- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 25 January 2018 16:26
- Hits: 13153
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily
SET INDEX
1838.96 +7.18(+0.39) // Vol. 60,419
แกว่งตัวผันผวน พร้อมกับมีโอกาสขยับขึ้นทำ New High
กรอบการเคลื่อนไหว 1832-1843
ดัชนีวานนี้สามารถเดินหน้าทำ All Time High ที่ 1841 จุด ถึงแม้ในช่วงเช้ายังมีความลังเลแกว่งตัวสลับขึ้นลงในกรอบแคบ ๆ โดยมีแรงซื้อในช่วงบ่ายดันดัชนีขึ้นมาแตะ 1841 จุด ก่อนที่จะอ่อนตัวเล็กน้อยลงมาทำปิดที่ 1838 จุด หรือทำปิดที่ฝ่า High เก่า (1837) ส่งผลให้ Momentum ของการขยับเดินหน้าได้ต่อ ซึ่งคาดว่าดัชนีน่าจะยกฐานขึ้นมาแกว่งตัวที่ยืน 1830 จุด ขณะที่ระยะสั้นเป้าหมายการขึ้นที่ 1843 // 1847 จุด โดยบริเวณแนวต้านอาจจะแรงขายกดดัชนี
แนวรับ 1825-1832
แนวต้าน 1843-1847
Technical Analyst : พรรณนภา เขมะสุรัตน์ // เลขทะเบียน 060110 // Tel. : 02-648-1124 // phannapa.k@ktbst .co.th
1838.96 +7.18(+0.39) // Vol. 60,419
แกว่งตัวผันผวน พร้อมกับมีโอกาสขยับขึ้นทำ New High
กรอบการเคลื่อนไหว 1832-1843
ดัชนีวานนี้สามารถเดินหน้าทำ All Time High ที่ 1841 จุด ถึงแม้ในช่วงเช้ายังมีความลังเลแกว่งตัวสลับขึ้นลงในกรอบแคบ ๆ โดยมีแรงซื้อในช่วงบ่ายดันดัชนีขึ้นมาแตะ 1841 จุด ก่อนที่จะอ่อนตัวเล็กน้อยลงมาทำปิดที่ 1838 จุด หรือทำปิดที่ฝ่า High เก่า (1837) ส่งผลให้ Momentum ของการขยับเดินหน้าได้ต่อ ซึ่งคาดว่าดัชนีน่าจะยกฐานขึ้นมาแกว่งตัวที่ยืน 1830 จุด ขณะที่ระยะสั้นเป้าหมายการขึ้นที่ 1843 // 1847 จุด โดยบริเวณแนวต้านอาจจะแรงขายกดดัชนี
แนวรับ 1825-1832
แนวต้าน 1843-1847
Technical Analyst : พรรณนภา เขมะสุรัตน์ // เลขทะเบียน 060110 // Tel. : 02-648-1124 // phannapa.k@ktbst .co.th
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell
“ดอลล่าร์อ่อนและรอประชุม ECB ”
ทิศทางตลาดหุ้นไทย:
เรามองว่าภาพตลาดในวันนี้จะเป็นลักษณะเดียวกับเมื่อวานนั่นคือมีการเคลื่อนไหวในลักษณะ sideway, แกว่งตัวในกรอบแคบ, และปริมาณการซื้อขายเบาบางกว่าวันก่อนๆ เนื่องจากนักลงทุนรอความชัดเจนเรื่องมาตรการ QE (25) ยุโรปที่จะรู้ผลในช่วงคื่นนี้และกำหนดการเลือกตั้งของไทย ซึ่งเป็นตัวแปรที่รบกวนตลาดในช่วงหลายที่ผ่านมา .... ภาพต่างประเทศ ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงมาก, ราคาน้ำมันดิบอยู่ในระดับสูง .... ปัจจัยในประเทศ วันนี้ติดตามกำหนดการเลือกตั้งว่าจะเลื่อนออกไป 90 วันหรือไม่
กลยุทธ์การลงทุน:
เรายังคงแนะนำให้ลดพอร์ทในหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมามาก หรือมี upside เหลือน้อย การเก็งกำไรระหว่างวันให้เลือกหุ้นในลักษณะ selective buy .... หลักเลี่ยงการลงทุนที่มีรายได้อิงกับการส่งออก นอกจากนี้เรามองหุ้นกลุ่มรับเหมาฯ, กลุ่มนิคมฯ, และ กลุ่มที่อิง EEC ยังมีความเสี่ยงจากการประกาศกำหนดการเลือกตั้ง (ทราบผลวันนี้).... การเก็งกำไรในหุ้นระหว่างวัน แนะนำเป็นหุ้นที่มีปัจัยบวกเฉพาะตัว, หุ้นที่มีความปลอดภัย, หรือหุ้นที่ราคาปรับลงมามาก โดยหุ้นที่ติด most active และตลาดยังให้ความสนใจต่อเนื่อง ได้แก่ PTTEP*, TRUE*
หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์: LANNA*
หุ้น Active ที่น่าสนใจ
(+) PTTEP:
เรามองว่าราคาน้ำมันดิบมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องได้ จากตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯที่ปรับตัวลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 10 ติดต่อกัน อีกทั้งค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงจะส่งผลให้ราคา commodity ปรับตัวขึ้น เป็นบวกต่อ PTTEP
(+) TRUE:
เรายังคงให้ความสนใจในกลุ่ม telecom เนื่องจากมองว่านักลงทุนจะหันมาสนใจกลุ่มที่อิง domestic play มากขึ้นหลังปัจจัยเรื่องต่างประเทศยังไม่ชัดเจน อีกทั้งเรามองว่ากลุ่มนี้จะได้รับผลกระทบหากมีการเลื่อนการเลือกตั้งน้อยกว่ากลุ่มอื่นๆ อีกทั้งยังมีปัจจัยบวกเฉพาะตัวเรื่องการแบ่งคลื่น 1800 MHz ที่จะเข้าประมูล 45 MHz จากเดิม 3 ใบอนุญาต ออกไปเป็น 9 ใบอนุญาต เป็นบวกต่อ เลือก TRUE โดยมองว่าวานนี้ปริมาณการซื้อขายในหุ้น TRUE มีเข้ามามาก
(-) KCE:
เราไม่แนะนำหุ้นที่มีรายได้อิงกับกลุ่มส่งออกเนื่องจากราคาดอลลาร์มีการอ่อนค่าลง โดย KCE มีรายได้อิงค่าเงินดอลลาร์อยู่ที่ราว 80% นอกจากนี้ KCE ยังได้รับแรงกดดันจากราคาทองแดงที่ยังอยู่ในระดับสูงอีกด้วย .... ราคาที่เหมาะสมโดย KTBST ที่ 85.50 บาท
(+) LANNA:
เรามองราคาดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง จะส่งผลให้ราคา commodity ปรับตัวขึ้นได้ โดยราคาถ่านหินสามารถทรงตัวในระดับสูง โดยราคาล่าสุดอยู่ที่ระดับประมาณ 107 ดอลลาร์/ตัน
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
หุ้นมีประเด็น
(+) BANK: (Neutral, Top pick - KBANK)
จากประกาศของ ธปท. เรื่องการอนุญาตให้ธนาคารและบริษัทในกลุ่มให้บริการแพลตฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์ (e-Marketplace Platform) เรามีมุมมองเชิงบวกต่อประเด็นดังกล่าว เราคาดว่า ธนาคารจะสามารถสร้างรายได้ค่าธรรมเนียมและสามารถเพิ่มสัดส่วนเงินฝาก CASA ที่มีต้นทุนทางการเงินที่ต่ำได้ ซึ่งกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่จะเป็นผู้เล่นที่ได้ประโยชน์มากกว่าธนาคารขนาดเล็ก เพราะมีฐานลูกค้าที่ใหญ่กว่า ขณะที่เรามองว่า KBANK จะเป็นธนาคารที่ได้ประโยชน์ก่อนธนาคารอื่นๆ เพราะเป็นธนาคารที่มีการเตรียมพร้อมมากที่สุด โดยเรายังคงเลือก KBANK เป็น Top Pick ในกลุ่มธนาคาร คำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าเหมาะสมที่ 246 บาท
(0) Auto Sector (Neutral, Top pick - AH)
จากประกาศของ ธปท. เรื่องการอนุญาตให้ธนาคารและบริษัทในกลุ่มให้บริการแพลตฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์ (e-Marketplace Platform) เรามีมุมมองเชิงบวกต่อประเด็นดังกล่าว เราคาดว่า ธนาคารจะสามารถสร้างรายได้ค่าธรรมเนียมและสามารถเพิ่มสัดส่วนเงินฝาก CASA ที่มีต้นทุนทางการเงินที่ต่ำได้ ซึ่งกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่จะเป็นผู้เล่นที่ได้ประโยชน์มากกว่าธนาคารขนาดเล็ก เพราะมีฐานลูกค้าที่ใหญ่กว่า ขณะที่เรามองว่า KBANK จะเป็นธนาคารที่ได้ประโยชน์ก่อนธนาคารอื่นๆ เพราะเป็นธนาคารที่มีการเตรียมพร้อมมากที่สุด โดยเรายังคงเลือก KBANK เป็น Top Pick ในกลุ่มธนาคาร คำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าเหมาะสมที่ 246 บาท
