาดวันที่ 2-4 ก.ย. ครม.เข้าถวายสัตย์ปฎิญาณ
2.เงินเฟ้อเดือนส.ค.ของไทยยังอยู่ในระดับต่ำ: ล่าสุด อัตราเงินเฟ้อเดือนส.ค. เพิ่มขึ้นเพียง 2.09% yoy เทียบกับ Bloomberg consensus คาด 2.25% yoy ทำให้การประชุม กนง. ในช่วงที่เหลือของปีนี้ จะพิจารณาคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 2.00% เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยเฉพาะภาคการบริโภค และ ภาคเอกชน
3.ตลาดหุ้นทั่วโลก แกว่งรอผลการประชุม ECB ปลายสัปดาห์นี้: การประชุม ECB วันที่ 4 ก.ย. เป็นที่จับตามองของนักลงทุนทั่วโลก หลังตัวเลขเศรษฐกิจในอียูส่งสัญญาณเชิงลบมากขึ้น ล่าสุด GDP ของเยอรมันใน 2Q57 หดตัวลง สวนทางกับที่ตลาดคาด สร้างแรงกดดันต่อการประชุม ECB ในนัดนัด ส่งผลให้นักลงทุนทั่วโลก ต่างถือพอร์ตการลงทุน พร้อมเข้าเก็งกำไร ต่อประเด็นนี้
4.ยิ่งสถานการณ์ในยูเครนตึงเครียด ยิ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอียู: เพราะความเชื่อมโยงด้านเศรษฐกิจระหว่าง อียู และ รัสเซีย โดยมียูเครน เป็นทางผ่าน คือ ก๊าซ ที่อียู ต้องซื้อจากทางรัสเซีย มาตรการคว่ำบาตรที่อียู ออกมากดดันรัสเซีย ยังไม่มีการจับประเด็นในส่วนนี้ แต่ต้นทุนด้านพลังงานของอียู เริ่มขยับขึ้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเริ่มสร้างแรงกดดันต่อเศรษฐกิจในอียู จึงเป็นอีกปัจจัยที่ ECB จะต้องพิจารณาถึงความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจจากความไม่แน่นอนทางการเมืองในยูเครน
5.กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ยังคงโดดเด่นในช่วงสั้นนี้: ล่าสุดปลัดคมนาคม เตรียมข้อมูลแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานปี 2557-2558 รวมถึงแผนการลงทุนระยะยาว 8 ปี ที่ คสช. อนุมัติในหลักการไปแล้ว เพื่อนำเสนอต่อรมว.คมนาคม พล.อ.อ. ประจิณ คาดว่าจะเข้ากระทรวงอย่างเป็นทางการในวันที่ 4 ก.ย. นี้ ซึ่งจะทำให้ภาพรวมของแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของตารางเวลาการเปิดประมูล จับตา รถไฟฟ้าสายสีชมพูด / สายสีแดง / สีเหลือง / สีส้ม เป็นบวกต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง/ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง / กลุ่มธนาคาร
วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET INDEX 15.83 13.66 15.79 13.63
PSE 19.98 17.27 19.89 17.19
JSE 16.75 14.28 16.60 14.14
KOSPI 10.50 9.14 10.53 9.16
TAIEX 15.23 14.25 15.21 14.13
Straits Time 14.60 13.47 14.67 13.53
SHCOMP 8.87 7.84 8.80 7.78
ที่มา: Bloomberg
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ได้แก่
1.MFEC : ราคาปิด 8.20 บาท ราคาเหมาะสม 9.10 บาท
a)MBKET มีมุมมองเชิงบวกต่อธุรกิจวางระบบโทรคมนาคม และพัฒนางานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ใน 2H57 และต่อเนื่องถึงปี 2558 เนื่องจากเชื่อว่าจะได้ประโยชน์โดยตรงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และส่งผลให้งานภาครัฐฯ และเอกชนเพิ่มขึ้นจาก 1H57
b)คาดกำไรสุทธิ 3Q57 จะทรงตัว qoq อยู่ในระดับสูง เมื่อเทียบกับ 2Q57 ที่เป็นระดับสูงสุดใหม่ของบริษัท จากการรับรู้งาน Backlog ที่เร่งตัวขึ้นใน 3Q57 เมื่อเทียบกับ 1H57 ที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยการเมือง
c)ประเมินกำไรสุทธิปี 2557 ที่ +14.0% yoy เป็น 265 ล้านบาท และ +15.5% yoy เป็น 306 ล้านบาท
d)มี Valuation ที่ยังไม่สูงมากนัก โดยซื้อขายระดับ PER 2558 ที่ 11.8 เท่า เทียบกับกลุ่มสื่อสารที่ 14-15 เท่า และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ดีราว 6% ต่อปี และมีนโยบายจ่ายเงินปันผลปีละ 1 ครั้ง
2.ERW : ราคาปิด 4.96 บาท ราคาเหมาะสม 6.00 บาท
a)MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มโรงแรม จะ Outperform ตลาดได้ในช่วงที่เหลือของปี เนื่องจากกำไรเข้าสู่การฟื้นตัวใน 2H57 หลังปัจจัยการเมืองคลายตัวลง และ 4Q57 จะเข้าสู่ High Season ของธุรกิจ
b)และมีปัจจัยบวกระยะสั้นรออยู่ หาก คสช.ยกเลิกกฎอัยการศึกในเดือน ก.ย. จะส่งผลบวกให้จำนวนนักท่องเที่ยวเร่งตัวขึ้น
c)ผลประกอบการผ่านพ้นจุดต่ำสุดแล้วใน 2Q57 ที่ผ่านมา และคาดว่าจะฟื้นตัวในลักษณะ V-Shapre ใน 2H57 ขณะที่กำไรสุทธิปี 2558 คาดว่าจะเติบโต +227.4% yoy เป็น 338 ล้านบาท เติบโตสูงที่สุดในกลุ่มโรงแรม
