- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 26 January 2018 18:18
- Hits: 2692
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Laggard and Earnings Play
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET พักฐานลงในระดับที่มีนัยสำคัญครั้งแรกตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดยปรับตัวลง 19.67 จุด และปิดที่จุดต่ำสุดของวันที่ 1819.29 จุด แรงขายส่วนใหญ่กระจุกตัวในหุ้นขนาดใหญ่ ซึ่งปรับตัวขึ้นโดดเด่นในช่วงก่อนหน้านี้ โดยตลาดเริ่มกลับมากังวลกับปัจจัยการเมืองในประเทศ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิครั้งแรกในรอบ 3 วันทำการมากถึง 1,494.19 ลบ. เช่นเดียวกับสถาบันในประเทศที่ขายสุทธิ 99.68 ลบ. ส่วนสถานะใน Index Futures ต่างชาติ Net Long เพื่อ Hedge ไว้บางส่วน 3,143 สัญญาหรือราว 600 ลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะพักตัวลงต่อเนื่อง แม้ว่าการเลื่อนเลือกตั้งจะเป็นไปตามตลาดคาดคือ 90 วัน แต่ด้วยบรรยากาศการลงทุนในตลาดเอเชียเช้านี้ที่ไม่สดใสนัก และการแข็งค่าเร็วของเงินบาทจะกดดันเศรษฐกิจให้แผ่วลงตามการชะลอตัวของยอดส่งออกในระยะถัดไป อีกทั้ง เราเห็นได้ชัดถึงแรงขายในลักษณะ sell on fact หลังหุ้นใหญ่เปิดเผยผลประกอบการ นอกจากนี้ PE2018 ของ SET ที่ราว 15-16 เท่า ยังไม่จูงใจให้กระแสเงินไหลกลับเข้ามาเร็ว ในแง่กลยุทธ์การลงทุน ยังเน้นไปยังหุ้นที่ Underperform และมีศักยภาพการเติบโต แม้ความเชื่อมั่นในประเทศจะยังไม่กลับมา รวมถึงหุ้นที่ผลประกอบการ 4Q17 แข็งแกร่ง
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นที่ยัง Underperform และหุ้นที่คาดมีกำไร 4Q17 แข็งแกร่ง
หุ้นเด่นเดือน ม.ค. : BBL, CPN, ORI, RSP, TKN
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$500ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$300ล้าน ขณะที่ไหลออกจากไทยประเทศเดียว US$47ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคตามทิศทางเก็งกำไรผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน อย่างไรก็ตามอาจชะลอลงหลังประธานาธิบดีสหรัฐระบุว่าสนับสนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่า
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> FTE <<
เราชอบ FTE ใน 3 ประเด็น (1) เป็นธุรกิจที่ไม่ถูกกระทบจากการชะลอตัวของความเชื่อมั่นในประเทศ เพราะเป็นสิ่งจำเป็นด้านความปลอดภัย (2) งานวางระบบดับเพลิงอัตโนมัติหนาแน่นอีก 5 ปีเป็นอย่างน้อย จากทั้งของ กฟผ. กฟน. และโรงไฟฟ้าเอกชน (3) ได้ประโยชน์จากบาทแข็ง ทุก 1% ที่แข็ง จะบวกกับกำไรสุทธิ 4%
คาดกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 127 ลบ. +45% Y-Y และปี 2018 ที่ 150 ลบ. +19% Y-Y ขณะที่ PE2018 ยังต่ำเพียง 13 เท่า, PEG 0.7 เท่า, และคาดปันผลเฉพาะ 2H17 สูงถึง 4% (ทั้งปี 6%)
ผู้บริหารซื้อหุ้นตั้งแต่ 13 ธ.ค. 17 ราว 2.5 ล้านหุ้น ต้นทุนเฉลี่ย 3.18 บาท ถือเป็นจิตวิทยาการลงทุนเชิงบวก แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 5 บาท
กลยุทธ์วันนี้ >> Laggard and Earnings Play
