- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 19 January 2018 17:08
- Hits: 32452
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET…ผันผวน
ดัชนี SET พยายามขึ้นมาเทรดกันเหนือ 1830 จุด แต่สุดท้ายก็ยืนปิดเหนือ 1830 จุดไม่ได้ จากแรงเทขายหุ้นใหญ่ในกลุ่มหลักทั้งพลังงาน ปิโตรเคมี ธนาคารพาณิชย์ เหตุที่ถูกเทขายมาจากราคาหุ้นในกลุ่มเหล่านี้ขึ้นมาสูงมากๆ และระยะหลังไม่มีปัจจัยหนุน เช่น พลังงาน ค่าการกลั่นยังทรงตัวต่ำกว่า 6 ดอลลาร์ต่อบารเรล์ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ยังไม่ขึ้นทะลุ 70 ดอลลาร์ต่อบารเรล์ ส่วนหุ้นในกลุ่มธนาคาร ผิดหวังผลการดำเนินงาน เราเชื่อว่าช่วงที่งบ Q4/17 ออกมา ราคาหุ้นคงยังขึ้นได้ยากเพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่ดัชนีเสี่ยงต่อการถูกขายทำกำไรในช่วงสั้น
ระดับดัชนี SET เหนือ 1830+/- จุด จะพบว่าค่า P/E 12 เดือนล่วงหน้าของดัชนี IBES MSCI Thailand จะเทรดกันที่ 15.4 เท่า (ถือเป็นจุดสูงสุด)และหากเทียบกับดัชนี MSCI Thailand รูปดอลลาร์ พบว่าจะเทรดกันที่ประมาณ 500 จุด นอกจากนั้นระดับดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกที่เป็นอยู่เริ่มมีความเสี่ยง โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐที่ขึ้นมายืนเหนือ 26000 จุดได้แต่จะนานหรือไม่ต้องติดตามดูกันต่อ โดยดูในเที่ยงคืนวันนี้ ว่าสภาคองเกรสจะสามารถหลีกเลี่ยง Government shutdown ได้หรือไม่ หากผ่านไปได้ก็ไม่มีปัญหา แต่หากไม่ผ่านแล้วเกิด Government shutdown ตลาดหุ้นสหรัฐน่าจะรับข่าวในเชิงลบ
ปัจจัยหนุนของตลาดมาจากแรงซื้อของนักลงทุนภายใน ที่คาดหวังว่าอัตราการทำกำไรของตลาดหุ้นใน Q4/17 จะฟื้นตัวไปถึงปีหน้า รูปด้านซ้ายเราแสดงการคาดการณ์อัตราการทำกำไรของตลาด (EPS growth) ของปี 2016-2017-2018 พบว่าในปี 2018 ตอนนี้คาดขยายตัวที่ประมาณ 8.3% เท่าๆ กับปี 2017 โดยอัตราการทำกำไรตอนนี้จะถูกปรับเพิ่มขึ้นกว่านี้หรือจะลดลง ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับการประกาศงบ Q4/17 และของทั้งปี2018 ส่วนรูปด้านขวา คือ Earning momentum ของตลาดที่ดีขึ้นมากๆ และดีกว่าของภูมิภาค สะท้อนนักวิเคราะห์เริ่มมีมุมมองกำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาด จะมีกำไรเพิ่มขึ้น
ดัชนีที่ขึ้นไปถึง 1830+/- จุด แล้วไม่มีข่าวหนุนต่อ จึงต้องรอย่อยข่าวการประกาศงบ Q4/17 ส่วนทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐจะเริ่มมีผลในเชิงบวกต่อตลาดไทยน้อยลง เนื่องจากการขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐเป็นผลทางจิตวิทยาและไม่ได้กระตุ้นให้เกิดแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติแต่อย่างใด เรามองว่าการที่ดัชนี SET ขึ้นแรงในช่วงต้นปี (Outperform) อาจจะมีผลต่อการลงทุนในช่วงที่เหลือเหมือนอย่างที่เกิดบ่อยๆ คือ ตลาดหุ้นไทยจะขึ้นได้ช้ากว่าเพื่อนบ้านหลังจากนี้ (Underperform) เรามองว่าตลาดหุ้นไทยได้ขึ้นรับข่าวในเชิงบวกไปมากแล้วโดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขณะที่ปัจจัยหนุนใหม่ๆ ตอนนี้แทบมองไม่เห็น จึงต้องรอปัจจัยหนุนใหม่ๆหรือให้ดัชนีปรับตัวลงมากกว่านี้
