- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 19 January 2018 17:19
- Hits: 31907
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell
“ ยังมีแรงขาย รอดูงบแบงก์”
ทิศทางตลาดหุ้นไทย:
ตลาดหุ้นมีโอกาสขึ้นต่อได้หรือไม่จะขึ้นอยู่กับงบแบงก์ที่จะประกาศออกมาในวันนี้ หากไม่นับประเด็นดังกล่าวเรามองว่าตลาดสามารถปรับตัวได้แต่จะเริ่มมีกรอบจำกัดจากแรงขายทำกำไรที่เริ่มเข้ามาให้เห็นมากขึ้น .... ภาพต่างประเทศ ติดตามการประกาศสต็อกน้ำมันดิบในวันนี้ คาดว่าจะลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 9 ติดต่อกัน .... ปัจจัยในประเทศ การประกาศค่าแรงขั้นต่ำออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ อย่างไรก็ตามผลกระทบที่ส่งถึงผลประกอบการจะเป็นแค่รายตัวไป และไม่ได้ส่งผลกระทบในเชิงลบมากนัก
“ ยังมีแรงขาย รอดูงบแบงก์”
ทิศทางตลาดหุ้นไทย:
ตลาดหุ้นมีโอกาสขึ้นต่อได้หรือไม่จะขึ้นอยู่กับงบแบงก์ที่จะประกาศออกมาในวันนี้ หากไม่นับประเด็นดังกล่าวเรามองว่าตลาดสามารถปรับตัวได้แต่จะเริ่มมีกรอบจำกัดจากแรงขายทำกำไรที่เริ่มเข้ามาให้เห็นมากขึ้น .... ภาพต่างประเทศ ติดตามการประกาศสต็อกน้ำมันดิบในวันนี้ คาดว่าจะลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 9 ติดต่อกัน .... ปัจจัยในประเทศ การประกาศค่าแรงขั้นต่ำออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ อย่างไรก็ตามผลกระทบที่ส่งถึงผลประกอบการจะเป็นแค่รายตัวไป และไม่ได้ส่งผลกระทบในเชิงลบมากนัก
กลยุทธ์การลงทุน:
ด้วยมุมมองที่ว่าตลาดหุ้นเริ่มมี upside จำกัด จึงแนะนำให้เข้าลงทุนในลักษณะ selective buy และรอซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว... เลือกลงทุนในกลุ่มที่มีปัจจัยบวกฉพาะตัวอย่างกลุ่มท่องเที่ยว, หุ้นที่ได้รับผลบวกจากการลงทุนในประเทศ ระวังการขายทำกำไรในกลุ่มโรงไฟฟ้าและปิโตรเคมี สำหรับกลุ่มแบงก์เรามองว่างบการเงิน 4Q17 อาจได้รับผลกระทบจากการบังคับใช้มาตรฐานทางบัญชี IFRS 9 จึงยังไม่แนะนำหุ้นกลุ่มแบงก์ในวันนี้ โดยหุ้นที่ติด most active และตลาดยังให้ความสนใจต่อเนื่อง ได้แก่ CPALL, PTTEP*, CPN
หุ้น Active ที่น่าสนใจ
(+) CPALL:
CPALL ได้รับผลบวกจาก 3 ประเด็น 1) การกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ภูมิภาค, 2) มาตรการท่องเที่ยวเมืองรอง, และ 3) ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวสูงขึ้น 5 เดือนติดต่อกัน จึงมองว่า CPALL จะสามารถปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 84.00 บาท
(+) PTTEP:
วันนี้จะมีการประกาศตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 3.5 ล้านบาร์เรล ซึ่งจะเป็นการปรับตัวลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 9 ติดต่อกัน โดยเรามองว่าประเด็นดังกล่าวจะหนุนให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นต่อได้ เป็นบวกต่อ PTTEP
(+) CPN:
เรายังชอบหุ้นในกลุ่มที่มีลักษณะเป็น domestic play เลือก CPN จากเป้าการเติบโตของรายได้ปี 2018 ที่ระดับสูงที่ 20% YoY จากการรับรู้รายได้จากศูนย์ฯที่เปิดช่วง 4Q17 ที่นครราชสีมาและมหาชัยได้เต็มปี และมีการรับรู้รายได้จากคอนโดอีกราว 3 พันล้านบาท ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 92.00 บาท
(+) DELTA:
เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของ DELTA หลังราคาหุ้นปรับตัวลงมาค่อนข้างมากในช่วงก่อนหน้านี้ ในขณะที่ DELTA มีปัจจัยหนุนระยะยาวจาก
