- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 24 January 2018 16:26
- Hits: 4477
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily
SET INDEX
1831.78 +7.72(+0.42) // Vol. 78,211
มีแนวโน้มแกว่งตัวขึ้น คาดหวังทำ All Time High กรอบการเคลื่อนไหว 1826-1842
ดัชนีวานนี้ยังคงเป็นภาพความผันผวน ด้วยการเปิดตัวแรงกระโดดสร้าง Gap ขึ้นยืน 1830 จุด ขึ้นทำ High ที่ 1836 จุด ซึ่งเป็นการทดสอบเข้าใกล้ High เดิม (1837) ที่ทำไว้เมื่อ 18 ม.ค.ที่ผ่านมา แต่ยังไม่สามารถฝ่าขึ้นไปได้ ก่อนเผชิญแรงขายกดดัชนีไหลลงมาปิด Gap ได้ภายในวันด้วยการทำ Low 1825 จุด แต่มีแรงซื้อดีดกลับขึ้นมาทำปิด 1831 จุด ซึ่งเป็นการทำปิดที่ยืน 1830 จุดได้ในครั้งแรก ส่งผลให้แนวโน้มดัชนีมีทิศทางในเชิงบวก ทำให้เชื่อว่ามีโอกาสสร้าง All Time High ได้ในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งมีแนวต้านถัดไป 1843 จุด
แนวรับ
1820-1826
แนวต้าน
1837-1843
SET INDEX
1831.78 +7.72(+0.42) // Vol. 78,211
มีแนวโน้มแกว่งตัวขึ้น คาดหวังทำ All Time High กรอบการเคลื่อนไหว 1826-1842
ดัชนีวานนี้ยังคงเป็นภาพความผันผวน ด้วยการเปิดตัวแรงกระโดดสร้าง Gap ขึ้นยืน 1830 จุด ขึ้นทำ High ที่ 1836 จุด ซึ่งเป็นการทดสอบเข้าใกล้ High เดิม (1837) ที่ทำไว้เมื่อ 18 ม.ค.ที่ผ่านมา แต่ยังไม่สามารถฝ่าขึ้นไปได้ ก่อนเผชิญแรงขายกดดัชนีไหลลงมาปิด Gap ได้ภายในวันด้วยการทำ Low 1825 จุด แต่มีแรงซื้อดีดกลับขึ้นมาทำปิด 1831 จุด ซึ่งเป็นการทำปิดที่ยืน 1830 จุดได้ในครั้งแรก ส่งผลให้แนวโน้มดัชนีมีทิศทางในเชิงบวก ทำให้เชื่อว่ามีโอกาสสร้าง All Time High ได้ในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งมีแนวต้านถัดไป 1843 จุด
แนวรับ
1820-1826
แนวต้าน
1837-1843
Technical Analyst : พรรณนภา เขมะสุรัตน์ // เลขทะเบียน 060110 // Tel. : 02-648-1124 // phannapa.k@ktbst .co.th
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell
" ผันผวน รอประชุม ECB "
ทิศทางตลาดหุ้นไทย : เรามองว่าภาพตลาดในวันนี้จะเป็นการแกว่งตัวในกรอบแคบและปริมาณการซื้อขายเบาบางกว่าวันก่อน เนื่องจากนักลงทุนรอความชัดเจนเรื่องมาตรการ QE (25) ยุโรปและกำหนดการเลือกตั้งของไทย ซึ่งเป็นตัวแปรที่รบกวนตลาดในช่วงหลายที่ผ่านมา .... ภาพต่างประเทศ เศรษฐกิจยุโรปออกมาดี, ราคาน้ำมันดิบอยู่ในระดับสูง .... ปัจจัยในประเทศ วันนี้ติดตามยอดขายรถยนต์ คาดปรับตัวขึ้น YoY แต่ลดลง MoM, งบ SCC ตลาดคาดกำไร 1.21 หมื่นล้านบาท (+6% YoY, +2% QoQ)
กลยุทธ์การลงทุน : ภาพระยะสั้นตลาดขึ้นมามาก upside เริ่มจำกัด จึงยังคงแนะนำให้ลดพอร์ทในหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมามาก การเก็งกำไรระหว่างวันให้เลือกหุ้นในลักษณะ selective buy .... การเก็งกำไรในหุ้นระหว่างวัน แนะนำเป็นหุ้นที่ได้รับผลบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศเช่นกลุ่มค้าปลีก, หุ้นที่มีปัจัยบวกเฉพาะตัว, หุ้นที่มีความปลอดภัย, หรือหุ้นที่ราคาปรับลงมามาก โดยหุ้นที่ติด most active และตลาดยังให้ความสนใจต่อเนื่อง ได้แก่ PTTGC*, TRUE*, PTTEP*, BH
หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ : TU, LANNA*