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET พักฐานลงในระดับที่มีนัยสำคัญครั้งแรกตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดยปรับตัวลง 19.67 จุด และปิดที่จุดต่ำสุดของวันที่ 1819.29 จุด แรงขายส่วนใหญ่กระจุกตัวในหุ้นขนาดใหญ่ ซึ่งปรับตัวขึ้นโดดเด่นในช่วงก่อนหน้านี้ โดยตลาดเริ่มกลับมากังวลกับปัจจัยการเมืองในประเทศ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิครั้งแรกในรอบ 3 วันทำการมากถึง 1,494.19 ลบ. เช่นเดียวกับสถาบันในประเทศที่ขายสุทธิ 99.68 ลบ. ส่วนสถานะใน Index Futures ต่างชาติ Net Long เพื่อ Hedge ไว้บางส่วน 3,143 สัญญาหรือราว 600 ลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะพักตัวลงต่อเนื่อง แม้ว่าการเลื่อนเลือกตั้งจะเป็นไปตามตลาดคาดคือ 90 วัน แต่ด้วยบรรยากาศการลงทุนในตลาดเอเชียเช้านี้ที่ไม่สดใสนัก และการแข็งค่าเร็วของเงินบาทจะกดดันเศรษฐกิจให้แผ่วลงตามการชะลอตัวของยอดส่งออกในระยะถัดไป อีกทั้ง เราเห็นได้ชัดถึงแรงขายในลักษณะ sell on fact หลังหุ้นใหญ่เปิดเผยผลประกอบการ นอกจากนี้ PE2018 ของ SET ที่ราว 15-16 เท่า ยังไม่จูงใจให้กระแสเงินไหลกลับเข้ามาเร็ว ในแง่กลยุทธ์การลงทุน ยังเน้นไปยังหุ้นที่ Underperform และมีศักยภาพการเติบโต แม้ความเชื่อมั่นในประเทศจะยังไม่กลับมา รวมถึงหุ้นที่ผลประกอบการ 4Q17 แข็งแกร่ง
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นที่ยัง Underperform และหุ้นที่คาดมีกำไร 4Q17 แข็งแกร่ง
หุ้นเด่นเดือน ม.ค. : BBL, CPN, ORI, RSP, TKN
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$500ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$300ล้าน ขณะที่ไหลออกจากไทยประเทศเดียว US$47ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคตามทิศทางเก็งกำไรผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน อย่างไรก็ตามอาจชะลอลงหลังประธานาธิบดีสหรัฐระบุว่าสนับสนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่า
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> FTE <<
เราชอบ FTE ใน 3 ประเด็น (1) เป็นธุรกิจที่ไม่ถูกกระทบจากการชะลอตัวของความเชื่อมั่นในประเทศ เพราะเป็นสิ่งจำเป็นด้านความปลอดภัย (2) งานวางระบบดับเพลิงอัตโนมัติหนาแน่นอีก 5 ปีเป็นอย่างน้อย จากทั้งของ กฟผ. กฟน. และโรงไฟฟ้าเอกชน (3) ได้ประโยชน์จากบาทแข็ง ทุก 1% ที่แข็ง จะบวกกับกำไรสุทธิ 4%
คาดกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 127 ลบ. +45% Y-Y และปี 2018 ที่ 150 ลบ. +19% Y-Y ขณะที่ PE2018 ยังต่ำเพียง 13 เท่า, PEG 0.7 เท่า, และคาดปันผลเฉพาะ 2H17 สูงถึง 4% (ทั้งปี 6%)
ผู้บริหารซื้อหุ้นตั้งแต่ 13 ธ.ค. 17 ราว 2.5 ล้านหุ้น ต้นทุนเฉลี่ย 3.18 บาท ถือเป็นจิตวิทยาการลงทุนเชิงบวก แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 5 บาท
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) สนช. ขยายเวลาเลือกตั้ง 90 วัน ที่ประชุม สนช. ขยายบังคับ ก.ม. เลือก ส.ส. ออกไปอีก 90 วัน นับจากวันประกาศราชกิจจาฯ เพื่อทำความเข้าใจกับพรรรคการเมือง และให้ความรู้ประชาชน ทำให้การเลือกตั้งถูกเลื่อนออกไปเป็น ก.พ. 62 ระยะเวลาดังกลาวถือเป็นสิ่งที่ตลาดคาด จึงไม่น่ากระทบกับ Sentiment มากนัก หลังจากนี้ตลาดจะโฟกัสที่ผลประกอบการมากขึ้น ซึ่งเรายังเชื่อว่าจะมี sell on fact
(+) แนวโน้มกลุ่มการแพทย์ปี 2018 เราคาดว่าภาพรวมของกลุ่มการแพทย์เริ่มกลับมาดุน่าสนใจมากขึ้นในปี 2018 จากกำไรที่คาดว่าจะเติบโตเร่งตัวขึ้น 7.5% Y-Y จากปี 2017 ที่คาดว่าจะทำได้เพียงแค่ทรงตัว โดยเราคาดว่ากลุ่มฯจะได้อานิสงส์จากการบริโภคและเศรษฐกิจในประเทศที่เร่งตัวขึ้น ขณะที่ตลาดต่างชาติยังเติบโตได้ดีต่อเนื่องตามทิศทางจำนวนนักท่องเที่ยว ขณะที่แง่ราคาถือว่า Laggard SET อย่างมีนัยยะในปีที่ผ่านมา จึงมองว่าเป็นจังหวะที่น่าสนใจในการลงทุนอีกครั้ง เรายังคงน้ำหนักการลงทุน Overweight โดยเลือก BCH และ EKH เป็น Top Pick