หุ้น Active ที่น่าสนใจ
(+) CPALL:
CPALL ได้รับผลบวกจาก 3 ประเด็น 1) การกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ภูมิภาค, 2) มาตรการท่องเที่ยวเมืองรอง, และ 3) ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวสูงขึ้น 5 เดือนติดต่อกัน จึงมองว่า CPALL จะสามารถปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 84.00 บาท
(+) PTTEP:
วันนี้จะมีการประกาศตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 3.5 ล้านบาร์เรล ซึ่งจะเป็นการปรับตัวลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 9 ติดต่อกัน โดยเรามองว่าประเด็นดังกล่าวจะหนุนให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นต่อได้ เป็นบวกต่อ PTTEP
(+) CPN:
เรายังชอบหุ้นในกลุ่มที่มีลักษณะเป็น domestic play เลือก CPN จากเป้าการเติบโตของรายได้ปี 2018 ที่ระดับสูงที่ 20% YoY จากการรับรู้รายได้จากศูนย์ฯที่เปิดช่วง 4Q17 ที่นครราชสีมาและมหาชัยได้เต็มปี และมีการรับรู้รายได้จากคอนโดอีกราว 3 พันล้านบาท ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 92.00 บาท
(+) DELTA:
เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของ DELTA หลังราคาหุ้นปรับตัวลงมาค่อนข้างมากในช่วงก่อนหน้านี้ ในขณะที่ DELTA มีปัจจัยหนุนระยะยาวจากการพัฒนาสินค้าที่ตอบรับการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคและการเข้ามาของ internet of things
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
หุ้นมีประเด็น
(+) Industrial Estate: (Overweight)
- ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผย ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติเปิดทำสมาร์ทวีซ่า 1 กุมภาพันธ์นี้ ให้แก่ผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ ผู้ประกอบการ ผู้บริหารและนักลงทุน เพื่อดึงดูดให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายทั้ง 10 ประเภท โดยได้รับสิทธิสูงสุดคือ ให้พำนักในไทยไม่เกิน 4 ปี โดยไม่ต้องขอใบอนุญาตการทำงาน โดยผู้ติดตาม (คู่สมรสและบุตร) ได้รับสิทธิในการอยู่อาศัยและทำงานในไทย โดยขยายเวลาการรายงานตัวจากทุก 3 เดือน เป็นทุก 1 ปี (ที่มา: www.moneychannel.co.th)
- นอกจากนี้นายคณิศ แสงสุพรรณเปิดเผยว่าที่ประชุม EEC เห็นชอบที่จะยกระดับนิคมอุตสาหกรรมขึ้นเป็นเขตส่งเสริมพิเศษเพิ่มเติมอีก 19 แห่ง จากเดิม 2 แห่งพิจารณาอนุมัติในวันที่ 1 ก.พ.นี้ โดยเขตส่งเสริมพิเศษ 21 แห่งนี้ จะมีพื้นที่รวม 86,775 ไร่ซึ่งจะเป็นพื้นที่เพื่อรองรับการลงทุน 28,666 ไร่ เพียงพอรองรับการลงทุนได้ไม่ต่ำกว่า 5 ปี คาดว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 1.31 ล้านล้านบาท นอกจากนี้ประชุมยังได้เห็นชอบกรอบการพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศโดยจะยกขึ้นเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายลำดับที่ 11 และเห็นชอบแผนปฏิบัติการการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ในพื้นที่อีอีซี ประกอบด้วย 168 โครงการ กรอบวงเงินลงทุนรวม 988,948 ล้านบาท โดย พีพีพี 59% งบประมาณแผ่นดิน 30% งบรัฐวิสาหกิจ 10% และกองทุนหมุนเวียนของกองทัพเรือ 1% (ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ)