วันนี้มองแนวโน้มดัชนีจะกลับมาผันผวนแรงขึ้นจากตลาดรอความชัดเจนเรื่องการโหวตแผนงบประมาณรายจ่ายชั่วคราวของรัฐบาลกลางสหรัฐผลการดำเนินงานหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และแรงกดจากแรงขายหุ้นใหญ่ โดยมองดัชนีมีแนวโน้มปรับตัวลงต่อ สลับรีบาวน์ในระหว่างวันแต่ไม่ไหว โดยแนวต้านอยู่ที่ 1824-1828 จุดและแนวรับที่ 1812-1808 จุด วันนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไร TMB LH BR
ดัชนี SET พยายามขึ้นมาเทรดกันเหนือ 1830 จุด แต่สุดท้ายก็ยืนปิดเหนือ 1830 จุดไม่ได้ จากแรงเทขายหุ้นใหญ่ในกลุ่มหลักทั้งพลังงาน ปิโตรเคมี ธนาคารพาณิชย์ เหตุที่ถูกเทขายมาจากราคาหุ้นในกลุ่มเหล่านี้ขึ้นมาสูงมากๆ และระยะหลังไม่มีปัจจัยหนุน เช่น พลังงาน ค่าการกลั่นยังทรงตัวต่ำกว่า 6 ดอลลาร์ต่อบารเรล์ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ยังไม่ขึ้นทะลุ 70 ดอลลาร์ต่อบารเรล์ ส่วนหุ้นในกลุ่มธนาคาร ผิดหวังผลการดำเนินงาน เราเชื่อว่าช่วงที่งบ Q4/17 ออกมา ราคาหุ้นคงยังขึ้นได้ยากเพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่ดัชนีเสี่ยงต่อการถูกขายทำกำไรในช่วงสั้น
ระดับดัชนี SET เหนือ 1830+/- จุด จะพบว่าค่า P/E 12 เดือนล่วงหน้าของดัชนี IBES MSCI Thailand จะเทรดกันที่ 15.4 เท่า (ถือเป็นจุดสูงสุด)และหากเทียบกับดัชนี MSCI Thailand รูปดอลลาร์ พบว่าจะเทรดกันที่ประมาณ 500 จุด นอกจากนั้นระดับดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกที่เป็นอยู่เริ่มมีความเสี่ยง โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐที่ขึ้นมายืนเหนือ 26000 จุดได้แต่จะนานหรือไม่ต้องติดตามดูกันต่อ โดยดูในเที่ยงคืนวันนี้ ว่าสภาคองเกรสจะสามารถหลีกเลี่ยง Government shutdown ได้หรือไม่ หากผ่านไปได้ก็ไม่มีปัญหา แต่หากไม่ผ่านแล้วเกิด Government shutdown ตลาดหุ้นสหรัฐน่าจะรับข่าวในเชิงลบ
ปัจจัยหนุนของตลาดมาจากแรงซื้อของนักลงทุนภายใน ที่คาดหวังว่าอัตราการทำกำไรของตลาดหุ้นใน Q4/17 จะฟื้นตัวไปถึงปีหน้า รูปด้านซ้ายเราแสดงการคาดการณ์อัตราการทำกำไรของตลาด (EPS growth) ของปี 2016-2017-2018 พบว่าในปี 2018 ตอนนี้คาดขยายตัวที่ประมาณ 8.3% เท่าๆ กับปี 2017 โดยอัตราการทำกำไรตอนนี้จะถูกปรับเพิ่มขึ้นกว่านี้หรือจะลดลง ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับการประกาศงบ Q4/17 และของทั้งปี2018 ส่วนรูปด้านขวา คือ Earning momentum ของตลาดที่ดีขึ้นมากๆ และดีกว่าของภูมิภาค สะท้อนนักวิเคราะห์เริ่มมีมุมมองกำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาด จะมีกำไรเพิ่มขึ้น