(+) AMATA แนวโน้มกำไร 4Q17 -23% Q-Q, -39% Y-Y เพราะลูกค้าบางส่วนรอความชัดเจนของกม. EEC ซึ่งคาดเสร็จสมบูรณ์ใน 1Q18 แต่น่าจะทำให้กำไรสุทธิทั้งปีโตได้ 17% Y-Y และคาดโตต่อ 18% Y-Y ในปีนี้ ระยะยาวยังสดใสจากอานิสงส์ของ EEC เพราะมีพื้นที่พร้อมขายกว่า 1 หมื่นไร่ในระยองและชลบุรี ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 30 บาทจาก 27 บาทโดยปรับ PE ขึ้นสะท้อนการเติบโตที่สดใสในระยะยาว
(+) FN แนวโน้มกำไรสุทธิ 4Q17 จะฟื้นตัว Q-Q เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ไตรมาส แม้ SSSG ยังติดลบต่อเนื่อง แต่เริ่มติดลบน้อยลง กอปรกับเป็นช่วง High Season ของธุรกิจ และผลตอบรับที่ดีของการเปิดสาขาใหม่ที่ฉะเชิงเทรา ทั้งนี้หากพิจารณาเป็นรายเดือน บริษัทเริ่มเห็น SSSG พลิกเป็นบวกในเดือน พ.ย. 17 ถือเป็นสัญญาณการฟื้นตัวที่จะกลับมาดีขึ้นในปีนี้ และยังมีแผนเปิดสาขาใหม่ต่อเนื่องอย่างน้อย 2 แห่ง ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างพิจารณาเปิดสาขาแรกในกทม.หรือปริมณฑล เราคาดผ่านกำไรต่ำสุดแล้วในปี 2017 ที่ 86 ลบ. -44.3% Y-Y และคาดจะกลับมา +74.5% Y-Y ในปี 2018 ยังคงราคาเป้าหมาย 5.6 บาท ปรับคำแนะนำขึ้นเป็นซื้อ
(0) สนช. ขยายเวลาเลือกตั้ง 90 วัน ที่ประชุม สนช. ขยายบังคับ ก.ม. เลือก ส.ส. ออกไปอีก 90 วัน นับจากวันประกาศราชกิจจาฯ เพื่อทำความเข้าใจกับพรรรคการเมือง และให้ความรู้ประชาชน ทำให้การเลือกตั้งถูกเลื่อนออกไปเป็น ก.พ. 62 ระยะเวลาดังกลาวถือเป็นสิ่งที่ตลาดคาด จึงไม่น่ากระทบกับ Sentiment มากนัก หลังจากนี้ตลาดจะโฟกัสที่ผลประกอบการมากขึ้น ซึ่งเรายังเชื่อว่าจะมี sell on fact
(+) แนวโน้มกลุ่มการแพทย์ปี 2018 เราคาดว่าภาพรวมของกลุ่มการแพทย์เริ่มกลับมาดุน่าสนใจมากขึ้นในปี 2018 จากกำไรที่คาดว่าจะเติบโตเร่งตัวขึ้น 7.5% Y-Y จากปี 2017 ที่คาดว่าจะทำได้เพียงแค่ทรงตัว โดยเราคาดว่ากลุ่มฯจะได้อานิสงส์จากการบริโภคและเศรษฐกิจในประเทศที่เร่งตัวขึ้น ขณะที่ตลาดต่างชาติยังเติบโตได้ดีต่อเนื่องตามทิศทางจำนวนนักท่องเที่ยว ขณะที่แง่ราคาถือว่า Laggard SET อย่างมีนัยยะในปีที่ผ่านมา จึงมองว่าเป็นจังหวะที่น่าสนใจในการลงทุนอีกครั้ง เรายังคงน้ำหนักการลงทุน Overweight โดยเลือก BCH และ EKH เป็น Top Pick
(+) AMATA แนวโน้มกำไร 4Q17 -23% Q-Q, -39% Y-Y เพราะลูกค้าบางส่วนรอความชัดเจนของกม. EEC ซึ่งคาดเสร็จสมบูรณ์ใน 1Q18 แต่น่าจะทำให้กำไรสุทธิทั้งปีโตได้ 17% Y-Y และคาดโตต่อ 18% Y-Y ในปีนี้ ระยะยาวยังสดใสจากอานิสงส์ของ EEC เพราะมีพื้นที่พร้อมขายกว่า 1 หมื่นไร่ในระยองและชลบุรี ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 30 บาทจาก 27 บาทโดยปรับ PE ขึ้นสะท้อนการเติบโตที่สดใสในระยะยาว
(+) FN แนวโน้มกำไรสุทธิ 4Q17 จะฟื้นตัว Q-Q เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ไตรมาส แม้ SSSG ยังติดลบต่อเนื่อง แต่เริ่มติดลบน้อยลง กอปรกับเป็นช่วง High Season ของธุรกิจ และผลตอบรับที่ดีของการเปิดสาขาใหม่ที่ฉะเชิงเทรา ทั้งนี้หากพิจารณาเป็นรายเดือน บริษัทเริ่มเห็น SSSG พลิกเป็นบวกในเดือน พ.ย. 17 ถือเป็นสัญญาณการฟื้นตัวที่จะกลับมาดีขึ้นในปีนี้ และยังมีแผนเปิดสาขาใหม่ต่อเนื่องอย่างน้อย 2 แห่ง ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างพิจารณาเปิดสาขาแรกในกทม.หรือปริมณฑล เราคาดผ่านกำไรต่ำสุดแล้วในปี 2017 ที่ 86 ลบ. -44.3% Y-Y และคาดจะกลับมา +74.5% Y-Y ในปี 2018 ยังคงราคาเป้าหมาย 5.6 บาท ปรับคำแนะนำขึ้นเป็นซื้อ