เรามองว่าจะส่งผลบวกต่อกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม โดยเฉพาะที่อยู่ใน EEC เนื่องจากจะสนับสนุนให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย 10 ประเภท ผ่านการการให้สิทธิประโยชน์ในการทำงานในประเทศไทย นอกเหนือจากการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี รวมทั้งการยกระดับนิคมเป็นเขตส่งเสริมพิเศษเพิ่มเติม และการพิจารณา พรบ. EEC ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จใน 1Q18 จะส่งผลให้เกิดการลงทุนในประเทศสูงถึง 1.31 ล้านล้านบาท โดยเราชอบ WHA เนื่องจากบริษัทมีนิคมอุตสาหกรรมที่อยู่ใกล้ท่าเรือมาบตาพุดในระยะทางประมาณ 20 กม. เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้บริษัทยังได้รับแรงหนุนจากการปล่อยเช่าโกดังให้แก่กลุ่มร่วมทุน Central และ JD.com เป็นจำนวนพื้นที่ 6.8 พัน ตร.ม. ที่ได้ลงสัญญาเมื่อวันที่ 17 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยเรายังแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 5.00 บาท
ด้วยมุมมองที่ว่าตลาดหุ้นเริ่มมี upside จำกัด จึงแนะนำให้เข้าลงทุนในลักษณะ selective buy และรอซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว... เลือกลงทุนในกลุ่มที่มีปัจจัยบวกฉพาะตัวอย่างกลุ่มท่องเที่ยว, หุ้นที่ได้รับผลบวกจากการลงทุนในประเทศ ระวังการขายทำกำไรในกลุ่มโรงไฟฟ้าและปิโตรเคมี สำหรับกลุ่มแบงก์เรามองว่างบการเงิน 4Q17 อาจได้รับผลกระทบจากการบังคับใช้มาตรฐานทางบัญชี IFRS 9 จึงยังไม่แนะนำหุ้นกลุ่มแบงก์ในวันนี้ โดยหุ้นที่ติด most active และตลาดยังให้ความสนใจต่อเนื่อง ได้แก่ CPALL, PTTEP*, CPN
หุ้น Active ที่น่าสนใจ
(+) CPALL:
CPALL ได้รับผลบวกจาก 3 ประเด็น 1) การกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ภูมิภาค, 2) มาตรการท่องเที่ยวเมืองรอง, และ 3) ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวสูงขึ้น 5 เดือนติดต่อกัน จึงมองว่า CPALL จะสามารถปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 84.00 บาท
(+) PTTEP:
วันนี้จะมีการประกาศตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 3.5 ล้านบาร์เรล ซึ่งจะเป็นการปรับตัวลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 9 ติดต่อกัน โดยเรามองว่าประเด็นดังกล่าวจะหนุนให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นต่อได้ เป็นบวกต่อ PTTEP
(+) CPN:
เรายังชอบหุ้นในกลุ่มที่มีลักษณะเป็น domestic play เลือก CPN จากเป้าการเติบโตของรายได้ปี 2018 ที่ระดับสูงที่ 20% YoY จากการรับรู้รายได้จากศูนย์ฯที่เปิดช่วง 4Q17 ที่นครราชสีมาและมหาชัยได้เต็มปี และมีการรับรู้รายได้จากคอนโดอีกราว 3 พันล้านบาท ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 92.00 บาท
(+) DELTA:
เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของ DELTA หลังราคาหุ้นปรับตัวลงมาค่อนข้างมากในช่วงก่อนหน้านี้ ในขณะที่ DELTA มีปัจจัยหนุนระยะยาวจาก
หุ้น Active ที่น่าสนใจ
(+) CPALL:
CPALL ได้รับผลบวกจาก 3 ประเด็น 1) การกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ภูมิภาค, 2) มาตรการท่องเที่ยวเมืองรอง, และ 3) ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวสูงขึ้น 5 เดือนติดต่อกัน จึงมองว่า CPALL จะสามารถปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 84.00 บาท
(+) PTTEP:
วันนี้จะมีการประกาศตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 3.5 ล้านบาร์เรล ซึ่งจะเป็นการปรับตัวลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 9 ติดต่อกัน โดยเรามองว่าประเด็นดังกล่าวจะหนุนให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นต่อได้ เป็นบวกต่อ PTTEP