หุ้นแนะนำทางเทคนิค : BJC, HMPRO, TTCL
หุ้น Active ที่น่าสนใจ
(+) PTTGC : เรายังคงแนะนำ PTTGC ต่อเนื่องจากวันก่อน ปริมาณการซื้อขายหุ้น PTTGC เข้ามามากตามคาดในช่วงวานนี้ จากแรงหนุนราคาขาย HDPE ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.5% WoW อีกทั้งราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นจะส่งผลให้กำไรจากโรงกลั่นของ PTTGC เพิ่มสูงขึ้น
(+) TRUE : เรายังคงให้ความสนใจในกลุ่ม Telecom จากปัจจัยบวกเฉพาะตัวเรื่องการแบ่งคลื่น 1800 MHz ที่จะเข้าประมูล 45 MHz จากเดิม 3 ใบอนุญาต ออกไปเป็น 9 ใบอนุญาต เป็นบวกต่อกลุ่ม โดยเรา switch จาก DTAC เป็น TRUE โดยมองว่าวานนี้ปริมาณการซื้อขายในหุ้น TRUE มีเข้ามามาก
(+) PTTEP : ราคาน้ำมันดิบยังคงสามารถทรงตัวในระดับสูงได้ โดยมีแรงหนุนจากตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ที่ลดลง 6.9 ล้านบาร์เรล ในขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 3.5 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 9 ติดต่อกัน โดยเรามองว่าประเด็นดังกล่าวจะหนุนให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นต่อได้ เป็นบวกต่อ PTTEP
(+) BH : เรามองว่า BH เป็นหุ้นที่จะได้ประโยชน์ในทางอ้อมจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นมาสูง แต่ยังไม่เป็นที่พูดถึงมากนัก เนื่องจากลูกค้าต่างประเทศส่วนใหญ่มาจากแถบตะวันออกกลาง นอกจากนี้เรายังคาดผลประกอบการช่วง 4Q17 ที่โดดเด่นที่ 990 ล้านบาท (+20% YoY, -6% QoQ) …. ราคาที้เหมาะสมโดย KTBST ที่ 223.50 บาท
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
หุ้นมีประเด็น
(+) THG : (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 47 บาท)
เมื่อวานนี้เราได้เข้าร่วม Group meeting ของ THG ซึ่งเรามีมุมมองถึงความเป็นไปได้ของโครงการ Jin Wellbeing County มากขึ้น โดยผู้บริหารได้รายงานตัวเลขผู้ทำสัญญาจองแล้วเป็นจำนวน 97 ห้อง เพิ่มขึ้น 13% ภายใน 1 เดือน รวมถึงอาจมีการจับมือกับพาร์ทเนอร์ในประเทศจีน เป็นโปรเจครับจ้างบริหารโรงพยาบาลในจีนมากขึ้น นอกจากนี้ THG ยังมีแผนการที่จะเข้าถือหุ้นในโรงพยาบาล Ar Yu International Health Care เป็น 40% ภายใน 1Q18 นี้ ซึ่งเรามองว่าตลาดเมียนมาร์เป็นตลาดที่น่าสนใจในด้าน Health Care ทำให้กำไรสุทธิในปี 2018 เติบโตมาอยู่ที่ 974 ล้านบาท เติบโตโดดเด่นถึง 84% YoY ซึ่งจะทำให้ PER ปี 2018 ลดลงเหลือเพียง 31.6 เท่า โดยเราประเมินมูลค่าหุ้นได้ที่ 47.00 บาท โดยวิธี SOTP ประกอบด้วยมูลค่าการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทคิดด้วยวิธี DCF (WACC = 6.8% Terminal Growth = 3%) และกำไรจากการตีมูลค่าที่ดิน คงคำแนะนำ "ซื้อ"
(+) SC : (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 5 บาท)