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
25 ม.ค.- ยูโรโซน: ประชุม ECB คาดคงดอกเบี้ยที่ 0.00%
- สหรัฐฯ: ยอดขายบ้านใหม่ (ธ.ค. 17)
26 ม.ค.- สหรัฐฯ: 4Q17 GDP คาด 3% จากงวดก่อน 3.2%
1 ก.พ - จีน: Caixin PMI ภาคการผลิต (ม.ค. 18)
- สหรัฐฯ: ISM ภาคการผลิต (ม.ค. 18) ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชน ADP (ม.ค. 18)
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนนี้ปิดทำนิวไฮ รับผลประกอบการของ บจ.ที่สดใส โดยเฉพาะ Caterpillar หักล้างการแข็งค่าของดอลลาร์ได้
(-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ ได้รับแรงกดดันจากค่าเงินยูโรที่แข็งค่าและการคาดการณ์ของตลาดว่า ECB จะยุติการใช้ QE
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดบวกลบสลับ
(+) ค่าเงินบาทล่าสุดแข็งค่าขึ้นมาแตะระดับ 31.38 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ปรับลงเล็กน้อย 0.10 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 66.51 ดอลลาร์/บาร์เรล เพราะค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าหลังทรัมป์ส่งสัญญาณหนุนการแข็งค่าของเงินดอลลาร์
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. พุ่งขึ้น 6.60 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,362.90 ดอลลาร์/ออนซ์ จากค่าเงินดอลลาร์ที่ยังคงอ่อนค่าลงต่อเนื่อง
Contact person : Jitra Amornthum
Register : 014530 Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research
OO4914
25 ม.ค.- ยูโรโซน: ประชุม ECB คาดคงดอกเบี้ยที่ 0.00%
- สหรัฐฯ: ยอดขายบ้านใหม่ (ธ.ค. 17)
26 ม.ค.- สหรัฐฯ: 4Q17 GDP คาด 3% จากงวดก่อน 3.2%
1 ก.พ - จีน: Caixin PMI ภาคการผลิต (ม.ค. 18)
- สหรัฐฯ: ISM ภาคการผลิต (ม.ค. 18) ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชน ADP (ม.ค. 18)
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนนี้ปิดทำนิวไฮ รับผลประกอบการของ บจ.ที่สดใส โดยเฉพาะ Caterpillar หักล้างการแข็งค่าของดอลลาร์ได้
(-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ ได้รับแรงกดดันจากค่าเงินยูโรที่แข็งค่าและการคาดการณ์ของตลาดว่า ECB จะยุติการใช้ QE
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดบวกลบสลับ
(+) ค่าเงินบาทล่าสุดแข็งค่าขึ้นมาแตะระดับ 31.38 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ปรับลงเล็กน้อย 0.10 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 66.51 ดอลลาร์/บาร์เรล เพราะค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าหลังทรัมป์ส่งสัญญาณหนุนการแข็งค่าของเงินดอลลาร์
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. พุ่งขึ้น 6.60 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,362.90 ดอลลาร์/ออนซ์ จากค่าเงินดอลลาร์ที่ยังคงอ่อนค่าลงต่อเนื่อง
Contact person : Jitra Amornthum
Register : 014530 Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research
OO4914