WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

KTBบล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell 
 
“ ยังมีแรงขาย รอดูงบแบงก์”
ทิศทางตลาดหุ้นไทย:
  ตลาดหุ้นมีโอกาสขึ้นต่อได้หรือไม่จะขึ้นอยู่กับงบแบงก์ที่จะประกาศออกมาในวันนี้ หากไม่นับประเด็นดังกล่าวเรามองว่าตลาดสามารถปรับตัวได้แต่จะเริ่มมีกรอบจำกัดจากแรงขายทำกำไรที่เริ่มเข้ามาให้เห็นมากขึ้น .... ภาพต่างประเทศ ติดตามการประกาศสต็อกน้ำมันดิบในวันนี้ คาดว่าจะลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 9 ติดต่อกัน .... ปัจจัยในประเทศ การประกาศค่าแรงขั้นต่ำออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ อย่างไรก็ตามผลกระทบที่ส่งถึงผลประกอบการจะเป็นแค่รายตัวไป และไม่ได้ส่งผลกระทบในเชิงลบมากนัก
กลยุทธ์การลงทุน:
  ด้วยมุมมองที่ว่าตลาดหุ้นเริ่มมี upside จำกัด จึงแนะนำให้เข้าลงทุนในลักษณะ selective buy และรอซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว... เลือกลงทุนในกลุ่มที่มีปัจจัยบวกฉพาะตัวอย่างกลุ่มท่องเที่ยว, หุ้นที่ได้รับผลบวกจากการลงทุนในประเทศ ระวังการขายทำกำไรในกลุ่มโรงไฟฟ้าและปิโตรเคมี สำหรับกลุ่มแบงก์เรามองว่างบการเงิน 4Q17 อาจได้รับผลกระทบจากการบังคับใช้มาตรฐานทางบัญชี IFRS 9 จึงยังไม่แนะนำหุ้นกลุ่มแบงก์ในวันนี้ โดยหุ้นที่ติด most active และตลาดยังให้ความสนใจต่อเนื่อง ได้แก่ CPALL, PTTEP*, CPN
หุ้น Active ที่น่าสนใจ
(+) CPALL:
  CPALL ได้รับผลบวกจาก 3 ประเด็น 1) การกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ภูมิภาค, 2) มาตรการท่องเที่ยวเมืองรอง, และ 3) ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวสูงขึ้น 5 เดือนติดต่อกัน จึงมองว่า CPALL จะสามารถปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 84.00 บาท
(+) PTTEP:
  วันนี้จะมีการประกาศตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 3.5 ล้านบาร์เรล ซึ่งจะเป็นการปรับตัวลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 9 ติดต่อกัน โดยเรามองว่าประเด็นดังกล่าวจะหนุนให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นต่อได้ เป็นบวกต่อ PTTEP
(+) CPN:
  เรายังชอบหุ้นในกลุ่มที่มีลักษณะเป็น domestic play เลือก CPN จากเป้าการเติบโตของรายได้ปี 2018 ที่ระดับสูงที่ 20% YoY จากการรับรู้รายได้จากศูนย์ฯที่เปิดช่วง 4Q17 ที่นครราชสีมาและมหาชัยได้เต็มปี และมีการรับรู้รายได้จากคอนโดอีกราว 3 พันล้านบาท ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 92.00 บาท
(+) DELTA:
  เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของ DELTA หลังราคาหุ้นปรับตัวลงมาค่อนข้างมากในช่วงก่อนหน้านี้ ในขณะที่ DELTA มีปัจจัยหนุนระยะยาวจาก
  หุ้น Active ที่น่าสนใจ
(+) CPALL:
  CPALL ได้รับผลบวกจาก 3 ประเด็น 1) การกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ภูมิภาค, 2) มาตรการท่องเที่ยวเมืองรอง, และ 3) ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวสูงขึ้น 5 เดือนติดต่อกัน จึงมองว่า CPALL จะสามารถปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 84.00 บาท
(+) PTTEP:
  วันนี้จะมีการประกาศตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 3.5 ล้านบาร์เรล ซึ่งจะเป็นการปรับตัวลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 9 ติดต่อกัน โดยเรามองว่าประเด็นดังกล่าวจะหนุนให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นต่อได้ เป็นบวกต่อ PTTEP
(+) CPN:
  เรายังชอบหุ้นในกลุ่มที่มีลักษณะเป็น domestic play เลือก CPN จากเป้าการเติบโตของรายได้ปี 2018 ที่ระดับสูงที่ 20% YoY จากการรับรู้รายได้จากศูนย์ฯที่เปิดช่วง 4Q17 ที่นครราชสีมาและมหาชัยได้เต็มปี และมีการรับรู้รายได้จากคอนโดอีกราว 3 พันล้านบาท ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 92.00 บาท
(+) DELTA:
  เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของ DELTA หลังราคาหุ้นปรับตัวลงมาค่อนข้างมากในช่วงก่อนหน้านี้ ในขณะที่ DELTA มีปัจจัยหนุนระยะยาวจากการพัฒนาสินค้าที่ตอบรับการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคและการเข้ามาของ internet of things 
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์