ดัชนีที่ขึ้นไปถึง 1830+/- จุด แล้วไม่มีข่าวหนุนต่อ จึงต้องรอย่อยข่าวการประกาศงบ Q4/17 ส่วนทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐจะเริ่มมีผลในเชิงบวกต่อตลาดไทยน้อยลง เนื่องจากการขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐเป็นผลทางจิตวิทยาและไม่ได้กระตุ้นให้เกิดแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติแต่อย่างใด เรามองว่าการที่ดัชนี SET ขึ้นแรงในช่วงต้นปี (Outperform) อาจจะมีผลต่อการลงทุนในช่วงที่เหลือเหมือนอย่างที่เกิดบ่อยๆ คือ ตลาดหุ้นไทยจะขึ้นได้ช้ากว่าเพื่อนบ้านหลังจากนี้ (Underperform) เรามองว่าตลาดหุ้นไทยได้ขึ้นรับข่าวในเชิงบวกไปมากแล้วโดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขณะที่ปัจจัยหนุนใหม่ๆ ตอนนี้แทบมองไม่เห็น จึงต้องรอปัจจัยหนุนใหม่ๆหรือให้ดัชนีปรับตัวลงมากกว่านี้
วันนี้มองแนวโน้มดัชนีจะกลับมาผันผวนแรงขึ้นจากตลาดรอความชัดเจนเรื่องการโหวตแผนงบประมาณรายจ่ายชั่วคราวของรัฐบาลกลางสหรัฐผลการดำเนินงานหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และแรงกดจากแรงขายหุ้นใหญ่ โดยมองดัชนีมีแนวโน้มปรับตัวลงต่อ สลับรีบาวน์ในระหว่างวันแต่ไม่ไหว โดยแนวต้านอยู่ที่ 1824-1828 จุดและแนวรับที่ 1812-1808 จุด วันนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไร TMB LH BR
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET…ผันผวน
ดัชนี SET พยายามขึ้นมาเทรดกันเหนือ 1830 จุด แต่สุดท้ายก็ยืนปิดเหนือ 1830 จุดไม่ได้ จากแรงเทขายหุ้นใหญ่ในกลุ่มหลักทั้งพลังงาน ปิโตรเคมี ธนาคารพาณิชย์ เหตุที่ถูกเทขายมาจากราคาหุ้นในกลุ่มเหล่านี้ขึ้นมาสูงมากๆ และระยะหลังไม่มีปัจจัยหนุน เช่น พลังงาน ค่าการกลั่นยังทรงตัวต่ำกว่า 6 ดอลลาร์ต่อบารเรล์ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ยังไม่ขึ้นทะลุ 70 ดอลลาร์ต่อบารเรล์ ส่วนหุ้นในกลุ่มธนาคาร ผิดหวังผลการดำเนินงาน เราเชื่อว่าช่วงที่งบ Q4/17 ออกมา ราคาหุ้นคงยังขึ้นได้ยากเพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่ดัชนีเสี่ยงต่อการถูกขายทำกำไรในช่วงสั้น
ระดับดัชนี SET เหนือ 1830+/- จุด จะพบว่าค่า P/E 12 เดือนล่วงหน้าของดัชนี IBES MSCI Thailand จะเทรดกันที่ 15.4 เท่า (ถือเป็นจุดสูงสุด)และหากเทียบกับดัชนี MSCI Thailand รูปดอลลาร์ พบว่าจะเทรดกันที่ประมาณ 500 จุด นอกจากนั้นระดับดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกที่เป็นอยู่เริ่มมีความเสี่ยง โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐที่ขึ้นมายืนเหนือ 26000 จุดได้แต่จะนานหรือไม่ต้องติดตามดูกันต่อ โดยดูในเที่ยงคืนวันนี้ ว่าสภาคองเกรสจะสามารถหลีกเลี่ยง Government shutdown ได้หรือไม่ หากผ่านไปได้ก็ไม่มีปัญหา แต่หากไม่ผ่านแล้วเกิด Government shutdown ตลาดหุ้นสหรัฐน่าจะรับข่าวในเชิงลบ