(+) CPN:
เรายังชอบหุ้นในกลุ่มที่มีลักษณะเป็น domestic play เลือก CPN จากเป้าการเติบโตของรายได้ปี 2018 ที่ระดับสูงที่ 20% YoY จากการรับรู้รายได้จากศูนย์ฯที่เปิดช่วง 4Q17 ที่นครราชสีมาและมหาชัยได้เต็มปี และมีการรับรู้รายได้จากคอนโดอีกราว 3 พันล้านบาท ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 92.00 บาท
(+) DELTA:
เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของ DELTA หลังราคาหุ้นปรับตัวลงมาค่อนข้างมากในช่วงก่อนหน้านี้ ในขณะที่ DELTA มีปัจจัยหนุนระยะยาวจากการพัฒนาสินค้าที่ตอบรับการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคและการเข้ามาของ internet of things
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
หุ้นมีประเด็น
(+) Industrial Estate: (Overweight)
- ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผย ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติเปิดทำสมาร์ทวีซ่า 1 กุมภาพันธ์นี้ ให้แก่ผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ ผู้ประกอบการ ผู้บริหารและนักลงทุน เพื่อดึงดูดให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายทั้ง 10 ประเภท โดยได้รับสิทธิสูงสุดคือ ให้พำนักในไทยไม่เกิน 4 ปี โดยไม่ต้องขอใบอนุญาตการทำงาน โดยผู้ติดตาม (คู่สมรสและบุตร) ได้รับสิทธิในการอยู่อาศัยและทำงานในไทย โดยขยายเวลาการรายงานตัวจากทุก 3 เดือน เป็นทุก 1 ปี (ที่มา: www.moneychannel.co.th)
- นอกจากนี้นายคณิศ แสงสุพรรณเปิดเผยว่าที่ประชุม EEC เห็นชอบที่จะยกระดับนิคมอุตสาหกรรมขึ้นเป็นเขตส่งเสริมพิเศษเพิ่มเติมอีก 19 แห่ง จากเดิม 2 แห่งพิจารณาอนุมัติในวันที่ 1 ก.พ.นี้ โดยเขตส่งเสริมพิเศษ 21 แห่งนี้ จะมีพื้นที่รวม 86,775 ไร่ซึ่งจะเป็นพื้นที่เพื่อรองรับการลงทุน 28,666 ไร่ เพียงพอรองรับการลงทุนได้ไม่ต่ำกว่า 5 ปี คาดว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 1.31 ล้านล้านบาท นอกจากนี้ประชุมยังได้เห็นชอบกรอบการพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศโดยจะยกขึ้นเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายลำดับที่ 11 และเห็นชอบแผนปฏิบัติการการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ในพื้นที่อีอีซี ประกอบด้วย 168 โครงการ กรอบวงเงินลงทุนรวม 988,948 ล้านบาท โดย พีพีพี 59% งบประมาณแผ่นดิน 30% งบรัฐวิสาหกิจ 10% และกองทุนหมุนเวียนของกองทัพเรือ 1% (ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ)
เรามองว่าจะส่งผลบวกต่อกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม โดยเฉพาะที่อยู่ใน EEC เนื่องจากจะสนับสนุนให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย 10 ประเภท ผ่านการการให้สิทธิประโยชน์ในการทำงานในประเทศไทย นอกเหนือจากการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี รวมทั้งการยกระดับนิคมเป็นเขตส่งเสริมพิเศษเพิ่มเติม และการพิจารณา พรบ. EEC ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จใน 1Q18 จะส่งผลให้เกิดการลงทุนในประเทศสูงถึง 1.31 ล้านล้านบาท โดยเราชอบ WHA เนื่องจากบริษัทมีนิคมอุตสาหกรรมที่อยู่ใกล้ท่าเรือมาบตาพุดในระยะทางประมาณ 20 กม. เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้บริษัทยังได้รับแรงหนุนจากการปล่อยเช่าโกดังให้แก่กลุ่มร่วมทุน Central และ JD.com เป็นจำนวนพื้นที่ 6.8 พัน ตร.ม. ที่ได้ลงสัญญาเมื่อวันที่ 17 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยเรายังแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 5.00 บาท
