- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 22 January 2018 16:00
- Hits: 16276
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“เลือกซื้อ/ถือเหนือ SMA10”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ปัจจัยภายใน & ต่างประเทศ : # เมื่อวันศุกร์ ตลาดหุ้นไทยผันผวน ในวันอ่อนลงไปต่ำสุด 1803.55 (-15.77 จุด) เพราะแรงขายหุ้นกลุ่มแบงค์ & พลังงาน แต่ก็มีแรงซื้อกลับทั้งสองกลุ่มเข้ามาในช่วงบ่าย ทำให้ดัชนีพลิกกลับมาปิด +2.02 จุดที่ 1821.34 ต่างชาติซื้อสุทธิ 2 พันลบ. ส่วนสถาบันในปท.ขายสุทธิ 4.5 พันลบ.
# การเติบโตที่เกินคาดของ GDP จีนในปี 60 (+6.9% จากที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้ 6.5%) ก็เป็นอีกเรื่องที่บ่งชี้ถึงการเติบโตที่ดีของเศรษฐกิจโลก เพราะปัจจุบันจีนเป็นผู้บริโภครายใหญ่ที่สุดของโลก ขณะที่เศรษฐกิจยุโรป ญี่ปุ่น เอเชีย ขยายตัวดีขึ้น ส่วนเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัวในอัตราสูงขึ้นเพราะได้การลดภาษีมาช่วยเสริมด้วย พร้อมกันนั้นใน 1-2 เดือนแรกของปีจะมีการเก็งกำไรงบ 4Q60 และการประกาศจ่ายปันผลช่วยหนุนตลาดด้วย
# แต่...ตลาดก็มีความเสี่ยงที่กดดัน คือ ปัญหาและความไม่แน่นอนทางการเมืองในแทบทุกภูมิภาค (สหรัฐต้องชัตดาวน์หน่วยงานรัฐ หลังร่างกม.งบประมาณยังไม่ผ่านวุฒิสภาเพราะมีความขัดแย้งกันในนโยบายรับผู้อพยพ ซึ่งทรัปม์ต้องการให้ยกเลิก และไทยที่การเลือกตั้งจะเลื่อนออกไปเป็นปลาย 1Q62 หรือต้น 2Q62) ราคาน้ำมันที่เพิ่มทำให้ต้นทุนภาคธุรกิจและค่าครองชีพผู้บริโภคสูงขึ้น การแข็งของค่าเงินประเทศเกิดใหม่ทำให้เสียเปรียบด้านส่งออก ฟองสบู่ในตลาดเงินดิจิตอล และ Valuation ของตลาดหุ้นที่เข้าสู่พื้นที่โซนแพงทำให้มีความเสี่ยงเรื่องปรับฐาน
หุ้น Update วันนี้ : UTP คาดการณ์กำไร 4Q60 จะแข็งแกร่งเพราะมีอัตราการใช้กำลังผลิต 75-80% ทั้งเครื่องจักรเก่าและใหม่ และการที่กระดาษ Containerboard ในจีนขาดแคลนก็ทำให้ราคายังอยู่ในระดับสูงได้ แม้ว่าจะอ่อนลงจาก 3Q60 ก็ตาม ฝ่ายวิจัยฯ DBS คาดการณ์กำไรปี 60-61 โต 59% และ 61% หนุนโดยกำลังการผลิตใหม่ที่เพิ่มเท่าตัว ขณะที่อุปสงค์ในตลาดยังคงสูง แนะนำซื้อ ให้ TP 11.20 บาท อิงกับ P/E ปี 61 ที่ 15 เท่า (+0.5SD)
กลยุทธ์ทางพื้นฐาน : แนะเลือกซื้อเป็นรายบริษัท โดยธีมเด่นหุ้นดีจาก DBS รอบนี้เลือก 1. Investment recovery play (หุ้นเด่น AMATA ราคาพื้นฐาน 30 บาท), 2. Dividend play (หุ้นเด่น KKP ราคาพื้นฐาน 88 บาท) และ 3. Growth play (หุ้นเด่น IVL ราคาพื้นฐาน 65 บาท)
กลยุทธ์ทางเทคนิค : ระยะสั้นมากตลาดกลับมาเป็นบวกเล็กๆ แต่ยังควรระวังการแกว่ง เลือกซื้อ/ถือต่อเมื่อ SET เหนือเส้น SMA10 แต่ถ้าต่ำกว่าก็ควรลดพอร์ตตามแนวต้าน SET ให้ไว้ที่ 1825-1830, 1840-1850 ถ้าหลุด 1810 ควร Stop loss สำหรับหุ้นที่มีโอกาสทำ New high ได้แก่ TMB, PYLON, AMATA, PTTEP, IVL, RCL, HUMAN, GULF ส่วนหุ้นที่หาจังหวะ Take profit เป็น ESSO, PRINC หุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ SEAFCO, RS, WHA, STPI, SUSCO, GLOBAL, MEGA, BCH หุ้นหลุด List คือ SENA, KAMART
