- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 29 January 2018 20:09
- Hits: 7337
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“เลือกซื้อ/ถือเมื่อ SET เหนือ 1825”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : PRIN (จากซื้อเป็น Fully Valued)
ปัจจัยภายใน & ต่างประเทศ : SET Index ร่วงแรงในวันศุกร์ (ลงไปต่ำสุด 1806.13) แต่ช่วงบ่ายปรับขึ้นดี มาปิดตลาดที่ 1828.88 (+9.59 จุด) โดยมี Big lot หุ้น JASIF มูลค่า 4.41 พันลบ. ราคาเฉลี่ย 11.60 บาท/หุ้น (มีข่าวว่าขาขายเป็น BBL และขาซื้อเป็นนลท.ต่างประเทศ โดยมีมอร์แกน สแตนลีย์เป็นตัวแทนในการหาผู้ซื้อ) สำหรับในประเทศ การเลื่อนเลือกตั้ง 90 วันและประเด็นร้อนเป็นเรื่องที่พรรคการเมืองต่างๆ และผู้ที่ฝักไฝ่ในการเมืองวิพากวิจารณ์กันมากช่วงนี้ เราเห็นว่าถ้ารัฐบาลฟันธงว่าเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในเดือนก.พ.62 แน่นอนและจัดการกับประเด็นร้อน บรรยากาศการเมืองก็จะดีขึ้น ส่วนงบการเงิน 4Q60 และประกาศเงินปันผลของบจ.ก็กำลังทยอยออกมา ทำให้คาดว่าตลาดหุ้นเดือนก.พ.จะยังคึกคักต่อได้
ส่วนปัจจัยต่างประเทศ สหรัฐเปิดเผยจีดีพีประจำ 4Q60 ประมาณการครั้งที่ 1 ว่า +2.6%YoY ต่ำกว่าคาดที่ +3% และลดจาก 3Q60 ที่ +3.2%YoY เพราะระดับสินค้าคงคลังต่ำลงและนำเข้าเพิ่มขึ้น แต่...ตลาดประเมินว่าศก.สหรัฐปี 61 จะโตในอัตราเร่งตัวขึ้นจากปี 60 ที่ +2.3% (ปี 59 โต +1.5%) ปัจจัยจับตาในสหรัฐ คือ 1. ถ้อยแถลงหลังประชุมเฟด 30-31 ม.ค.นี้ ซึ่ง DBS คาดว่าจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 1.5% ก่อน และเฟดจะยังมีมุมมองที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐในปี 61 ทาง CME Group FedWatch ระบุโอกาสความเป็นไปได้ที่เฟดจะคงดอกเบี้ยในการประชุม 30-31 ม.ค.นี้เท่ากับ 94.3%และโอกาสที่จะปรับขึ้น 0.25% ในการประชุม 21 มี.ค.61 อยู่ที่ 70.6% และ 2. การแถลงนโยบายประจำปีของทรัปม์ต่อรัฐสภาช่วงเช้า 31 ม.ค. (เวลาไทย) ซึ่งคาดกันว่าทรัมป์จะเปิดเผยโครงการลงทุนสาธารณูปโภค 2 แสนล้านUS$ ระยะเวลา 10 ปี ส่วนในยุโรป จีดีพี 4Q60 อังกฤษ +0.5%QoQ และทั้งปี 60 โต 1.8%YoY ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ ส่วนยูโรโซนปี 61 ก็ประเมินว่าจะขยายตัวดีกว่าคาดเช่นกัน นำโดยศก.เยอรมนีและฝรั่งเศสที่เติบโตดี
หุ้นแนะนำวันนี้เป็น TVO : คาดกำไร 4Q60 โตกว่า 20%QoQ จาก GPM เพิ่ม แต่กำไรปี 60 จะลดลงราวครึ่งหนึ่งเพราะอุปสงค์และราคาลดลง แต่กำไรปี 61 จะ Turnaruond เป็นโต 40-45% เพราะการแข่งขันจากอุตฯน้ำมันปาล์มลดลง, อุปสงค์เติบโต, อุปทานในสหรัฐลดลง คาด Yield 2H60 2%
กลยุทธ์ทางพื้นฐาน : แนะเลือกซื้อเป็นรายบริษัท โดยธีมเด่นหุ้นดีจาก DBS รอบนี้เลือก 1. Investment recovery play (หุ้นเด่น AMATA ราคาพื้นฐาน 30 บาท), 2. Dividend play (หุ้นเด่น KKP ราคาพื้นฐาน 88 บาท) และ 3. Growth play (หุ้นเด่น IVL ราคาพื้นฐาน 65 บาท)