(+) BANK: (Neutral)
หุ้นกลุ่มธนาคารจะทยอยประกาศผลการดำเนินงานในวันนี้ โดย TMB งบจะออกเย็นนี้ ส่วน KTB จะออกภายในวันนี้หรือพรุ่งนี้ ขณะที่ KBANK จะประกาศเช้าวันพรุ่งนี้ ส่วนธนาคารที่เหลือ BBL, SCB, TCAP และ KKP จะทยอยประกาศภายในวันพรุ่งนี้ช่วงเย็นทั้งหมด เพราะเป็นวันสุดท้ายของการส่งงบการเงินของกลุ่มธนาคาร โดยเราคาดว่า TMB เป็นจะเป็นธนาคารที่มีกำไรสุทธิเติบโตได้ไดโดดเด่นที่สุดในกลุ่ม คาดกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,396 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% YoY และ 19% QoQ เพราะได้ประโยชน์จากรายได้ค่าธรรมเนียมจาก FWD รองลงมาเป็น TCAP คาดกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,824 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% YoY และ 6% QoQ จากการรับรู้กำไรจากการขายหุ้น MBK ราว 300 ล้านบาท โดยเราเก็งในระยะสั้งว่า TMB งบน่าจะออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมที่ 3.20 บาท ส่วนในระยะยาว เรายังคงชอบ BBL และ KBANK
หุ้นกลุ่มธนาคารจะทยอยประกาศผลการดำเนินงานในวันนี้ โดย TMB งบจะออกเย็นนี้ ส่วน KTB จะออกภายในวันนี้หรือพรุ่งนี้ ขณะที่ KBANK จะประกาศเช้าวันพรุ่งนี้ ส่วนธนาคารที่เหลือ BBL, SCB, TCAP และ KKP จะทยอยประกาศภายในวันพรุ่งนี้ช่วงเย็นทั้งหมด เพราะเป็นวันสุดท้ายของการส่งงบการเงินของกลุ่มธนาคาร โดยเราคาดว่า TMB เป็นจะเป็นธนาคารที่มีกำไรสุทธิเติบโตได้ไดโดดเด่นที่สุดในกลุ่ม คาดกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,396 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% YoY และ 19% QoQ เพราะได้ประโยชน์จากรายได้ค่าธรรมเนียมจาก FWD รองลงมาเป็น TCAP คาดกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,824 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% YoY และ 6% QoQ จากการรับรู้กำไรจากการขายหุ้น MBK ราว 300 ล้านบาท โดยเราเก็งในระยะสั้งว่า TMB งบน่าจะออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมที่ 3.20 บาท ส่วนในระยะยาว เรายังคงชอบ BBL และ KBANK
(+) Commerce, (-) Agro, (-) Contractor
คณะกรรมการค่าจ้าง (บอร์ดค่าจ้าง)ได้ข้อสรุปปรับขึ้นอัตราค่าจ้างทั่วประเทศ แบ่งเป็น 7 ระดับ ต่ำสุดอยู่ที่ 308 บาท ในกลุ่มจังหวัดสามชายแดนภาคใต้ และสูงสุดอยู่ที่ 330 บาท โซนที่ปรับขึ้นมากที่สุด คือ จังหวัดภูเก็ต ชลบุรี และระยอง คือ 7% ส่วนกรุงเทพฯและปริมณฑล และ14 จังหวัด คืออุบลราชธานี สุพรรณบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา หนองคาย ลพบุรี ตราด ขอนแก่น สงขลา สุราษฎร์ธานี กระบี่ เชียงใหม่ นครราชสีมา พังงา ปรับขึ้น 5% ทั้งนี้ ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนนี้ โดยไม่มีผลย้อนหลังไปถึงวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา พร้อมทั้งเตรียมเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไปในสัปดาห์หน้า