จากประกาศของ ธปท. เรื่องการอนุญาตให้ธนาคารและบริษัทในกลุ่มให้บริการแพลตฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์ (e-Marketplace Platform) เรามีมุมมองเชิงบวกต่อประเด็นดังกล่าว เราคาดว่า ธนาคารจะสามารถสร้างรายได้ค่าธรรมเนียมและสามารถเพิ่มสัดส่วนเงินฝาก CASA ที่มีต้นทุนทางการเงินที่ต่ำได้ ซึ่งกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่จะเป็นผู้เล่นที่ได้ประโยชน์มากกว่าธนาคารขนาดเล็ก เพราะมีฐานลูกค้าที่ใหญ่กว่า ขณะที่เรามองว่า KBANK จะเป็นธนาคารที่ได้ประโยชน์ก่อนธนาคารอื่นๆ เพราะเป็นธนาคารที่มีการเตรียมพร้อมมากที่สุด โดยเรายังคงเลือก KBANK เป็น Top Pick ในกลุ่มธนาคาร คำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าเหมาะสมที่ 246 บาท
(+) MTLS: (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 48 บาท)
เรามองว่าบริษัทจะยังมีกำไรสุทธิ 4Q17 เพิ่มขึ้นที่ 684 ล้านบาท (+42%YoY และ +5%QoQ) จากการขยายสาขาอย่างก้าวกระโดด (ณ 4Q17 อยู่ที่ 2,424 สาขา) เราคาดว่าสินเชื่อ 4Q17ขยายตัวจากปีก่อนที่ 34% ในขณะที่ NPLs Ratio ค่อนข้างทรงตัวจาก 3Q17 ที่ 1.2%อย่างไรก็ตาม จากปริมาณหุ้นกู้ที่เพิ่มขึ้นใน 4Q17 ที่ 1.25 พันล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 86%YoY และ 0.4%QoQ เราปรับประมาณกำไรสุทธิปี 2018 เพิ่มขึ้น 11%จากการขยายสาขาที่สูงกว่าประมาณการเดิม และอัตราดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้นตามการออกหุ้นกู้ระยะยาวเพิ่มขึ้น เราคาดว่าปี 2018 บริษัทจะมีสาขาอยู่ที่ 3.1 พันสาขา เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายใหม่ 48 บาท (อิง PBV 8.6x)
เรามองว่าบริษัทจะยังมีกำไรสุทธิ 4Q17 เพิ่มขึ้นที่ 684 ล้านบาท (+42%YoY และ +5%QoQ) จากการขยายสาขาอย่างก้าวกระโดด (ณ 4Q17 อยู่ที่ 2,424 สาขา) เราคาดว่าสินเชื่อ 4Q17ขยายตัวจากปีก่อนที่ 34% ในขณะที่ NPLs Ratio ค่อนข้างทรงตัวจาก 3Q17 ที่ 1.2%อย่างไรก็ตาม จากปริมาณหุ้นกู้ที่เพิ่มขึ้นใน 4Q17 ที่ 1.25 พันล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 86%YoY และ 0.4%QoQ เราปรับประมาณกำไรสุทธิปี 2018 เพิ่มขึ้น 11%จากการขยายสาขาที่สูงกว่าประมาณการเดิม และอัตราดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้นตามการออกหุ้นกู้ระยะยาวเพิ่มขึ้น เราคาดว่าปี 2018 บริษัทจะมีสาขาอยู่ที่ 3.1 พันสาขา เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายใหม่ 48 บาท (อิง PBV 8.6x)
(+) DDD: (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 125 บาท)
DDD ประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Skin care ภายใต้แบรนด์ “NAMU LIFE”โดยมีชื่อกลุ่มผลิตภัณฑ์ “SNAIL WHITE” ซึ่งมีวัตถุดิบหลัก คือ เมือกหอยทาก เจาะตลาดกลุ่ม Premium Mass สำหรับกำไรสุทธิใน 4Q17 เรามองว่าจะเติบโตโดดเด่น 120% YoY, 24% QoQ ส่งผลมาจาก i) ฐานรายได้และกำไรสุทธิที่ต่ำใน 4Q16 เนื่องจากอยู่ระหว่างพิธีไว้อาลัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่9, ii) Domestic spending sentiment ที่ฟื้นตัวหลังพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ และเข้าสู่ High Season ของการท่องเที่ยว,