ปัจจัยหนุนของตลาดมาจากแรงซื้อของนักลงทุนภายใน ที่คาดหวังว่าอัตราการทำกำไรของตลาดหุ้นใน Q4/17 จะฟื้นตัวไปถึงปีหน้า รูปด้านซ้ายเราแสดงการคาดการณ์อัตราการทำกำไรของตลาด (EPS growth) ของปี 2016-2017-2018 พบว่าในปี 2018 ตอนนี้คาดขยายตัวที่ประมาณ 8.3% เท่าๆ กับปี 2017 โดยอัตราการทำกำไรตอนนี้จะถูกปรับเพิ่มขึ้นกว่านี้หรือจะลดลง ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับการประกาศงบ Q4/17 และของทั้งปี2018 ส่วนรูปด้านขวา คือ Earning momentum ของตลาดที่ดีขึ้นมากๆ และดีกว่าของภูมิภาค สะท้อนนักวิเคราะห์เริ่มมีมุมมองกำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาด จะมีกำไรเพิ่มขึ้น
ดัชนีที่ขึ้นไปถึง 1830+/- จุด แล้วไม่มีข่าวหนุนต่อ จึงต้องรอย่อยข่าวการประกาศงบ Q4/17 ส่วนทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐจะเริ่มมีผลในเชิงบวกต่อตลาดไทยน้อยลง เนื่องจากการขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐเป็นผลทางจิตวิทยาและไม่ได้กระตุ้นให้เกิดแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติแต่อย่างใด เรามองว่าการที่ดัชนี SET ขึ้นแรงในช่วงต้นปี (Outperform) อาจจะมีผลต่อการลงทุนในช่วงที่เหลือเหมือนอย่างที่เกิดบ่อยๆ คือ ตลาดหุ้นไทยจะขึ้นได้ช้ากว่าเพื่อนบ้านหลังจากนี้ (Underperform) เรามองว่าตลาดหุ้นไทยได้ขึ้นรับข่าวในเชิงบวกไปมากแล้วโดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขณะที่ปัจจัยหนุนใหม่ๆ ตอนนี้แทบมองไม่เห็น จึงต้องรอปัจจัยหนุนใหม่ๆหรือให้ดัชนีปรับตัวลงมากกว่านี้
วันนี้มองแนวโน้มดัชนีจะกลับมาผันผวนแรงขึ้นจากตลาดรอความชัดเจนเรื่องการโหวตแผนงบประมาณรายจ่ายชั่วคราวของรัฐบาลกลางสหรัฐผลการดำเนินงานหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และแรงกดจากแรงขายหุ้นใหญ่ โดยมองดัชนีมีแนวโน้มปรับตัวลงต่อ สลับรีบาวน์ในระหว่างวันแต่ไม่ไหว โดยแนวต้านอยู่ที่ 1824-1828 จุดและแนวรับที่ 1812-1808 จุด วันนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไร TMB LH BR
Analysts :
Kiatkong Decho +662 761-9236 [email protected]
Line ID : @CIMBS Youtube : CIMBS