กลยุทธ์ทางเทคนิค : ระยะสั้นมากตลาดเป็นบวกเล็กๆ แต่ยังควรระวังการแกว่ง เลือกซื้อ/ถือต่อเมื่อ SET เหนือเส้น SMA10 แต่ถ้าต่ำกว่าก็ควรลดพอร์ตตามแนวต้าน SET ให้ไว้ที่ 1835-1840, 1850 ถ้าหลุด 1825 ควร Stop loss
สำหรับหุ้นที่มีโอกาสทำ New high ได้แก่ TTCL, TOP, PSL, PLAT, TRUE, THG, TVO ส่วนหุ้นที่หาจังหวะ Take profit เป็น BLA, RS, SENA, RCL, COM7, MTLS, JMT, UTP, SPA หุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ TASCO, AP, JKN, AH หุ้นหลุด List –ไม่มี-
ปัจจัยต่างประเทศ
• สหรัฐ : จีดีพีไตรมาส 4/60 ประมาณการครั้งที่ 1 โต 2.6%YoY ต่ำกว่าคาด
# กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยประมาณการจีดีพีประจำไตรมาส 4/60 ครั้งที่ 1 ว่าเติบโต 2.6%YoY ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 3%%YoY และลดลงจากไตรมาส 3/60 ที่โต 3.2%YoY ซึ่งการเติบโตที่น้อยลงเป็นผลจาก 1. ระดับสินค้าคงคลังที่ต่ำลง และ 2. การนำเข้าเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี ตลาดประเมินว่าเศรษฐกิจสหรัฐปี 61 จะโตในอัตราที่เร่งตัวขึ้นจากปี 60 ที่ 2.3% (ปี 59 โต 1.5%)
# ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน (อายุใช้งาน 3 ปีขึ้นไป) +2.9% ในเดือนธ.ค.60 ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ +0.8%
• สหรัฐ : ประชุม FOMC 30-31 ม.ค.นี้... DBS คาดคงดอกเบี้ยไว้ที่ 1.50% และมองว่าศก.ยังขยายตัวได้ดีต่อปีนี้
# คณะกรรมการ FOMC สหรัฐจะประชุมรอบแรกของปี 61 วันที่ 30-31 ม.ค.นี้ ซึ่งทาง DBS คาดการณ์ว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (Fed fund rate) ไว้ที่ 1.5% ต่อไปก่อน เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังไม่ได้กดดันมากนัก ส่วนมุมมองต่อเศรษฐกิจสหรัฐปีนี้คาดว่าจะเป็นไปทางบวก การปรับขึ้นดอกเบี้ยจะค่อยเป็นค่อยไป โดยความเร็วและความถี่ขึ้นกับการขยายตัวของเศรษฐกิจและการเร่งตัวของอัตราเงินเฟ้อ
+ สหรัฐ : ทรัมป์เตรียมแถลงนโยบายประจำปีต่อรัฐสภาวันที่ 30 ม.ค.นี้ คาดจะเปิดเผยโครงการลงทุนครั้งใหญ่
# ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีกำหนดแถลงนโยบายประจำปี (State of the Union) ต่อสภาคองเกรสในวันที่ 30 ม.ค. เวลา 21.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับช่วงเช้าของวันที่ 31 ม.ค.เวลา 09.00 น.ตามเวลาไทย
# เป็นที่คาดการณ์ว่าปธน.ทรัมป์จะเปิดเผยโครงการลงทุนในสาธารณูปโภคครั้งใหญ่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐตามที่เขาได้เคยรณรงค์หาเสียงในปี 2559 โดยคาดว่าโครงการลงทุนในสาธารณูปโภคจะมีวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 4 กองทุนในช่วงเวลา 10 ปี
# รวมทั้งมีรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐกำลังจัดทำแผนการลงทุนวงเงิน 1.35 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งจะให้รัฐบาลของมลรัฐ และภาคเอกชนเข้าสนับสนุนเงินทุนในการสร้างและซ่อมสะพาน, ทางหลวง และสาธารณูปโภคทั่วประเทศ
+ อังกฤษ : จีดีพีไตรมาส 4/60 โต 0.5%QoQ และทั้งปีโต 1.8/%YoY ดีกว่าคาด
# สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) รายงานว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัว 0.5%QoQ ดีกว่าคาดในไตรมาส 4/60 (คาดไว้ที่ +0.4%QoQ) และเพิ่มขึ้นจาก +0.4%QoQ ในไตรมาส 3/60 และ +0.3%QoQ ในไตรมาส 1 และ 2 ของปี 60 สำหรับทั้งปี 60 จีดีพีอังกฤษ +1.8%Yoy ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ แต่ก็ต่ำกว่าปี 59 ที่โต 1.9%YoY
+ ภาวะตลาดหุ้น : ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐ & ยุโรป & อังกฤษ ปรับขึ้น
# ดัชนี DJIA, S&P500 และ Nasdaq ทำ New high อีกครั้ง โดยดัชนี DJIA ปิด + 223.92 จุด หรือ +0.85% ที่ 26,616.71 จุด ดัชนี S&P 500 ปิด +33.62 จุด หรือ +1.18% ปิดที่ 2,872.87 จุด ดัชนี Nasdaq +94.61 จุด หรือ +1.28% ปิดที่
7,505.77 จุด หนุนโดยแนวโน้มเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการปฎิรูปภาษีของทรัมป์ และกำไรบจ.หลายแห่งออกมาดีกว่าคาด
# ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก 0.3%-0.9% หลังนักลงทุนผ่อนคลายความกังวลการแข็งค่าของเงินยูโร และหุ้นผู้ผลิตยาและสินค้าหรู (หลุยส์ วิตตอง, คริสเตียน ดิออร์, แอร์เมส) ก็ปรับขึ้นดีขึ้นด้วย
# ดัชนีตลาดหุ้นลอนดอนขานรับตัวเลขจีดีพีที่ขยายตัวมากกว่าการคาดการณ์ ดัชนี FTSE 100 ปิด +49.70 จุด หรือ +0.65% ปิดที่ 7,665.54 จุด
+ ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาขยับขึ้นต่อ
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 63 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 66.14 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 4 ธ.ค. 2557 ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนมี.ค. บวก 10 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 70.52 ดอลลาร์/บาร์เรล
# เบเกอร์ ฮิวจ์ เปิดเผยจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐเพิ่ม 12 แท่น สู่ระดับ 759 แท่นในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการเพิ่มรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.60 และมีจำนวนมากกว่า 566 แท่นในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม อุปสงค์ที่มีแนวโน้มเติบโตสูงตามการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ทำให้การเพิ่มขึ้นดังกล่าวกระทบราคาน้ำมันจำกัด
- ภาวะตลาดทองคำ : ราคาปรับลง 0.8% จากการขายทำกำไร
# สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วง 10.8 ดอลลาร์ หรือ -0.79% ปิดที่ 1,352.1 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังพุ่งขึ้นแรงก่อนหน้านี้
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
+ PTTEP (ราคาปิด 119.50 บาท) : ประกาศกำไรปี 60 เพิ่มเป็น 20.6 พันล้านบาท
# บริษัทประกาศกำไรสุทธิปี 60 เท่ากับ 20.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 60%YoY ทั้งนี้รายได้ปี 61 เพิ่ม 2%YoYเป็น 4,281 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสามารถรักษาปริมาณขายไว้ที่ประมาณ 3 แสนบาร์เรล/วันได้ ด้าน EBITDA ทรงตัว YoY บริษัททำกำไรจากการดำเนินงานปกติได้ 836 ล้านดอลลาร์ (+79%YoY เพราะตัดค่าเสื่อม ค่าสูญสิ้นและตัดจำหน่ายลดลงจ่ายภาษีรายได้ฯลดลงจากค่าเงินบาทแข็ง) แต่มีขาดทุนจากการตั้งด้อยค่าเงินลงทุน 242 ล้านดอลลาร์ (ขาดทุนจากการด้อยค่าโครงการมาเรียนา ออยล์ แซนด์ 511 ล้านดอลลาร์ แต่ได้ชดดเชยจากภาษีรายได้ลดลง)
# ประกาศจ่ายปันผลสำหรับ 2H60 เท่ากับ 2.75 บาท/หุ้น กำหนด XD 7 ก.พ.61 ชำระเงิน 12 เม.ย.61 ณ ราคาปิด 119.50 บาท คิดเป็น Yield 2.3%
# นักวิเคราะห์อยู่ระหว่างปรับประมาณการและราคาเป้าหมาย (ราคาเป้าหมายปัจจุบันใน IAA consensus อยู่ที่ 119 บาท)
+ PLANB (ราคาปิด 6.50 บาท) & BEM (ราคาปิด 7.60 บาท) : จับมือกันพัฒนาธุรกิจสื่อนอกบ้าน
# PLANB แจ้งที่ประชุมบอร์ดมีมติให้ซื้อหุ้น 19.48% ในบริษัทย่อยของ BEM คือ แบงคอกเมโทร เน็ทเวิร์คส์ จำกัด มูลค่าเงินลงทุน 262.21 ล้านบาท เพื่อร่วมมือกันขยายธุรกิจสื่อโฆษณาภายนอก (ในระบบรถ MRT และบนทางด่วน) คาดว่าดีลซื้อขายจะแล้วเสร็จใน 1Q61
# เกี่ยวกับบริษัท แบงคอก เมโทร เน็ทเวิร์คส์ จำกัด - เป็นผู้ได้รับสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวในการบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ภายในสถานีและขบวนรถไฟฟ้า ซึ่ง BEM เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ถือหุ้นในสัดส่วน 65.19% โดยประกอบธุรกิจหลัก 3 ประเภท ประกอบด้วย 1) ให้บริการสื่อโฆษณาในสถานีรถไฟฟ้า 18 สถานี และภายในขบวนรถไฟฟ้าใต้ดิน 19 ขบวน 2) ให้เช่าพื้นที่ร้านค้าในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินจำนวน 11 สถานี และพื้นที่ชั้นใต้ดินอาคารจอดแล้วจรที่สถานีลาดพร้าว และ3) ให้บริการระบบสื่อสารโทรคมนาคมในสถานีรถไฟฟ้า MRT
# ถือเป็นดีลที่ Win-Win เพราะ PLANB มีความชำนาญเรื่องสื่อโฆษณา ขณะที่ BEM มีสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้โฆษณาได้ ทาง DBS แนะนำซื้อ BEM โดยให้ราคาพื้นฐาน 8.60 บาท (Upside จากราคาปิดวันศุกร์ 13%) ส่วน PLANB เรายังไม่ได้วิเคราะห์พื้นฐาน แต่ก็มีมุมมองที่เป็นบวกกับบริษัท ราคาเป้าหมายใน IAA consensus อยู่ที่ 7.40 บาท (Upside จากราคาปิดวันศุกร์ 14%)
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : PRIN (จากซื้อเป็น Fully Valued)