หุ้นมีประเด็น
(+) Industrial Estate: (Overweight)
  - ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผย ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติเปิดทำสมาร์ทวีซ่า 1 กุมภาพันธ์นี้ ให้แก่ผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ ผู้ประกอบการ ผู้บริหารและนักลงทุน เพื่อดึงดูดให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายทั้ง 10 ประเภท โดยได้รับสิทธิสูงสุดคือ ให้พำนักในไทยไม่เกิน 4 ปี โดยไม่ต้องขอใบอนุญาตการทำงาน โดยผู้ติดตาม (คู่สมรสและบุตร) ได้รับสิทธิในการอยู่อาศัยและทำงานในไทย โดยขยายเวลาการรายงานตัวจากทุก 3 เดือน เป็นทุก 1 ปี (ที่มา: www.moneychannel.co.th)
  - นอกจากนี้นายคณิศ แสงสุพรรณเปิดเผยว่าที่ประชุม EEC เห็นชอบที่จะยกระดับนิคมอุตสาหกรรมขึ้นเป็นเขตส่งเสริมพิเศษเพิ่มเติมอีก 19 แห่ง จากเดิม 2 แห่งพิจารณาอนุมัติในวันที่ 1 ก.พ.นี้ โดยเขตส่งเสริมพิเศษ 21 แห่งนี้ จะมีพื้นที่รวม 86,775 ไร่ซึ่งจะเป็นพื้นที่เพื่อรองรับการลงทุน 28,666 ไร่ เพียงพอรองรับการลงทุนได้ไม่ต่ำกว่า 5 ปี คาดว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 1.31 ล้านล้านบาท นอกจากนี้ประชุมยังได้เห็นชอบกรอบการพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศโดยจะยกขึ้นเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายลำดับที่ 11  และเห็นชอบแผนปฏิบัติการการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ในพื้นที่อีอีซี ประกอบด้วย 168 โครงการ กรอบวงเงินลงทุนรวม 988,948 ล้านบาท โดย พีพีพี 59% งบประมาณแผ่นดิน 30% งบรัฐวิสาหกิจ 10% และกองทุนหมุนเวียนของกองทัพเรือ 1% (ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ)
เรามองว่าจะส่งผลบวกต่อกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม โดยเฉพาะที่อยู่ใน EEC เนื่องจากจะสนับสนุนให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย 10 ประเภท ผ่านการการให้สิทธิประโยชน์ในการทำงานในประเทศไทย นอกเหนือจากการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี รวมทั้งการยกระดับนิคมเป็นเขตส่งเสริมพิเศษเพิ่มเติม และการพิจารณา พรบ. EEC ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จใน 1Q18 จะส่งผลให้เกิดการลงทุนในประเทศสูงถึง 1.31 ล้านล้านบาท โดยเราชอบ WHA เนื่องจากบริษัทมีนิคมอุตสาหกรรมที่อยู่ใกล้ท่าเรือมาบตาพุดในระยะทางประมาณ 20 กม. เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้บริษัทยังได้รับแรงหนุนจากการปล่อยเช่าโกดังให้แก่กลุ่มร่วมทุน Central และ JD.com เป็นจำนวนพื้นที่ 6.8 พัน ตร.ม. ที่ได้ลงสัญญาเมื่อวันที่ 17 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยเรายังแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 5.00 บาท
(+) BANK: (Neutral)
  หุ้นกลุ่มธนาคารจะทยอยประกาศผลการดำเนินงานในวันนี้ โดย TMB งบจะออกเย็นนี้ ส่วน KTB จะออกภายในวันนี้หรือพรุ่งนี้ ขณะที่ KBANK จะประกาศเช้าวันพรุ่งนี้ ส่วนธนาคารที่เหลือ BBL, SCB, TCAP และ KKP จะทยอยประกาศภายในวันพรุ่งนี้ช่วงเย็นทั้งหมด เพราะเป็นวันสุดท้ายของการส่งงบการเงินของกลุ่มธนาคาร โดยเราคาดว่า TMB เป็นจะเป็นธนาคารที่มีกำไรสุทธิเติบโตได้ไดโดดเด่นที่สุดในกลุ่ม คาดกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,396 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% YoY และ 19% QoQ เพราะได้ประโยชน์จากรายได้ค่าธรรมเนียมจาก FWD รองลงมาเป็น TCAP คาดกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,824 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% YoY และ 6% QoQ จากการรับรู้กำไรจากการขายหุ้น MBK ราว 300 ล้านบาท โดยเราเก็งในระยะสั้งว่า TMB งบน่าจะออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมที่ 3.20 บาท ส่วนในระยะยาว เรายังคงชอบ BBL และ KBANK
(+) Commerce, (-) Agro, (-) Contractor