iii) จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เพิ่มขึ้น 19.5%
YoY สำหรับปี2018 เรามองว่ากำไรยังเติบโตได้สูงอย่างต่อเนีื่องที่ 78% YoY อยู่ที่ 662 ล้านบาท เราเชื่อว่า DDD ควรเทรดที่ premium เทียบกับ peer เนื่องจากกำไรสุทธิเติบโตโดดเด่น และมี ROE ที่สูงถึง 85% แม้ PER จะอยู่ที่ 55.9x แต่มีPEG 0.71x 2018 ซึ่งต่ำกว่าอุตสาหกรรมที่ 1.4x เราจึงเริ่มต้นให้คำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 125 บาท
(0) SPALI (ถือ, ราคาเป้าหมาย 27 บาท)
วานนี้ SPALI จัด Analyst Meeting แถลงแผนธุรกิจปี 2018 โดยเรามีมุมมองเป็นกลาง แม้ SPALI จะตั้งเป้าหมายทำสถิติสูงสุดใหม่ทั้ง Presale และรายได้ อย่างไรก็ตาม เป้าหมายการเติบโตดูไม่ตื่นเต้นมากนัก โดยในแง่ Presale ตั้งเป้าเติบโต 7% และรายได้ตั้งเป้าเติบโต 6% จากเป้าหมายรายได้ในปี 2017 ด้านกำไรสุทธิปี 2017 – 2018 เรายังคงประมาณการเดิม โดยคาดว่ากำไรสุทธิ 4Q17 ยังทำได้ดีราว 1.46 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% YoY แต่ลดลง 30% QoQ ทำให้กำไรสุทธิทั้งปี 2017 จะอยู่ที่ 5.57 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 14%YoY แต่หากเทียบกำไรปกติจะอยู่ที่ 5.25 พันล้านบาท เติบโต 7% YoY สำหรับปี 2018 ยังประเมินกำไรปกติที่ 5.83 พันล้านบาท เติบโต 11% YoY ทั้งนี้ เรายังคงราคาเป้าหมายที่ 27 บาท แต่ปรับลดคำแนะนำเป็น ถือ จากเดิม ซื้อ เนื่องจากราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นสะท้อนข่าวแผนธุรกิจในปี 2018 แล้ว สำหรับปี 2018 SPALI กลับมาจากเงินปันผลตามปกติ โดยเราคาดอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลในปี 2018 ราว 4.5% ต่อปี
(+) SENA (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 4.70 บาท)
ผู้บริหาร SENA ตั้งเป้าหมาย Presale ปี 2018 ที่ 1.03 หมื่นล้านบาท เติบโต 66% YoY และตั้งเป้ารายได้อยู่ที่ 5.2 พันล้านบาท โดยวางแผนเปิดโครงการใหม่ในปี 2018 จำนวน 18 โครงการ มูลค่ารวม 2.3 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 3 โครงการ และโครงการคอนโด 15 โครงการ ซึ่งปี 2018 ถือว่ามีการเปิดโครงการที่เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปีก่อน นอกจากนั้น SENA ยังมีการตั้งเป้าหมาย Presales ในปี 2019 - 2020 จะอยู่ที่ 1.45 หมื่นล้านบาท และ 1.83 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ
ความเห็น: เรามีมุมมองเป็นบวกต่อแผนธุรกิจในปี 2018 ที่มีการตั้งเป้าหมายที่เติบโตอย่างโดดเด่น ทั้งในด้าน Presale และรายได้ โดยในส่วนของ Presale นับว่ามีอัตราการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2017 ส่วนในด้านรายได้ในปี 2018 คาดจะมีอัตราการเติบโตที่ดีขึ้น ทั้งนี้ เราประเมินแนวโน้มกำไรสุทธิ 4Q17 จะกลับมาปรับตัวดีขึ้นอย่างโดดเด่น และมีลุ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ จากการโอนคอนโด Niche Pride Petchaburi มากขึ้น และเราประเมินกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 763 ล้านบาท ทรงตัว YoY สำหรับราคาหุ้น SENA นับว่ายังถูก คิดเป็น PER เพียง 6.7 เท่า และคาดอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลราว 5% ต่อปี เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ เป้าหมาย 4.70 บาท