เรามองว่าจะกระทบต่อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ โดยจากผลสำรวจของสภาองค์กรนายจ้างผู้ประกอบการค้าอุตสาหกรรมไทย ระบุว่ามีน้อยเพราะใช้แรงงานขั้นต่ำน้อย อีกทั้งอัตราค่าแรงสูงกว่าขั้นต่ำอยู่แล้ว ซึ่งจะทำให้ หุ้นที่มีการใช้แรงงานมาก อย่างเช่นกลุ่ม รับเหมาก่อสร้าง เช่น ITD, CK, STECON เกษตรและประมง เช่น TU, GFPT, CPF, TFG, BR, CFRESH ถูกกระทบไม่มากนัก อย่างไรก็ตาม เรามองเป็นปัจจัยบวกต่อเครือข่ายการค้าปลีกในต่างจังหวัด CPALL, BJC
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (17 ม.ค.) – ตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,828.88 จุด เพิ่มขึ้น 7.05 จุด หรือ +0.39% มูลค่าการซื้อขาย 75,216.91 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติมีสถานะกลับมาเป็นซื้อ โดยมีมูลค่าเป็นซื้อสุทธิที่ระดับ 2,222.84 ล้านบาท
ปัจจัยต่างประเทศ
(-) ตัวเลขทางเศรษฐกิจต่างประเทศอ่อนตัวลงเล็กน้อย - สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านร่วงลง 2 จุด สู่ระดับ 72 ในเดือนม.ค. หลังจากดีดตัวแตะระดับสูงสุดในรอบ 18 ปีในเดือนธ.ค. .... สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของยูโรโซนลดลง 0.4% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และปรับตัวลง 1.4% เมือเทียบรายปี
(+) ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นจากคาดการณ์สต็อกน้ำมันดิบลดลง – สัญญาน้ำมันดิบวานนี้ปรับตัวลงที่ +0.4% ปิดที่ระดับ 63.97 ดอลลาร์/บาร์เรล ปรับตัวขึ้นได้จากการคาดการณ์สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะปรับตัวลดลงอีกเป็นสัปดาห์ที่ 9 โดย EIA จะเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ในวันนี้
ปัจจัยในประเทศ
(-) มาตรการปรับค่าแรงขั้นต่ำ - มีการเปิดเผยการปรับค่าแรงขั้นต่ำ โดยจะเพิ่มขึ้นไปสู่ระดับ 308-330 บาท/วัน ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ ค่าแรงที่ปรับในระดับต่ำสุดอยู่ในภาคใต้ และสูงสุดได้แก่จังหวัด ภูเก็ต, ชลบุรี, และ ระยอง
(+) EEC แผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 9.88 แสนล้านบาท – รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ที่ประชุมเตรียมเสนอแผนลงทุนให้บอร์ดอีอีซี โดยมีแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 9.88 แสนล้าน เตรียมประกาศพื้นที่พิเศษอีก 19 นิคม ในวันที่ 1 ก.พ. นี้ (โพสต์ทูเดย์, 18/01/2018)
(+) กระทรวงการคลังคาดเศรษฐกิจไทยโตมากกว่า 4% - นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยปี 2560 คาดว่าจะขยายตัวได้มากกว่า 4% เนื่องจากการขยายตัวในไตรมาส 4 ของปี 2560 ขยายตัวได้ดีมาก
(+/-) ประกาศงบแบงก์วันนี้ – หุ้นกลุ่มแบงก์ที่จะมีการประกาศผลการดำเนินงานสำหรับปี 2017 และคาดการณ์กำไรสุทธิโดย KTBST ได้แก่ KBANK คาด 8,906 ล้านบาท (-13% YoY, -6% QoQ), KTB คาด 7,247 ล้านบาท (-3% YoY, +23% QoQ), TCAP คาด 1,824 ล้านบาท (+6% YoY, +2% QoQ), TMB คาด 2,396 ล้านบาท (+12% YoY, +20% QoQ)
Analyst
Mongkol Puangpetra
License No: 001937
+662 648 1123
[email protected]
คณะกรรมการค่าจ้าง (บอร์ดค่าจ้าง)ได้ข้อสรุปปรับขึ้นอัตราค่าจ้างทั่วประเทศ แบ่งเป็น 7 ระดับ ต่ำสุดอยู่ที่ 308 บาท ในกลุ่มจังหวัดสามชายแดนภาคใต้ และสูงสุดอยู่ที่ 330 บาท โซนที่ปรับขึ้นมากที่สุด คือ จังหวัดภูเก็ต ชลบุรี และระยอง คือ 7% ส่วนกรุงเทพฯและปริมณฑล และ14 จังหวัด คืออุบลราชธานี สุพรรณบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา หนองคาย ลพบุรี ตราด ขอนแก่น สงขลา สุราษฎร์ธานี กระบี่ เชียงใหม่ นครราชสีมา พังงา ปรับขึ้น 5% ทั้งนี้ ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนนี้ โดยไม่มีผลย้อนหลังไปถึงวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา พร้อมทั้งเตรียมเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไปในสัปดาห์หน้า