  คณะกรรมการค่าจ้าง (บอร์ดค่าจ้าง)ได้ข้อสรุปปรับขึ้นอัตราค่าจ้างทั่วประเทศ แบ่งเป็น 7 ระดับ ต่ำสุดอยู่ที่ 308 บาท ในกลุ่มจังหวัดสามชายแดนภาคใต้ และสูงสุดอยู่ที่ 330 บาท โซนที่ปรับขึ้นมากที่สุด คือ จังหวัดภูเก็ต ชลบุรี และระยอง คือ  7%   ส่วนกรุงเทพฯและปริมณฑล  และ14 จังหวัด คืออุบลราชธานี สุพรรณบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา หนองคาย ลพบุรี ตราด ขอนแก่น สงขลา สุราษฎร์ธานี กระบี่ เชียงใหม่ นครราชสีมา พังงา  ปรับขึ้น 5% ทั้งนี้ ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนนี้ โดยไม่มีผลย้อนหลังไปถึงวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา พร้อมทั้งเตรียมเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไปในสัปดาห์หน้า
  เรามองว่าจะกระทบต่อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ โดยจากผลสำรวจของสภาองค์กรนายจ้างผู้ประกอบการค้าอุตสาหกรรมไทย  ระบุว่ามีน้อยเพราะใช้แรงงานขั้นต่ำน้อย อีกทั้งอัตราค่าแรงสูงกว่าขั้นต่ำอยู่แล้ว ซึ่งจะทำให้ หุ้นที่มีการใช้แรงงานมาก อย่างเช่นกลุ่ม  รับเหมาก่อสร้าง เช่น ITD, CK, STECON เกษตรและประมง  เช่น TU, GFPT, CPF, TFG, BR, CFRESH  ถูกกระทบไม่มากนัก อย่างไรก็ตาม เรามองเป็นปัจจัยบวกต่อเครือข่ายการค้าปลีกในต่างจังหวัด CPALL, BJC
 ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด                                                                 
 ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (17 ม.ค.) – ตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,828.88 จุด เพิ่มขึ้น 7.05 จุด หรือ +0.39% มูลค่าการซื้อขาย 75,216.91 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติมีสถานะกลับมาเป็นซื้อ โดยมีมูลค่าเป็นซื้อสุทธิที่ระดับ 2,222.84 ล้านบาท
ปัจจัยต่างประเทศ
  (-) ตัวเลขทางเศรษฐกิจต่างประเทศอ่อนตัวลงเล็กน้อย - สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านร่วงลง 2 จุด สู่ระดับ 72 ในเดือนม.ค. หลังจากดีดตัวแตะระดับสูงสุดในรอบ 18 ปีในเดือนธ.ค. .... สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของยูโรโซนลดลง 0.4% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และปรับตัวลง 1.4% เมือเทียบรายปี
  (+) ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นจากคาดการณ์สต็อกน้ำมันดิบลดลง – สัญญาน้ำมันดิบวานนี้ปรับตัวลงที่ +0.4% ปิดที่ระดับ 63.97 ดอลลาร์/บาร์เรล ปรับตัวขึ้นได้จากการคาดการณ์สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะปรับตัวลดลงอีกเป็นสัปดาห์ที่ 9 โดย EIA จะเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ในวันนี้
ปัจจัยในประเทศ
  (-) มาตรการปรับค่าแรงขั้นต่ำ  - มีการเปิดเผยการปรับค่าแรงขั้นต่ำ โดยจะเพิ่มขึ้นไปสู่ระดับ 308-330 บาท/วัน ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ ค่าแรงที่ปรับในระดับต่ำสุดอยู่ในภาคใต้ และสูงสุดได้แก่จังหวัด ภูเก็ต, ชลบุรี, และ ระยอง
  (+) EEC แผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 9.88 แสนล้านบาท – รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ที่ประชุมเตรียมเสนอแผนลงทุนให้บอร์ดอีอีซี โดยมีแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 9.88 แสนล้าน เตรียมประกาศพื้นที่พิเศษอีก 19 นิคม ในวันที่ 1 ก.พ. นี้ (โพสต์ทูเดย์, 18/01/2018)
  (+) กระทรวงการคลังคาดเศรษฐกิจไทยโตมากกว่า 4% - นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยปี 2560 คาดว่าจะขยายตัวได้มากกว่า 4% เนื่องจากการขยายตัวในไตรมาส 4 ของปี 2560 ขยายตัวได้ดีมาก
  (+/-) ประกาศงบแบงก์วันนี้ – หุ้นกลุ่มแบงก์ที่จะมีการประกาศผลการดำเนินงานสำหรับปี 2017 และคาดการณ์กำไรสุทธิโดย KTBST ได้แก่ KBANK คาด 8,906 ล้านบาท (-13% YoY, -6% QoQ), KTB คาด 7,247 ล้านบาท (-3% YoY, +23% QoQ), TCAP คาด 1,824 ล้านบาท (+6% YoY, +2% QoQ), TMB คาด 2,396 ล้านบาท (+12% YoY, +20% QoQ)
 
Analyst
Mongkol Puangpetra
License No: 001937  
+662 648 1123
[email protected]
Nontapat Rushtasomboon
License No: 081447  
+662 648 1127
[email protected]

OO4670

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!