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (24 ม.ค.) – ตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,838.96 จุด เพิ่มขึ้น 7.18 จุด หรือ +0.39% มูลค่าการซื้อขาย 60,453.92 ล้านบาท มูลค่าการซื้อขายน้อยกว่าวันก่อนหน้า เนื่องจากนักลงทุนรอปัจจัยที่ชัดเจนจากทั้งมาตรการปรับลด QE และกำหนดการการเลือกตั้ง
ปัจจัยต่างประเทศ
(-) ตัวเลขยอดขายบ้านมือสองสหรัฐฯลดลงเล็กน้อย – ยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐฯร่วงลง 3.6% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 5.57 ล้านยูนิต โดยลดลงทุกภูมิภาค ในขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่ายอดขายบ้านมือสองจะลดลง 2.2% สู่ระดับ 5.70 ล้านยูนิตในเดือนธ.ค.
(+/-) ติดตามความชัดเจนมาตรการปรับลด QE - การประชุม ECB จะเริ่มต้นขึ้นในวันนี้ ติดตามการส่งสัญญาณหยุดใช้ QE โดยการประชุมในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา มีการปรับประมาณการเศรษฐกิจที่ดีขึ้นและแนวโน้มที่จะหยุดการใช้มาตรการ QE ตลาดประเมิน การลด QE จะเกิดหลังจาก เดือน ก.ย.61
(+) ราคาน้ำมันดิบสามารถปรับตัวขึ้นต่อได้ – ราคาน้ำมันดิบวันนี้ปรับตัวขึ้น 1.14 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 65.61 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 10
(+/-) ค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวลง – สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ได้กล่าวว่า การที่ดอลลาร์อ่อนค่าลงในระยะนี้ เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจของสหรัฐ ส่งผลให้ค่าเงินบาทเทียบดอลลาร์แข็งค่ามาอยู่ที่ 31.50 บาท/ดอลลาร์ และยังมีแนวโน้มแข็งค่าต่อไปได้อีก
ปัจจัยในประเทศ
(+/-) ติดตามประเด็นกำหนดการเลือกตั้งในวันนี้ – ในวันนี้จะมีการออกกำหนด พ.ร.ป. สำหรับการเลือกตั้ง ซึ่งต้องติดตามว่าจะเลื่อนออกไป 90 วันหรือไม่ หากมีการเลื่อนออกไปจริง เรามองจะเป็นลบต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาฯ, กลุ่มนิคมฯ, กลุ่มที่อิง EEC
(+) ประกาศแผนระยะยาวมอเตอร์เวย์วงเงินรวม 2 ล้านล้านบาท – รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า กรมทางหลวงได้เสนอแผนแม่บทลงทุนก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง หรือ มอเตอร์เวย์ระยะ 20 ปี (2560-2579) จำนวน 21 เส้นทาง ระยะทาง 6,612 กิโลเมตร (กม.) วงเงิน 2 ล้านล้านบาท (โพสต์ทูเดย์, 25/01/2018)
Analyst
Mongkol Puangpetra
License No: 001937
+662 648 1123
[email protected]
Nontapat Rushtasomboon
License No: 081447
+662 648 1127
[email protected]
OO4860