เรามองว่าจะกระทบต่อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ โดยจากผลสำรวจของสภาองค์กรนายจ้างผู้ประกอบการค้าอุตสาหกรรมไทย ระบุว่ามีน้อยเพราะใช้แรงงานขั้นต่ำน้อย อีกทั้งอัตราค่าแรงสูงกว่าขั้นต่ำอยู่แล้ว ซึ่งจะทำให้ หุ้นที่มีการใช้แรงงานมาก อย่างเช่นกลุ่ม รับเหมาก่อสร้าง เช่น ITD, CK, STECON เกษตรและประมง เช่น TU, GFPT, CPF, TFG, BR, CFRESH ถูกกระทบไม่มากนัก อย่างไรก็ตาม เรามองเป็นปัจจัยบวกต่อเครือข่ายการค้าปลีกในต่างจังหวัด CPALL, BJC
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (17 ม.ค.) – ตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,828.88 จุด เพิ่มขึ้น 7.05 จุด หรือ +0.39% มูลค่าการซื้อขาย 75,216.91 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติมีสถานะกลับมาเป็นซื้อ โดยมีมูลค่าเป็นซื้อสุทธิที่ระดับ 2,222.84 ล้านบาท
ปัจจัยต่างประเทศ
(-) ตัวเลขทางเศรษฐกิจต่างประเทศอ่อนตัวลงเล็กน้อย - สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านร่วงลง 2 จุด สู่ระดับ 72 ในเดือนม.ค. หลังจากดีดตัวแตะระดับสูงสุดในรอบ 18 ปีในเดือนธ.ค. .... สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของยูโรโซนลดลง 0.4% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และปรับตัวลง 1.4% เมือเทียบรายปี
(+) ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นจากคาดการณ์สต็อกน้ำมันดิบลดลง – สัญญาน้ำมันดิบวานนี้ปรับตัวลงที่ +0.4% ปิดที่ระดับ 63.97 ดอลลาร์/บาร์เรล ปรับตัวขึ้นได้จากการคาดการณ์สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะปรับตัวลดลงอีกเป็นสัปดาห์ที่ 9 โดย EIA จะเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ในวันนี้
ปัจจัยในประเทศ
(-) มาตรการปรับค่าแรงขั้นต่ำ - มีการเปิดเผยการปรับค่าแรงขั้นต่ำ โดยจะเพิ่มขึ้นไปสู่ระดับ 308-330 บาท/วัน ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ ค่าแรงที่ปรับในระดับต่ำสุดอยู่ในภาคใต้ และสูงสุดได้แก่จังหวัด ภูเก็ต, ชลบุรี, และ ระยอง
(+) EEC แผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 9.88 แสนล้านบาท – รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ที่ประชุมเตรียมเสนอแผนลงทุนให้บอร์ดอีอีซี โดยมีแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 9.88 แสนล้าน เตรียมประกาศพื้นที่พิเศษอีก 19 นิคม ในวันที่ 1 ก.พ. นี้ (โพสต์ทูเดย์, 18/01/2018)
(+) กระทรวงการคลังคาดเศรษฐกิจไทยโตมากกว่า 4% - นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยปี 2560 คาดว่าจะขยายตัวได้มากกว่า 4% เนื่องจากการขยายตัวในไตรมาส 4 ของปี 2560 ขยายตัวได้ดีมาก
(+/-) ประกาศงบแบงก์วันนี้ – หุ้นกลุ่มแบงก์ที่จะมีการประกาศผลการดำเนินงานสำหรับปี 2017 และคาดการณ์กำไรสุทธิโดย KTBST ได้แก่ KBANK คาด 8,906 ล้านบาท (-13% YoY, -6% QoQ), KTB คาด 7,247 ล้านบาท (-3% YoY, +23% QoQ), TCAP คาด 1,824 ล้านบาท (+6% YoY, +2% QoQ), TMB คาด 2,396 ล้านบาท (+12% YoY, +20% QoQ)
Analyst
Mongkol Puangpetra
License No: 001937
+662 648 1123
[email protected]
OO4670