ปัจจัยต่างประเทศ
- สหรัฐ : ดัชนีความเชื่อมั่นม.ค.61 ลดลง
# ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่าดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 94.4 ในกลางเดือนม.ค. แต่ต่ำกว่าคาดที่ 97.0 ส่วนหนึ่งมาจากผลดีจากมาตรการปฎิรูปภาษีของทรัมป์ยังไม่เกิดผลดีมากนักและราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นก็กดดันด้วย
- สหรัฐ : ชัตดาวน์หน่วยงานรัฐตั้งแต่เที่ยงคืนวันศุกร์...ผิดความคาดการณ์ของตลาด
# ภาวะชัตดาวน์ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเที่ยงคืนของวันศุกร์ถือเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 ปี หลังจากที่วุฒิสภาไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว ท่ามกลางความเห็นที่ไม่ลงรอยกันในเรื่องนโยบายผู้อพยพเข้าเมืองของพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครต อย่างไรก็ตาม นายจิม แมตทิส รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐ กล่าวว่าการชัตดาวน์ไม่ทำให้กระทบการทำงานของกองทัพสหรัฐ
# ความเห็น Retail Research DBSVTH : เราคาดว่าพรรคเดโมแครตกำลังกดดันทรัมป์และในที่สุดทรัมป์อาจต้องยอมลดลาวาศอกเรื่องนโยบายรับคนเข้าเมือง และการชัตดาวน์จะยุติลง ซึ่งจะมีการโหวตเรื่องนี้กันอีกครั้งในคืนวันนี้ (เวลาไทย)
- อังกฤษ : ยอดค้าปลีกธ.ค.ร่วงเกินคาด
# สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกของสหราชอาณาจักรดิ่งลงมากกว่าคาดในเดือนธ.ค.โดยร่วงลง 1.5% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2556 หลังจากพุ่งขึ้น 1.6% ในเดือนพ.ย.
+ ภาวะตลาดหุ้น : ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ทำ New high
# ดัชนี DJIA ปิด 26,071.72 จุด +53.91 จุด หรือ +0.21% ดัชนี S&P500 ปิด 2,810.30 จุด +12.27 จุด หรือ +0.44% และดัชนี Nasdaq ปิด 7,336.38 จุด +40.33 จุด หรือ +0.55% โดยนักลงทุนไม่ได้กังวลเรื่องชัตดาวน์นัก
# ดัชนีตลาดหุ้นยุโรปปรับขึ้นแข็งแกร่ง 0.5% ถึง 1.15% นำโดย DAX เยอรมนีที่พุ่งขึ้น 1.15% เพราะการจัดตั้งรัฐบาลใกล้สำเร็จแล้ว ส่วนดัชนี FTSE100 เพิ่มขึ้น 0.4% หนุนโดยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง และการอ่อนค่าของเงินปอนด์
• ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาอ่อนลง 1% เมื่อคืนวันศุกร์
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. -58 เซนต์ หรือ -0.9% ปิดที่ 63.37 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT ส่งมอบเดือนมี.ค. -70 เซนต์ หรือ -1% ปิดที่ 68.61 ดอลลาร์/บาร์เรล เพราะกังวลสหรัฐจะผลิตน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นจนแซงหน้า 2 รายใหญ่ของโลก คือ รัสเซียและซาอุฯ โดยขณะนี้สหรัฐผลิตที่ 9.9 ล้านบาร์เรล/วัน (สูงสุดในรอบ 50 ปี) และจะผลิตสูงกว่า 10 ล้านบาร์เรล/วันในปี 61 ซึ่งการลดการผลิตของกลุ่มโอเปกเป็นโอกาสที่สหรัฐจะเพิ่มการผลิตและขยายตลาด