คาดกำไรสุทธิ 4Q17 จะเริ่มกลับมาโดดเด่นที่ 691 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 163% YoY และ 90% QoQ ตามการรับรู้รายได้จากยอด Backlog ที่สูง โดยเฉพาะจากโครงการแนวราบ รวมถึงการรับรู้รายได้จากโครงการใหม่ที่เปิดตัวใน 4Q17 จำนวน 5 โครงการ และใน 4Q17 ยังมีคอนโดใหม่ที่เริ่มรับรู้รายได้อีก 1 โครงการ สำหรับรวมทั้งปี 2017 คาดจะมีกำไรสุทธิ 1.39 พันล้านบาท ลดลง 29% YoY อย่างไรก็ตาม คาดกำไรสุทธิปี 2018 จะกลับมาเติบโตสูงราว 50% YoY เป็น 2.09 พันล้านบาท เนื่องจากจะมีคอนโดขนาดใหญ่เริ่มโอน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ Saladaeng One และ BEATNIQ ทั้งนี้ เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 5 บาท
(+) MALEE : (NR, Bloomberg consensus 46.66 บาท)
MALEE ทุ่ม 330 ล้านบาท ซื้อ "ลอง ควน เซฟ ฟู้ด" ผู้ผลิตเครื่องดื่มในเวียดนาม คิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้นที่ 65% เพื่อเสริมฐานการผลิตเครื่องดื่มสำหรับตลาดประเทศเกิดใหม่ (Emerging Market) ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คาดว่าจะสามารถปิดดีลอย่างเป็นทางการภายในเดือน มิ.ย. 2018 คาด 3 ปี สัดส่วนส่งออกเพิ่มเป็น 60% ดันเป้ายอดขายปี 2019 ทะลุ 1 หมื่นล้านบาท สำหรับปี 2561 MALEE คาดยอดขายโต 30% YoY อยู่ที่ 8 พันลบ.
ความเห็น: เรามีมุมมองเชิงบวกกับการเข้าลงทุนในเวียดนาม โดยแบรนด์ลอง ควน เซฟ ฟู้ด เป็นแบรนด์ที่นิยมของเวียดนามเรามองว่าการเข้าซื้อกิจการจะช่วยความได้เปรียบในด้านการแข่งขันด้านราคา และเพิ่มกำลังการผลิตของบริษัทโดยปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตรวมอยู่ที่ 330 ล้านลิตรต่อปี โดยหลังเข้าซื้อกิจการ "ลอง ควน เซฟ ฟู้ด" จะทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 630 ล้านลิตรต่อปี ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถการผลิตเครื่องดื่มของบริษัท เพื่อเจาะตลาด CLMV เรามองว่าจะส่งผลบวกต่อ Top line growth ของ MALEE และช่วยเพิ่มสัดส่วนการส่งออก จากปัจจุบันที่มีอยู่ประมาณ 40% ของรายได้ทั้งหมด โดยทางบริษัทคาดว่า สัดส่วนการส่งออกจะเพิ่มเป็น 60% ภาบใน 3ปี เราชอบแผนการรุกขยายตลาดต่างประเทศและเพิ่มพันธมิตรในฟิลิปปินส์ อินโดนีเซียและเวียดนามและการปรังปรุงการผลิตน้ำมะพร้าวได้เสร็จสมบูรณ์ในปี 2017 ซึ่งจะส่งผลบวกต่อ Top line growth ในระยะยาว ราคาเป้าหมายจาก Bloomberg Consensus อยู่ที่ 46.66 บาท
(+/-) WICE : "ทรัมป์" ตั้งกำแพงภาษี! เครื่องซักผ้า-แผงโซล่าเซลล์
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ลงนามในคำสั่งพิเศษ ขึ้นภาษีนำเข้าเครื่องซักผ้า รวมถึงแผงพลังงานแสดงอาทิตย์หรือ โซล่าเซลล์ เมื่อวานนี้( 23 ม.ค.) จีนและเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากการตั้งกำแพงภาษีนำเข้าครั้งนี้มากที่สุด จะออกแถลงการณ์ประณามมาตรการดังกล่าวว่า เป็นการละเมิดข้อตกลงการค้าระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง และเป็นการกีดกันการค้าอย่างชัดเจน แต่นายทรัมป์ กล่าวว่า มาตรการดังกล่าวจะไม่ทำให้เปิดสงครามการค้าขึ้น โดยมาตรการนี้จะช่วยสร้างงานให้แก่คนอเมริกัน และยังกระตุ้นทำให้ LG กับ ซัมซุง สร้างโรงงานผลิตเครื่องซักผ้าในสหรัฐฯ ตามที่ได้ให้คำมั่นเอาไว้ และหลังจากนั้นสหรัฐฯ ก็จะผลิตสินค้าเอง