ปัจจัยภายใน & ต่างประเทศ : SET Index ร่วงแรงในวันศุกร์ (ลงไปต่ำสุด 1806.13) แต่ช่วงบ่ายปรับขึ้นดี มาปิดตลาดที่ 1828.88 (+9.59 จุด) โดยมี Big lot หุ้น JASIF มูลค่า 4.41 พันลบ. ราคาเฉลี่ย 11.60 บาท/หุ้น (มีข่าวว่าขาขายเป็น BBL และขาซื้อเป็นนลท.ต่างประเทศ โดยมีมอร์แกน สแตนลีย์เป็นตัวแทนในการหาผู้ซื้อ) สำหรับในประเทศ การเลื่อนเลือกตั้ง 90 วันและประเด็นร้อนเป็นเรื่องที่พรรคการเมืองต่างๆ และผู้ที่ฝักไฝ่ในการเมืองวิพากวิจารณ์กันมากช่วงนี้ เราเห็นว่าถ้ารัฐบาลฟันธงว่าเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในเดือนก.พ.62 แน่นอนและจัดการกับประเด็นร้อน บรรยากาศการเมืองก็จะดีขึ้น ส่วนงบการเงิน 4Q60 และประกาศเงินปันผลของบจ.ก็กำลังทยอยออกมา ทำให้คาดว่าตลาดหุ้นเดือนก.พ.จะยังคึกคักต่อได้
ส่วนปัจจัยต่างประเทศ สหรัฐเปิดเผยจีดีพีประจำ 4Q60 ประมาณการครั้งที่ 1 ว่า +2.6%YoY ต่ำกว่าคาดที่ +3% และลดจาก 3Q60 ที่ +3.2%YoY เพราะระดับสินค้าคงคลังต่ำลงและนำเข้าเพิ่มขึ้น แต่...ตลาดประเมินว่าศก.สหรัฐปี 61 จะโตในอัตราเร่งตัวขึ้นจากปี 60 ที่ +2.3% (ปี 59 โต +1.5%) ปัจจัยจับตาในสหรัฐ คือ 1. ถ้อยแถลงหลังประชุมเฟด 30-31 ม.ค.นี้ ซึ่ง DBS คาดว่าจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 1.5% ก่อน และเฟดจะยังมีมุมมองที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐในปี 61 ทาง CME Group FedWatch ระบุโอกาสความเป็นไปได้ที่เฟดจะคงดอกเบี้ยในการประชุม 30-31 ม.ค.นี้เท่ากับ 94.3%และโอกาสที่จะปรับขึ้น 0.25% ในการประชุม 21 มี.ค.61 อยู่ที่ 70.6% และ 2. การแถลงนโยบายประจำปีของทรัปม์ต่อรัฐสภาช่วงเช้า 31 ม.ค. (เวลาไทย) ซึ่งคาดกันว่าทรัมป์จะเปิดเผยโครงการลงทุนสาธารณูปโภค 2 แสนล้านUS$ ระยะเวลา 10 ปี ส่วนในยุโรป จีดีพี 4Q60 อังกฤษ +0.5%QoQ และทั้งปี 60 โต 1.8%YoY ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ ส่วนยูโรโซนปี 61 ก็ประเมินว่าจะขยายตัวดีกว่าคาดเช่นกัน นำโดยศก.เยอรมนีและฝรั่งเศสที่เติบโตดี
หุ้นแนะนำวันนี้เป็น TVO : คาดกำไร 4Q60 โตกว่า 20%QoQ จาก GPM เพิ่ม แต่กำไรปี 60 จะลดลงราวครึ่งหนึ่งเพราะอุปสงค์และราคาลดลง แต่กำไรปี 61 จะ Turnaruond เป็นโต 40-45% เพราะการแข่งขันจากอุตฯน้ำมันปาล์มลดลง, อุปสงค์เติบโต, อุปทานในสหรัฐลดลง คาด Yield 2H60 2%
กลยุทธ์ทางพื้นฐาน : แนะเลือกซื้อเป็นรายบริษัท โดยธีมเด่นหุ้นดีจาก DBS รอบนี้เลือก 1. Investment recovery play (หุ้นเด่น AMATA ราคาพื้นฐาน 30 บาท), 2. Dividend play (หุ้นเด่น KKP ราคาพื้นฐาน 88 บาท) และ 3. Growth play (หุ้นเด่น IVL ราคาพื้นฐาน 65 บาท)