DDD ประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Skin care ภายใต้แบรนด์ “NAMU LIFE”โดยมีชื่อกลุ่มผลิตภัณฑ์ “SNAIL WHITE” ซึ่งมีวัตถุดิบหลัก คือ เมือกหอยทาก เจาะตลาดกลุ่ม Premium Mass สำหรับกำไรสุทธิใน 4Q17 เรามองว่าจะเติบโตโดดเด่น 120% YoY, 24% QoQ ส่งผลมาจาก i) ฐานรายได้และกำไรสุทธิที่ต่ำใน 4Q16 เนื่องจากอยู่ระหว่างพิธีไว้อาลัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่9, ii) Domestic spending sentiment ที่ฟื้นตัวหลังพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ และเข้าสู่ High Season ของการท่องเที่ยว,
iii) จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เพิ่มขึ้น 19.5%
YoY สำหรับปี2018 เรามองว่ากำไรยังเติบโตได้สูงอย่างต่อเนีื่องที่ 78% YoY อยู่ที่ 662 ล้านบาท เราเชื่อว่า DDD ควรเทรดที่ premium เทียบกับ peer เนื่องจากกำไรสุทธิเติบโตโดดเด่น และมี ROE ที่สูงถึง 85% แม้ PER จะอยู่ที่ 55.9x แต่มีPEG 0.71x 2018 ซึ่งต่ำกว่าอุตสาหกรรมที่ 1.4x เราจึงเริ่มต้นให้คำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 125 บาท
(0) SPALI (ถือ, ราคาเป้าหมาย 27 บาท)
วานนี้ SPALI จัด Analyst Meeting แถลงแผนธุรกิจปี 2018 โดยเรามีมุมมองเป็นกลาง แม้ SPALI จะตั้งเป้าหมายทำสถิติสูงสุดใหม่ทั้ง Presale และรายได้ อย่างไรก็ตาม เป้าหมายการเติบโตดูไม่ตื่นเต้นมากนัก โดยในแง่ Presale ตั้งเป้าเติบโต 7% และรายได้ตั้งเป้าเติบโต 6% จากเป้าหมายรายได้ในปี 2017 ด้านกำไรสุทธิปี 2017 – 2018 เรายังคงประมาณการเดิม โดยคาดว่ากำไรสุทธิ 4Q17 ยังทำได้ดีราว 1.46 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% YoY แต่ลดลง 30% QoQ ทำให้กำไรสุทธิทั้งปี 2017 จะอยู่ที่ 5.57 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 14%YoY แต่หากเทียบกำไรปกติจะอยู่ที่ 5.25 พันล้านบาท เติบโต 7% YoY สำหรับปี 2018 ยังประเมินกำไรปกติที่ 5.83 พันล้านบาท เติบโต 11% YoY ทั้งนี้ เรายังคงราคาเป้าหมายที่ 27 บาท แต่ปรับลดคำแนะนำเป็น ถือ จากเดิม ซื้อ เนื่องจากราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นสะท้อนข่าวแผนธุรกิจในปี 2018 แล้ว สำหรับปี 2018 SPALI กลับมาจากเงินปันผลตามปกติ โดยเราคาดอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลในปี 2018 ราว 4.5% ต่อปี
(+) SENA (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 4.70 บาท)
ผู้บริหาร SENA ตั้งเป้าหมาย Presale ปี 2018 ที่ 1.03 หมื่นล้านบาท เติบโต 66% YoY และตั้งเป้ารายได้อยู่ที่ 5.2 พันล้านบาท โดยวางแผนเปิดโครงการใหม่ในปี 2018 จำนวน 18 โครงการ มูลค่ารวม 2.3 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 3 โครงการ และโครงการคอนโด 15 โครงการ ซึ่งปี 2018 ถือว่ามีการเปิดโครงการที่เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปีก่อน นอกจากนั้น SENA ยังมีการตั้งเป้าหมาย Presales ในปี 2019 - 2020 จะอยู่ที่ 1.45 หมื่นล้านบาท และ 1.83 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ
ความเห็น: เรามีมุมมองเป็นบวกต่อแผนธุรกิจในปี 2018 ที่มีการตั้งเป้าหมายที่เติบโตอย่างโดดเด่น ทั้งในด้าน Presale และรายได้ โดยในส่วนของ Presale นับว่ามีอัตราการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2017 ส่วนในด้านรายได้ในปี 2018 คาดจะมีอัตราการเติบโตที่ดีขึ้น ทั้งนี้ เราประเมินแนวโน้มกำไรสุทธิ 4Q17 จะกลับมาปรับตัวดีขึ้นอย่างโดดเด่น และมีลุ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ จากการโอนคอนโด Niche Pride Petchaburi มากขึ้น และเราประเมินกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 763 ล้านบาท ทรงตัว YoY สำหรับราคาหุ้น SENA นับว่ายังถูก คิดเป็น PER เพียง 6.7 เท่า และคาดอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลราว 5% ต่อปี เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ เป้าหมาย 4.70 บาท
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (24 ม.ค.) – ตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,838.96 จุด เพิ่มขึ้น 7.18 จุด หรือ +0.39% มูลค่าการซื้อขาย 60,453.92 ล้านบาท มูลค่าการซื้อขายน้อยกว่าวันก่อนหน้า เนื่องจากนักลงทุนรอปัจจัยที่ชัดเจนจากทั้งมาตรการปรับลด QE และกำหนดการการเลือกตั้ง
ปัจจัยต่างประเทศ
(-) ตัวเลขยอดขายบ้านมือสองสหรัฐฯลดลงเล็กน้อย – ยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐฯร่วงลง 3.6% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 5.57 ล้านยูนิต โดยลดลงทุกภูมิภาค ในขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่ายอดขายบ้านมือสองจะลดลง 2.2% สู่ระดับ 5.70 ล้านยูนิตในเดือนธ.ค.
(+/-) ติดตามความชัดเจนมาตรการปรับลด QE - การประชุม ECB จะเริ่มต้นขึ้นในวันนี้ ติดตามการส่งสัญญาณหยุดใช้ QE โดยการประชุมในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา มีการปรับประมาณการเศรษฐกิจที่ดีขึ้นและแนวโน้มที่จะหยุดการใช้มาตรการ QE ตลาดประเมิน การลด QE จะเกิดหลังจาก เดือน ก.ย.61
(+) ราคาน้ำมันดิบสามารถปรับตัวขึ้นต่อได้ – ราคาน้ำมันดิบวันนี้ปรับตัวขึ้น 1.14 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 65.61 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 10
(+/-) ค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวลง – สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ได้กล่าวว่า การที่ดอลลาร์อ่อนค่าลงในระยะนี้ เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจของสหรัฐ ส่งผลให้ค่าเงินบาทเทียบดอลลาร์แข็งค่ามาอยู่ที่ 31.50 บาท/ดอลลาร์ และยังมีแนวโน้มแข็งค่าต่อไปได้อีก
ปัจจัยในประเทศ
(+/-) ติดตามประเด็นกำหนดการเลือกตั้งในวันนี้ – ในวันนี้จะมีการออกกำหนด พ.ร.ป. สำหรับการเลือกตั้ง ซึ่งต้องติดตามว่าจะเลื่อนออกไป 90 วันหรือไม่ หากมีการเลื่อนออกไปจริง เรามองจะเป็นลบต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาฯ, กลุ่มนิคมฯ, กลุ่มที่อิง EEC
(+) ประกาศแผนระยะยาวมอเตอร์เวย์วงเงินรวม 2 ล้านล้านบาท – รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า กรมทางหลวงได้เสนอแผนแม่บทลงทุนก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง หรือ มอเตอร์เวย์ระยะ 20 ปี (2560-2579) จำนวน 21 เส้นทาง ระยะทาง 6,612 กิโลเมตร (กม.) วงเงิน 2 ล้านล้านบาท (โพสต์ทูเดย์, 25/01/2018)
Analyst
Mongkol Puangpetra
License No: 001937
+662 648 1123
[email protected]
Nontapat Rushtasomboon
License No: 081447
+662 648 1127
[email protected]
OO4860