ดัชนี SET พยายามขึ้นมาเทรดกันเหนือ 1830 จุด แต่สุดท้ายก็ยืนปิดเหนือ 1830 จุดไม่ได้ จากแรงเทขายหุ้นใหญ่ในกลุ่มหลักทั้งพลังงาน ปิโตรเคมี ธนาคารพาณิชย์ เหตุที่ถูกเทขายมาจากราคาหุ้นในกลุ่มเหล่านี้ขึ้นมาสูงมากๆ และระยะหลังไม่มีปัจจัยหนุน เช่น พลังงาน ค่าการกลั่นยังทรงตัวต่ำกว่า 6 ดอลลาร์ต่อบารเรล์ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ยังไม่ขึ้นทะลุ 70 ดอลลาร์ต่อบารเรล์ ส่วนหุ้นในกลุ่มธนาคาร ผิดหวังผลการดำเนินงาน เราเชื่อว่าช่วงที่งบ Q4/17 ออกมา ราคาหุ้นคงยังขึ้นได้ยากเพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่ดัชนีเสี่ยงต่อการถูกขายทำกำไรในช่วงสั้น
ระดับดัชนี SET เหนือ 1830+/- จุด จะพบว่าค่า P/E 12 เดือนล่วงหน้าของดัชนี IBES MSCI Thailand จะเทรดกันที่ 15.4 เท่า (ถือเป็นจุดสูงสุด)และหากเทียบกับดัชนี MSCI Thailand รูปดอลลาร์ พบว่าจะเทรดกันที่ประมาณ 500 จุด นอกจากนั้นระดับดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกที่เป็นอยู่เริ่มมีความเสี่ยง โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐที่ขึ้นมายืนเหนือ 26000 จุดได้แต่จะนานหรือไม่ต้องติดตามดูกันต่อ โดยดูในเที่ยงคืนวันนี้ ว่าสภาคองเกรสจะสามารถหลีกเลี่ยง Government shutdown ได้หรือไม่ หากผ่านไปได้ก็ไม่มีปัญหา แต่หากไม่ผ่านแล้วเกิด Government shutdown ตลาดหุ้นสหรัฐน่าจะรับข่าวในเชิงลบ
ปัจจัยหนุนของตลาดมาจากแรงซื้อของนักลงทุนภายใน ที่คาดหวังว่าอัตราการทำกำไรของตลาดหุ้นใน Q4/17 จะฟื้นตัวไปถึงปีหน้า รูปด้านซ้ายเราแสดงการคาดการณ์อัตราการทำกำไรของตลาด (EPS growth) ของปี 2016-2017-2018 พบว่าในปี 2018 ตอนนี้คาดขยายตัวที่ประมาณ 8.3% เท่าๆ กับปี 2017 โดยอัตราการทำกำไรตอนนี้จะถูกปรับเพิ่มขึ้นกว่านี้หรือจะลดลง ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับการประกาศงบ Q4/17 และของทั้งปี2018 ส่วนรูปด้านขวา คือ Earning momentum ของตลาดที่ดีขึ้นมากๆ และดีกว่าของภูมิภาค สะท้อนนักวิเคราะห์เริ่มมีมุมมองกำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาด จะมีกำไรเพิ่มขึ้น
ดัชนีที่ขึ้นไปถึง 1830+/- จุด แล้วไม่มีข่าวหนุนต่อ จึงต้องรอย่อยข่าวการประกาศงบ Q4/17 ส่วนทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐจะเริ่มมีผลในเชิงบวกต่อตลาดไทยน้อยลง เนื่องจากการขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐเป็นผลทางจิตวิทยาและไม่ได้กระตุ้นให้เกิดแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติแต่อย่างใด เรามองว่าการที่ดัชนี SET ขึ้นแรงในช่วงต้นปี (Outperform) อาจจะมีผลต่อการลงทุนในช่วงที่เหลือเหมือนอย่างที่เกิดบ่อยๆ คือ ตลาดหุ้นไทยจะขึ้นได้ช้ากว่าเพื่อนบ้านหลังจากนี้ (Underperform) เรามองว่าตลาดหุ้นไทยได้ขึ้นรับข่าวในเชิงบวกไปมากแล้วโดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขณะที่ปัจจัยหนุนใหม่ๆ ตอนนี้แทบมองไม่เห็น จึงต้องรอปัจจัยหนุนใหม่ๆหรือให้ดัชนีปรับตัวลงมากกว่านี้
วันนี้มองแนวโน้มดัชนีจะกลับมาผันผวนแรงขึ้นจากตลาดรอความชัดเจนเรื่องการโหวตแผนงบประมาณรายจ่ายชั่วคราวของรัฐบาลกลางสหรัฐผลการดำเนินงานหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และแรงกดจากแรงขายหุ้นใหญ่ โดยมองดัชนีมีแนวโน้มปรับตัวลงต่อ สลับรีบาวน์ในระหว่างวันแต่ไม่ไหว โดยแนวต้านอยู่ที่ 1824-1828 จุดและแนวรับที่ 1812-1808 จุด วันนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไร TMB LH BR
Analysts :
Kiatkong Decho +662 761-9236 [email protected]
Line ID : @CIMBS Youtube : CIMBS
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary…
SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,810.89 จุด ลดลง 8.43 จุด (-0.46%) มูลค่าการซื้อขาย41,488.79 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้ปรับลง โดยมีแรงขายนำจากกลุ่มธนาคารหลังผลประกอบการ 4Q17 ของแบงก์ใหญ่ออกมาไม่สดใส ขณะเดียวกันมีแรงกดดันหุ้น BANPUหลังศาลได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีโรงไฟฟ้าหงสาในวันที่ 6 มี.ค.นี้ ด้านตลาดภูมิภาคแกว่งบวก-ลบ ขณะที่นักลงทุนติดตามความคืบหน้าของร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวของสหรัฐฯ ที่จะส่งต่อให้วุฒิสภาพิจารณาKKP รายงานผลประกอบ 4Q17 มีกำไรสุทธิ 1,304 ล้านบาท (-10% YoY, -24% QoQ)หรือ EPS 1.55 ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ 14% โดย Bloomberg consensus ให้ราคาเป้าหมาย 78.88 บาท (Buy/Hold/Sell : 6/12/4)
Afternoon Perspective…
แนวโน้มตลาดบ่าย แกว่งลง เราแนะนำให้ชะลอการลงทุนในระยะสั้น หรือสลับเข้าเก็งกำไรหุ้นขนาดกลางเล็ก สำหรับหุ้นใหญ่ให้รอดูแรงขายในรอบนี้สักระยะ โดยจังหวะกลับเข้าซื้อน่าจะรอดูจนกว่าแรงขายจะเบาบางลงไปก่อน โดยเฉพาะแรงขายทำกำไรของกลุ่มนักลงทุนสถาบัน เราให้สังเกตจากหุ้นกลุ่มนำตลาดหากสามารถกลับมายืนเหนือระดับเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันได้ จะถือว่าสัญญาณเก็งกำไรจะกลับมาดูดี สำหรับ SET Index แนวรับจะอยู่ที่ระดับ 1807 จุด หากปิดต่ำกว่า เป็นสัญญาณขาย แนวต้าน 1816 จุด หากรีบาวน์ไม่ผ่านก็ถือเป็นการยืนยันการจบรอบขาขึ้นในระยะสั้น น่าจะพักฐานเพื่อปรับสมดุลใหม่อีกครั้ง แนะนำ หุ้นกลางเล็กที่น่าสนใจในกลุ่มที่ผลการดำเนินงานจะออกมาดี AP THESGP
Technical Pick (PM) ...
Bumrungrad Hospital (BH TB; THB 197.00) – ซื้อ
Patkol (PK TB; THB 6.20) – ซื้อ
Analysts :
Kitichan Sirisukarcha +66(2) 761 9232 – [email protected]
Teerawut Kanniphakul +66(2) 761 9233 – [email protected]
Line ID : @CIMBS Youtube : CIMBS
OO4669
Kitichan Sirisukarcha +66(2) 761 9232 – [email protected]
Teerawut Kanniphakul +66(2) 761 9233 – [email protected]
Line ID : @CIMBS Youtube : CIMBS
OO4669