# ด้าน IEA ยังคงตัวเลขอุปสงค์น้ำมันโลกในปี 2560 และ 2561 ที่ระดับ 97.8 ล้านบาร์เรล/วัน และ 99.1 ล้านบาร์เรล/วัน
# เบเกอร์ ฮิวจ์ รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งานลดลง 5 แท่น สู่ระดับ 747 แท่นในสัปดาห์ก่อน
+ ภาวะตลาดทองคำ : ราคาทองพุ่งขึ้น
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. +5.90 ดอลลาร์ หรือ +0.44% ปิดที่ 1,333.10 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากเกิดการชัตดาวน์หน่วยงานรัฐ เพราะพรรคเดโมแครตไม่เห็นด้วยกับนโยบายเรื่องการรับผู้อพยพของทรัปม์
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
• IVL : Canopus (ผู้ถือหุ้นใหญ่) ออกหุ้นกู้แปลงสภาพ 200 ล้านUS$ ขายสถาบันตปท.เมื่อ 18 ม.ค.61
# IVL เปิดเผยว่า บริษัทได้รับแจ้งข้อมูลจากบริษัท Canopus International Limited สาธารณรัฐมอริเชียส ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ได้ออกและเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพ มีหลักประกัน ไม่มีดอกเบี้ย (Zero coupon exchangeable bonds) มูลค่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐ กำหนดระยะเวลาไถ่ถอนในปี 62 เสนอขายต่อนักลงทุนสถาบันต่างประเทศเมื่อวันที่ 18 ม.ค.61
# นับเป็นครั้งแรกที่มีการใช้หุ้นไทยเป็นหลักทรัพย์อ้างอิง สำหรับราคาใช้สิทธิแปลงสภาพมี Premium 17.5% ของราคาปิดหุ้นวันที่ 18 ม.ค.61 (56.75 บาทต่อ 1 หุ้น) หรือราคาแปลงสภาพอยู่ที่ 66.68 บาทต่อ 1 หุ้น
# ฝ่ายวิจัยฯ DBSV แนะนำซื้อ IVL ให้ราคาพื้นฐาน 65 บาท โดยมองว่ากำไรปี 61 จะโตถึง 39% หนุนโดย 1. ยอดขายเพิ่มจากการเข้าซื้อกิจการ, 2. อุปสงค์สินค้าเพิ่มหลังจีน ban การใช้พลาสติกรีไซเคิ้ล, 3. ทางการสหรัฐอาจออก Antidumping duty สำหรับสินค้าที่เข้ามาทุ่มตลาด ซึ่งจะเป็นบวกกับสินค้า IVL ที่ขายให้ตลาดสหรัฐให้มีมาร์จิ้นดีขึ้น และ 4.ได้ประโยชน์จากการลดภาษีของทรัมป์ เพราะบริษัทมี EBITDA จากสหรัฐคิดเป็น 40% ของทั้งหมด
- การเมืองไทย : เลือกตั้งมีโอกาสเลื่อนไปเป็นปลาย 1Q62 หรือต้น 2Q62
# มีโอกาสสูงที่รัฐบาลจะเลื่อนเลือกตั้งออกไปเป็นช่วงปลาย 1Q62 หรือต้น 2Q62 ซึ่งล่าช้าไปจากเดิมคือพ.ย.61 หลังจากที่คณะกรรมธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรธน.ว่าด้วยการเลือกตั้งสส.มีมติเสียงข้างมากให้แก้ไขม.2 ให้ร่างกม.มีผลบังคับใช้ 90 วันนับตั้งแต่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา จากเดิมที่มีผลบังคับใช้ทันที
# ความเห็น Retail Research DBSVTH : แม้ว่านักลงทุนได้เผื่อใจไว้ว่าการเลือกตั้งอาจจะเลื่อนจากแผนออกไป แต่การเลื่อน 4-5 เดือนก็ดูว่าจะมากกว่าที่คาดกันไว้ (คาดไว้ประมาณ 2-3 เดือน) รวมทั้งขณะนี้รัฐบาลถูกพรรคการเมืองต่างๆ มองว่าการเลื่อนเลือกตั้งก็เพื่อเอื้อเวลาให้กับพรรคทอปบูธที่กำลังจัดตั้งใหม่ ส่งผลให้คลื่นใต้น้ำกระเพื่อมแรงขึ้นจนผุดขึ้นในช่วงนี้ ซึ่งอาจกระทบความนิยมและความมั่นคงของรัฐบาล
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]
OO4735