ความเห็น ในรายานของ USTR มีระบุว่า สินค้าสองชนิดของไทยนั้น เข้าข่ายที่จะถูกใช้มาตรการ ด้านภาษีครั้งนี้ด้วย (มีผล 3ปี) อย่างไรก็ตาม เราได้ข้อมูลจาก WICE ที่มีลูกค้าจากประเทศจีนหนึ่งราย ย้ายฐานการผลิตแผงโซล่าร์มายังไทย แต่ลูกค้ารายดังกล่าว ไม่ได้เน้นไปที่ตลาดสหรัฐฯ (เนื่องจากพอทราบอยู่แล้วว่าจะมีมาตรการนี้ออกมา) ผลกระทบต่อ WICE จึงมีน้อย ไม่มีนัยะสำคัญ คำแนะนำการลงทุนล่าสุดของเราสำหรับ WICE ยังเป็น "ซื้อ" ราคาที่เหมาะสม 7.00 บาท
ข้อมูลการส่งออกแผงโซล่าร์ของไทย ไปยังสหรัฐฯ ปี 2560 418 ลบ. เพิ่มขึ้น 4% จากปี 2559 และสินค้าดังกล่าว คิดเป็น 51% ของมูลค่าส่งออกสินค้านี้ทั้งหมดของไทย
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (23 ม.ค.) - ตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,831.78 จุด เพิ่มขึ้น 7.72 จุด หรือ +0.42% มูลค่าการซื้อขาย 78,211.14 ล้านบาท มองตลาดสามารถปรับตัวขึ้นได้ตามภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศ หลังนักลงทุนมีการตอบรับในเชิงบวกต่อประเด็นเรื่องชัตดาวน์หน่วยงานรัฐประเทศสหรัฐฯที่มีระยะเวลาสั้นกว่าที่คาด
ปัจจัยต่างประเทศ
(-) บริษัทในสหรัฐฯเริ่มทยอยส่งงบ - บริษัทที่จดทะเบียนในดาวโจนส์เริ่มมีการทยอยส่งงบการเงิน โดยบริษัทขนาดใหญ่อย่างจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิลมีผลประกอบการที่ชะลอตัว YoY ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้
(+) เศรษฐกิจยุโรปออกมาดี - EU เปิดเผยว่า ผลการสำรวจพบว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในยูโรโซนพุ่งขึ้นสู่ระดับ 1.3 จุดในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2543 จากระดับ 0.5 จุดในเดือนธ.ค.
(+/-) ติดตามความชัดเจนมาตรการปรับลด QE - การประชุม ECB จะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 25 ม.ค. นี้ ติดตามการส่งสัญญาณหยุดใช้ QE โดยการประชุมในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา มีการปรับประมาณการเศรษฐกิจที่ดีขึ้นและแนวโน้มที่จะหยุดการใช้มาตรการ QE ตลาดประเมิน การลด QE จะเกิดหลังจาก เดือน ก.ย.61
(+) ราคาน้ำมันดิบสามารถปรับตัวขึ้นต่อได้ - ราคาน้ำมันดิบวันนี้ปรับตัวขึ้น 90 เซนต์ หรือ +1.4% ปิดที่ 64.47 ดอลลาร์/บาร์เรล ติดตามการประกาศสต็อกน้ำมันดิบว่าจะปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 10 หรือไม่ โดยนักวิเคราะห์คาดจะลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล
ปัจจัยในประเทศ
(+/-) ติดตามตัวเลขยอดขายรถยนต์ในวันนี้ - คาดว่าในวีนนี้จะมีการประกาศตัวเลขยอดขายรถยนต์ ซึ่งเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ 78,082 คัน …. คาดว่าจะสามารถเติบโตได้ YoY แต่ลดลง MoM เนื่องจากเดือน ธ.ค. ไม่ใช่ช่วง high season
(+/-) ติดตามประเด็นกำหนดการเลือกตั้งในวันพรุ่งนี้ - ในวันพรุ่งนีจะมีการออกกำหนด พ.ร.ป. สำหรับการเลือกตั้ง ซึ่งต้องติดตามว่าจะเลื่อนออกไป 90 วันหรือไม่
(+/-) วันนี้ SCC ประกาศผลการดำเนินงานสำหรับปี 2017 - วันนี้คาดว่าจะมีการประกาศผลการดำเนินงานปี 2017 ของ SCC โดย Bloomberg คาดไว้ที่ประมาณ 12,196 ล้านบาท (+6% YoY, +2% QoQ)
Analyst : Mongkol Puangpetra
License No: 001937
+662 648 1123
[email protected]
Nontapat Rushtasomboon
License No: 081447
+662 648 1127
[email protected]
OO4816