กลยุทธ์ทางเทคนิค : ระยะสั้นมากตลาดเป็นบวกเล็กๆ แต่ยังควรระวังการแกว่ง เลือกซื้อ/ถือต่อเมื่อ SET เหนือเส้น SMA10 แต่ถ้าต่ำกว่าก็ควรลดพอร์ตตามแนวต้าน SET ให้ไว้ที่ 1835-1840, 1850 ถ้าหลุด 1825 ควร Stop loss
สำหรับหุ้นที่มีโอกาสทำ New high ได้แก่ TTCL, TOP, PSL, PLAT, TRUE, THG, TVO ส่วนหุ้นที่หาจังหวะ Take profit เป็น BLA, RS, SENA, RCL, COM7, MTLS, JMT, UTP, SPA หุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ TASCO, AP, JKN, AH หุ้นหลุด List –ไม่มี-
ปัจจัยต่างประเทศ
• สหรัฐ : จีดีพีไตรมาส 4/60 ประมาณการครั้งที่ 1 โต 2.6%YoY ต่ำกว่าคาด
# กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยประมาณการจีดีพีประจำไตรมาส 4/60 ครั้งที่ 1 ว่าเติบโต 2.6%YoY ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 3%%YoY และลดลงจากไตรมาส 3/60 ที่โต 3.2%YoY ซึ่งการเติบโตที่น้อยลงเป็นผลจาก 1. ระดับสินค้าคงคลังที่ต่ำลง และ 2. การนำเข้าเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี ตลาดประเมินว่าเศรษฐกิจสหรัฐปี 61 จะโตในอัตราที่เร่งตัวขึ้นจากปี 60 ที่ 2.3% (ปี 59 โต 1.5%)
# ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน (อายุใช้งาน 3 ปีขึ้นไป) +2.9% ในเดือนธ.ค.60 ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ +0.8%
• สหรัฐ : ประชุม FOMC 30-31 ม.ค.นี้... DBS คาดคงดอกเบี้ยไว้ที่ 1.50% และมองว่าศก.ยังขยายตัวได้ดีต่อปีนี้
# คณะกรรมการ FOMC สหรัฐจะประชุมรอบแรกของปี 61 วันที่ 30-31 ม.ค.นี้ ซึ่งทาง DBS คาดการณ์ว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (Fed fund rate) ไว้ที่ 1.5% ต่อไปก่อน เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังไม่ได้กดดันมากนัก ส่วนมุมมองต่อเศรษฐกิจสหรัฐปีนี้คาดว่าจะเป็นไปทางบวก การปรับขึ้นดอกเบี้ยจะค่อยเป็นค่อยไป โดยความเร็วและความถี่ขึ้นกับการขยายตัวของเศรษฐกิจและการเร่งตัวของอัตราเงินเฟ้อ
+ สหรัฐ : ทรัมป์เตรียมแถลงนโยบายประจำปีต่อรัฐสภาวันที่ 30 ม.ค.นี้ คาดจะเปิดเผยโครงการลงทุนครั้งใหญ่
# ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีกำหนดแถลงนโยบายประจำปี (State of the Union) ต่อสภาคองเกรสในวันที่ 30 ม.ค. เวลา 21.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับช่วงเช้าของวันที่ 31 ม.ค.เวลา 09.00 น.ตามเวลาไทย
# เป็นที่คาดการณ์ว่าปธน.ทรัมป์จะเปิดเผยโครงการลงทุนในสาธารณูปโภคครั้งใหญ่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐตามที่เขาได้เคยรณรงค์หาเสียงในปี 2559 โดยคาดว่าโครงการลงทุนในสาธารณูปโภคจะมีวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 4 กองทุนในช่วงเวลา 10 ปี
# รวมทั้งมีรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐกำลังจัดทำแผนการลงทุนวงเงิน 1.35 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งจะให้รัฐบาลของมลรัฐ และภาคเอกชนเข้าสนับสนุนเงินทุนในการสร้างและซ่อมสะพาน, ทางหลวง และสาธารณูปโภคทั่วประเทศ
+ อังกฤษ : จีดีพีไตรมาส 4/60 โต 0.5%QoQ และทั้งปีโต 1.8/%YoY ดีกว่าคาด
# สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) รายงานว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัว 0.5%QoQ ดีกว่าคาดในไตรมาส 4/60 (คาดไว้ที่ +0.4%QoQ) และเพิ่มขึ้นจาก +0.4%QoQ ในไตรมาส 3/60 และ +0.3%QoQ ในไตรมาส 1 และ 2 ของปี 60 สำหรับทั้งปี 60 จีดีพีอังกฤษ +1.8%Yoy ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ แต่ก็ต่ำกว่าปี 59 ที่โต 1.9%YoY
+ ภาวะตลาดหุ้น : ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐ & ยุโรป & อังกฤษ ปรับขึ้น
# ดัชนี DJIA, S&P500 และ Nasdaq ทำ New high อีกครั้ง โดยดัชนี DJIA ปิด + 223.92 จุด หรือ +0.85% ที่ 26,616.71 จุด ดัชนี S&P 500 ปิด +33.62 จุด หรือ +1.18% ปิดที่ 2,872.87 จุด ดัชนี Nasdaq +94.61 จุด หรือ +1.28% ปิดที่
7,505.77 จุด หนุนโดยแนวโน้มเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการปฎิรูปภาษีของทรัมป์ และกำไรบจ.หลายแห่งออกมาดีกว่าคาด
# ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก 0.3%-0.9% หลังนักลงทุนผ่อนคลายความกังวลการแข็งค่าของเงินยูโร และหุ้นผู้ผลิตยาและสินค้าหรู (หลุยส์ วิตตอง, คริสเตียน ดิออร์, แอร์เมส) ก็ปรับขึ้นดีขึ้นด้วย
# ดัชนีตลาดหุ้นลอนดอนขานรับตัวเลขจีดีพีที่ขยายตัวมากกว่าการคาดการณ์ ดัชนี FTSE 100 ปิด +49.70 จุด หรือ +0.65% ปิดที่ 7,665.54 จุด
+ ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาขยับขึ้นต่อ
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 63 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 66.14 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 4 ธ.ค. 2557 ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนมี.ค. บวก 10 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 70.52 ดอลลาร์/บาร์เรล
# เบเกอร์ ฮิวจ์ เปิดเผยจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐเพิ่ม 12 แท่น สู่ระดับ 759 แท่นในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการเพิ่มรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.60 และมีจำนวนมากกว่า 566 แท่นในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม อุปสงค์ที่มีแนวโน้มเติบโตสูงตามการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ทำให้การเพิ่มขึ้นดังกล่าวกระทบราคาน้ำมันจำกัด
- ภาวะตลาดทองคำ : ราคาปรับลง 0.8% จากการขายทำกำไร
# สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วง 10.8 ดอลลาร์ หรือ -0.79% ปิดที่ 1,352.1 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังพุ่งขึ้นแรงก่อนหน้านี้
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
+ PTTEP (ราคาปิด 119.50 บาท) : ประกาศกำไรปี 60 เพิ่มเป็น 20.6 พันล้านบาท
# บริษัทประกาศกำไรสุทธิปี 60 เท่ากับ 20.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 60%YoY ทั้งนี้รายได้ปี 61 เพิ่ม 2%YoYเป็น 4,281 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสามารถรักษาปริมาณขายไว้ที่ประมาณ 3 แสนบาร์เรล/วันได้ ด้าน EBITDA ทรงตัว YoY บริษัททำกำไรจากการดำเนินงานปกติได้ 836 ล้านดอลลาร์ (+79%YoY เพราะตัดค่าเสื่อม ค่าสูญสิ้นและตัดจำหน่ายลดลงจ่ายภาษีรายได้ฯลดลงจากค่าเงินบาทแข็ง) แต่มีขาดทุนจากการตั้งด้อยค่าเงินลงทุน 242 ล้านดอลลาร์ (ขาดทุนจากการด้อยค่าโครงการมาเรียนา ออยล์ แซนด์ 511 ล้านดอลลาร์ แต่ได้ชดดเชยจากภาษีรายได้ลดลง)
# ประกาศจ่ายปันผลสำหรับ 2H60 เท่ากับ 2.75 บาท/หุ้น กำหนด XD 7 ก.พ.61 ชำระเงิน 12 เม.ย.61 ณ ราคาปิด 119.50 บาท คิดเป็น Yield 2.3%
# นักวิเคราะห์อยู่ระหว่างปรับประมาณการและราคาเป้าหมาย (ราคาเป้าหมายปัจจุบันใน IAA consensus อยู่ที่ 119 บาท)
+ PLANB (ราคาปิด 6.50 บาท) & BEM (ราคาปิด 7.60 บาท) : จับมือกันพัฒนาธุรกิจสื่อนอกบ้าน
# PLANB แจ้งที่ประชุมบอร์ดมีมติให้ซื้อหุ้น 19.48% ในบริษัทย่อยของ BEM คือ แบงคอกเมโทร เน็ทเวิร์คส์ จำกัด มูลค่าเงินลงทุน 262.21 ล้านบาท เพื่อร่วมมือกันขยายธุรกิจสื่อโฆษณาภายนอก (ในระบบรถ MRT และบนทางด่วน) คาดว่าดีลซื้อขายจะแล้วเสร็จใน 1Q61
# เกี่ยวกับบริษัท แบงคอก เมโทร เน็ทเวิร์คส์ จำกัด - เป็นผู้ได้รับสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวในการบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ภายในสถานีและขบวนรถไฟฟ้า ซึ่ง BEM เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ถือหุ้นในสัดส่วน 65.19% โดยประกอบธุรกิจหลัก 3 ประเภท ประกอบด้วย 1) ให้บริการสื่อโฆษณาในสถานีรถไฟฟ้า 18 สถานี และภายในขบวนรถไฟฟ้าใต้ดิน 19 ขบวน 2) ให้เช่าพื้นที่ร้านค้าในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินจำนวน 11 สถานี และพื้นที่ชั้นใต้ดินอาคารจอดแล้วจรที่สถานีลาดพร้าว และ3) ให้บริการระบบสื่อสารโทรคมนาคมในสถานีรถไฟฟ้า MRT
# ถือเป็นดีลที่ Win-Win เพราะ PLANB มีความชำนาญเรื่องสื่อโฆษณา ขณะที่ BEM มีสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้โฆษณาได้ ทาง DBS แนะนำซื้อ BEM โดยให้ราคาพื้นฐาน 8.60 บาท (Upside จากราคาปิดวันศุกร์ 13%) ส่วน PLANB เรายังไม่ได้วิเคราะห์พื้นฐาน แต่ก็มีมุมมองที่เป็นบวกกับบริษัท ราคาเป้าหมายใน IAA consensus อยู่ที่ 7.40 บาท (Upside จากราคาปิดวันศุกร์ 14%)
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]
OO4991