d)แผนขยายตลาดของ Budget Hotel ได้แก่ IBIS และ HOPINN ที่จับกลุ่มลูกค้าระดับกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักท่องเที่ยวจากจีน และในเอเชียจะเป็นกุญแจสำคัญเพื่อผลักดันการเติบโตในระยะยาว และปี 2558 จะรับรู้รายได้เต็มปีของโรงแรมเปิดใหม่ทั้ง 13 แห่ง
What will DJIA move tonight? คืนนี้มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิต, ดัชนี ISM ภาคการผลิต
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติวานนี้ซื้อสุทธิมากถึง US$425 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$287 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX 278.7 151.8 13,264.0 9,188.0
KOSPI 54.2 14.9 8,688.3 4,875.1
JSE 10.9 -64.0 4,853.8 -1,806.4
PSE -8.6 142.6 1,303.1 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม 42.5 42.5 262.7 263.2
SET INDEX 47.1 -0.9 -697.9 -6,210.5
Foreign Investors Action วานนี้
เงินทุนต่างชาติเป็นกลาง
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) +1,505 -29
SET50 Index Futures (สัญญา) -1,321 +238
SSF (สัญญา) +948 +140
Metal Futures (สัญญา) -79 -696
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) +4,329 +1,155
นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย เป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 1,505 ล้านบาท จาก 2 วันทำการก่อนหน้า ขายสุทธิ 156 ล้านบาท และทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิลดลงเป็น 23,455 ล้านบาท
ทั้งนี้ วานนี้มีรายการ Big Lot หุ้น THIF อาจทำให้ภาพรวมของนักลงทุนต่างชาติไม่สะท้อนภาพที่ชัดเจน
ด้านนักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Short สุทธิใน SET50 Index Futures อีกครั้ง 1,321 สัญญา คาดเป็นการทยอยเปิดสถานะ Short อีกครั้ง กดดันให้ S50U14 ปิดต่ำกว่า SET50 Index กว้างขึ้นเป็น 3.94 จุดจากวันก่อนหน้า Discount แคบเพียง 2.05 จุด
Metal Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิเป็นวันที่ 2 อีกเล็กน้อย 79 สัญญา รวม 2 วันทำการ Short สุทิ 775 สัญญา เมื่อราคาทองคำในตลาดโลกแกว่งในกรอบแคบระหว่าง US$1,280-1,290/ounce ขาดทิศทางที่ชัดเจน
และ ตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนกลุ่มนี้ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 6 อีก 4,329 ล้านบาท รวม 6 วันทำการซื้อสุทธิ 11,279 ล้านบาท เมื่อราคาพันธบัตรไทยระยาวราคาปรับตัวลงแรง ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้น 1.00bps ปิดที่ 3.562%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ลดลงอีกเป็น 410 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 457 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
TTA 85.23 3.84% 23.56
KBANK 39.27 8.38% 226.08
PTT 38.43 5.23% 320.25
PTTGC 31.25 3.57% 62.25
ADVANC 30.05 2.15% 207.07
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 4 เน้นกลุ่มธนาคาร และ ICT ต่อเนื่อง
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ซื้อสุทธิ มากถึง 1,782 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,313 ล้านบาท รวม 4 วันทำการซื้อสุทธิ 4,746 ล้านบาท เน้นกลุ่ม ICT และกลุ่มธนาคารอย่างโดดเด่น สรุปภาพการลงทุนได้ดังต่อไปนี้
1.กลุ่มธนาคาร ถูกซื้อสุทธิสูงสุดอีกครั้ง 877 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 436 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่ม ICT ซื้อสุทธิ 628 ล้านบาท ใกล้เคียงกับวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 675 ล้านบาท กลุ่มปิโตรเคมี ซื้อสุทธิ 454 ล้านบาท และกลุ่มขนส่ง ซื้อสุทธิ 200 ล้านบาท
2.กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ถูกขายสุทธิ 305 ล้านบาท และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ขายสุทธิ 84 ล้านบาท
ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
BBL 830.46 41.12 CK -302.71 14.34
ADVANC 491.43 25.12 PTT -74.73 19.76
PTTGC 435.48 25.72 SCC -57.03 10.95
AOT 223.72 13.24 DTAC -38.79 27.23
INTUCH 148.47 22.15 EGCO -24.55 13.07
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong