- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 18 January 2018 16:25
- Hits: 8854
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“สภาพคล่องยังหนุน...เลือกซื้อ/ถือต่อ”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ปัจจัยภายนอก - ตลาดเงินดิจิตอล (ทั้งบิตคอยน์ อีเธอเรียม ริพเพิล) ดิ่งแรง มูลค่าตลาดร่วง 2 แสนล้านUS$ ภายในวันเดียว หลังหลายประเทศออกกฎควบคุมการซื้อขายเงินดิจิตอล ขณะที่ตลาดหุ้นยังมีแรงส่งดีในระยะสั้น จาก 1) รายงาน Beige book ระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะโตดีต่อในปี 61 ทั้งในภาคผลิต ก่อสร้าง และขนส่ง อัตราว่างงานต่ำ หลายเขตมีการปรับขึ้นค่าแรง&ตำแหน่งงาน และสามารถรับพนักงานได้เพิ่มทุกภาคส่วน อย่างไรก็ดี ตลาดคาดว่าเฟดจะยังดอกเบี้ยไว้ที่ 1.5% ในการประชุม 30-31 ม.ค.61 นี้ก่อน, 2) ผลกำไร 4Q60 ของตลาด S&P500 มีแนวโน้มดีกว่าคาด, 3) เศรษฐกิจยุโรป ญี่ปุ่น และเอเชียโตกระจายตัวมากขึ้น แต่ดอกเบี้ยจะยังไม่ปรับขึ้นรวดเร็ว , 4) ราคาน้ำมัน BRENT ยังสูงที่ 70+/- US$/bbl แม้กังวลว่าสหรัฐจะผลิตเพิ่มเป็น Historical high ในปีนี้ ซึ่งหนุนผลประกอบการกลุ่มพลังงาน & ปิโตรเคมีให้ดีต่อใน 1Q61
ส่วนปัจจัยภายใน - เมื่อวานนี้ SET ปิด +7.05 จุดที่ 1828.88 นลท.ต่างชาติพลิกเป็นซื้อสุทธิ 2.2 พันลบ. ส่วนสถาบันในปท.ขายสุทธิ 2.7 พันลบ. ซึ่งต้องติดตามกันต่อว่าต่างชาติจะซื้อสุทธิต่อเนื่องหรือไม่ สำหรับเรื่องการปรับขึ้นอัตราค่าแรงงานสรุปว่าปรับขึ้น 5-22 บาท โดยมีอัตราค่าเฉลี่ยรวม 315.97 บาท (เพิ่ม 5.3%) มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.61 (ไม่ย้อนหลังไป 1 ม.ค.61) ... กลุ่มอุตสาหกรรมที่จะได้รับผลกระทบมาก ได้แก่ เกษตร, อุตสาหกรรมเกษตร & อาหาร & สิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม, โรงแรม & รีสอร์ท & สปา, รับเหมาก่อสร้าง, และอุตสาหกรรมบริการต่างๆ แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่เติบโตดีขึ้น ก็จะสามารถผลักภาระต้นทุนแรงงานที่เพิ่มขึ้นบางส่วนไปให้กับผู้บริโภคและผู้ใช้บริการได้ นอกจากนั้น ค่าแรงงานที่เพิ่มก็ทำให้กำลังซื้อและใช้บริการในระบบเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นบวกกับกลุ่มค้าปลีก สื่อสาร สื่อ&บันเทิง ท่องเที่ยวและขนส่ง หุ้นเด่นในกลุ่มดังกล่าวของ DBS คือ CPALL (TP 84 บาท), COM7 (TP 18.9 บาท), HMPRO (TP 15 บาท), WORK (TP 97 บาท), ERW (TP 10.50 บาท), BEM (TP 8.60 บาท), BTS (TP 9.2 บาท)
หุ้นแนะนำวันนี้ COM7 : ได้ประโยชน์จากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำและผู้บริโภคต้องการใช้สมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้น กำไร 4Q60 โตแกร่งและมีแนวโน้มดีในปี 61 คาดกำไรปี 60-61 โต 41% และ 35% ด้าน EV/EBITDA ปี 61 จะลงเหลือ 15 เท่า ฐานะการเงินดี D/E ต่ำเพียง 0.1 เท่า แนะซื้อ TP 18.90 บาท
กลยุทธ์ทางพื้นฐาน : แนะเลือกซื้อเป็นรายบริษัท โดยธีมเด่นหุ้นดีจาก DBS รอบนี้เลือก 1. Investment recovery play (หุ้นเด่น AMATA ราคาพื้นฐาน 30 บาท), 2. Dividend play (หุ้นเด่น KKP ราคาพื้นฐาน 88 บาท) และ 3. Growth play (หุ้นเด่น IVL ราคาพื้นฐาน 65 บาท)
กลยุทธ์ทางเทคนิค : ระยะสั้นมากตลาดกลับมาเป็นบวก แต่ยังควรระวังการแกว่ง ซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวกหุ้นและตลาด แนวต้าน SET ให้ไว้ที่ 1835-1840, 1850 ถ้าหลุด 1810 ควร Stop loss หุ้นที่มีโอกาสทำ New high ได้แก่ ASAP, AP, ESSO, COM7, RS, WHA, IVL ส่วนหุ้นที่หาจังหวะTake profit เป็น BLA, MINT, DELTA, QH หุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ SEAFCO, BANPU, SENA, IHL, UNIQ, AMATAV, PTL หุ้นหลุด List คือ INTUCH
ปัจจัยต่างประเทศ
• ยูโรโซน : ดัชนี CPI ของยูโรโซนลดลง 0.4%MoM ในเดือนธ.ค.60
# ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ยูโรโซน -0.4%MoM ในเดือนธ.ค. และเพิ่มในอัตราที่ลดลงเป็น 1.4%YoY ซึ่งการร่วงลงของดัชนี CPI มาจากราคาอาหารและเสื้อผ้าที่ลดลง แม้ว่าราคาพลังงาน และบุหรี่ปรับตัวขึ้น สำหรับ Core CPI +1.1%YoY ในเดือนธ.ค.60 ซึ่งเป็นอัตราเดียวกันกับ 2 เดือนก่อนหน้า
• อังกฤษ : ดัชนี CPI อ่อนลงเป็น 3.0% ในธ.ค.60
# สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) รายงานว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ลดลงเป็น 3.0% ในเดือนธ.ค. จาก 3.1% ในเดือนพ.ย.60 เพราะราคาตั๋วเครื่องบินและสินค้าสันทนาการลดลง ส่วน Core CPI อ่อนลงเป็น 2.5% ในเดือนธ.ค.
+/-ภาวะตลาดหุ้น : ดัชนี DJIA พุ่งขึ้นแรง (+1.25%) แต่ตลาดหุ้นอังกฤษ & ยุโรปลดลง
# ดัชนี DJIA ปิดที่ 26,115.65 จุด +322.79 จุด หรือ +1.25% ดัชนี S&P500 ปิด +26.14 จุด หรือ +0.94% และดัชนี Nasdaq ปิด +74.59 จุด หรือ +1.03% หนุนโดยภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มแข็งแกร่งต่อในปี 61 การจ้างงานเต็มศักยภาพ และผลประกอบการ 4Q60 ออกมาดีกว่าคาด
# ดัชนีตลาดหุ้นลอนดอนปิด -30.50 จุด หรือ -0.39% นักลงทุนกังวลข่าวคาริลเลียน ซึ่งเป็นบริษัทก่อสร้างขนาดใหญ่ของอังกฤษล้มละลาย ส่วนดัชนีตลาดหุ้นยุโรปปิด -0.4% ถึง -0.5%
+ สหรัฐ : รายงาน Beige book ระบุเศรษฐกิจสหรัฐปี 61 สดใสต่อเนื่อง
# เฟดเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจทั้ง 12 เขต หรือ "Beige Book" เมื่อวานนี้ว่า ภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของสหรัฐยังคงขยายตัวเล็กน้อยจนถึงปานกลางในช่วงปลายเดือนพ.ย.60 จนถึงต้นปี 61 ขณะที่ค่าแรงปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยบางเขตรายงานว่า บริษัทเอกชนในเกือบทุกภาคส่วนอุตสาหกรรมได้ปรับเพิ่มค่าแรงและตำแหน่งงาน ส่วนแนวโน้มทั้งปี 61 ยังคงสดใส โดยเขตส่วนใหญ่รายงานว่า ตลาดแรงงานยังคงอยู่ในภาวะตึงตัวและยังสามารถเปิดรับพนักงานที่มีความสามารถในทุกภาคส่วน
# การผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐ +0.9%MoM ในเดือนธ.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ +0.4% โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ในการทำความร้อน ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นในสหรัฐ
+ สหรัฐ : บริษัทรายงานกำไร 4Q60 ออกมาดีกว่าคาดเป็นส่วนใหญ่
# FactSet ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านการเงินระบุว่า ในบรรดาบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในดัชนี S&P 500 ซึ่งมีการรายงานผลประกอบการแล้วนั้น บริษัทจำนวน 69% รายงาน EPS สูงกว่าคาดการณ์ ขณะที่ 85% รายงานกำไรสุทธิ (Net profit) สูงกว่าคาด
+ ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาน้ำมันขยับขึ้นต่อ แม้กังวลถึงการผลิตน้ำมันเพิ่มของสหรัฐ
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 24 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 63.97 ดอลลาร์/บาร์เรล และ BRENT ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 23 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 69.38 ดอลลาร์/บาร์เรล
# คาดการณ์กันว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 9 โดยลดลงอีก 3.5 ล้านบาร์เรล
# EIA ได้เปิดเผยรายงาน "Short-Term Energy Outlook" โดยคาดว่าการผลิตน้ำมันโดยเฉลี่ยของสหรัฐในปี 2561 จะอยู่ที่ 10.27 ล้านบาร์เรล/วัน และ 10.85 ล้านบาร์เรล/วัน ในปี 2562 สูงกว่าสถิติครั้งก่อนซึ่งเคยทำไว้เมื่อปี 2513 ที่ 9.6 ล้านบาร์เรล/วัน
+ ภาวะตลาดทองคำ : ราคาปรับขึ้นเมื่อค่าเงิน US$ อ่อน
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 2.1 ดอลลาร์ หรือ 0.16% ปิดที่ 1339.20 ดอลลาร์/ออนซ์ เพราะค่าเงิน US$ ยังอ่อนค่าต่อ ทั้งนี้ตลาดทองคำ COMEX ปิดก่อนที่เฟดจะเปิดเผยรายงาน Beige book ออกมา โดยหลังเปิดเผยรายงานฯ ดัชนีค่าเงิน US$ ก็แข็งขึ้นทันที
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
• บอร์ดฯค่าจ้างสรุปขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 5-22 บาท...สูงสุด 330 บาทในจ.ภูเก็ต-ชลบุรี-ระยอง มีผลตั้งแต่ 1 เม.ย.61
# เมื่อวานนี้ (17 ม.ค.) ที่ประชุมคณะกรรมการค่าจ้างฯ ได้ข้อสรุปปรับขึ้นอัตราค่าจ้างทั่วประเทศ แบ่งเป็น 7 ระดับ ต่ำสุดอยู่ที่ 308 บาท ในกลุ่มจังหวัดสามชายแดนภาคใต้ และสูงสุดอยู่ที่ 330 บาท ในจังหวัดภูเก็ต ชลบุรี และระยอง ส่วนกรุงเทพฯและปริมณฑล อยู่ที่ 325 บาท โดยมีอัตราการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำอยู่ที่ 5-22 บาท อัตราค่าเฉลี่ยรวมอยู่ 315.97 บาท มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.61 (ไม่มีผลย้อนหลังไปถึงวันที่ 1 ม.ค.61) โดยจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไปในสัปดาห์หน้า
# กลุ่มอุตสาหกรรมที่จะได้รับผลกระทบมากคือ กลุ่มที่ใช้แรงงานมาก เช่น เกษตร, อุตสาหกรรมเกษตร & อาหาร & สิ่งทอเครื่องนุ่งห่ม, โรงแรม & รีสอร์ท & สปา, รับเหมาก่อสร้าง, และอุตสาหกรรมบริการต่างๆ แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่เติบโตดีขึ้น ก็จะสามารถผลักภาระต้นทุนแรงงานที่เพิ่มขึ้นบางส่วนไปให้กับผู้บริโภคและผู้ใช้บริการได้
# นอกจากนั้น อัตราค่าแรงงานที่เพิ่มก็ทำให้กำลังซื้อและกำลังการใช้บริการในระบบเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นบวกกับกลุ่มค้าปลีกสื่อสาร สื่อ&บันเทิง ท่องเที่ยวและขนส่ง
หุ้นเด่นในกลุ่มดังกล่าวของ DBS คือ CPALL (ราคาพื้นฐาน 84 บาท), COM7 (ราคาพื้นฐาน 18.9 บาท), HMPRO (ราคาพื้นฐาน 15 บาท), WORK (ราคาพื้นฐาน 97 บาท), ERW (ราคาพื้นฐาน 10.50 บาท), BEM (ราคาพื้นฐาน 8.60 บาท), BTS (ราคาพื้นฐาน 9.2 บาท)
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]
OO4630
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ปัจจัยภายนอก - ตลาดเงินดิจิตอล (ทั้งบิตคอยน์ อีเธอเรียม ริพเพิล) ดิ่งแรง มูลค่าตลาดร่วง 2 แสนล้านUS$ ภายในวันเดียว หลังหลายประเทศออกกฎควบคุมการซื้อขายเงินดิจิตอล ขณะที่ตลาดหุ้นยังมีแรงส่งดีในระยะสั้น จาก 1) รายงาน Beige book ระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะโตดีต่อในปี 61 ทั้งในภาคผลิต ก่อสร้าง และขนส่ง อัตราว่างงานต่ำ หลายเขตมีการปรับขึ้นค่าแรง&ตำแหน่งงาน และสามารถรับพนักงานได้เพิ่มทุกภาคส่วน อย่างไรก็ดี ตลาดคาดว่าเฟดจะยังดอกเบี้ยไว้ที่ 1.5% ในการประชุม 30-31 ม.ค.61 นี้ก่อน, 2) ผลกำไร 4Q60 ของตลาด S&P500 มีแนวโน้มดีกว่าคาด, 3) เศรษฐกิจยุโรป ญี่ปุ่น และเอเชียโตกระจายตัวมากขึ้น แต่ดอกเบี้ยจะยังไม่ปรับขึ้นรวดเร็ว , 4) ราคาน้ำมัน BRENT ยังสูงที่ 70+/- US$/bbl แม้กังวลว่าสหรัฐจะผลิตเพิ่มเป็น Historical high ในปีนี้ ซึ่งหนุนผลประกอบการกลุ่มพลังงาน & ปิโตรเคมีให้ดีต่อใน 1Q61
ส่วนปัจจัยภายใน - เมื่อวานนี้ SET ปิด +7.05 จุดที่ 1828.88 นลท.ต่างชาติพลิกเป็นซื้อสุทธิ 2.2 พันลบ. ส่วนสถาบันในปท.ขายสุทธิ 2.7 พันลบ. ซึ่งต้องติดตามกันต่อว่าต่างชาติจะซื้อสุทธิต่อเนื่องหรือไม่ สำหรับเรื่องการปรับขึ้นอัตราค่าแรงงานสรุปว่าปรับขึ้น 5-22 บาท โดยมีอัตราค่าเฉลี่ยรวม 315.97 บาท (เพิ่ม 5.3%) มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.61 (ไม่ย้อนหลังไป 1 ม.ค.61) ... กลุ่มอุตสาหกรรมที่จะได้รับผลกระทบมาก ได้แก่ เกษตร, อุตสาหกรรมเกษตร & อาหาร & สิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม, โรงแรม & รีสอร์ท & สปา, รับเหมาก่อสร้าง, และอุตสาหกรรมบริการต่างๆ แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่เติบโตดีขึ้น ก็จะสามารถผลักภาระต้นทุนแรงงานที่เพิ่มขึ้นบางส่วนไปให้กับผู้บริโภคและผู้ใช้บริการได้ นอกจากนั้น ค่าแรงงานที่เพิ่มก็ทำให้กำลังซื้อและใช้บริการในระบบเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นบวกกับกลุ่มค้าปลีก สื่อสาร สื่อ&บันเทิง ท่องเที่ยวและขนส่ง หุ้นเด่นในกลุ่มดังกล่าวของ DBS คือ CPALL (TP 84 บาท), COM7 (TP 18.9 บาท), HMPRO (TP 15 บาท), WORK (TP 97 บาท), ERW (TP 10.50 บาท), BEM (TP 8.60 บาท), BTS (TP 9.2 บาท)
หุ้นแนะนำวันนี้ COM7 : ได้ประโยชน์จากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำและผู้บริโภคต้องการใช้สมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้น กำไร 4Q60 โตแกร่งและมีแนวโน้มดีในปี 61 คาดกำไรปี 60-61 โต 41% และ 35% ด้าน EV/EBITDA ปี 61 จะลงเหลือ 15 เท่า ฐานะการเงินดี D/E ต่ำเพียง 0.1 เท่า แนะซื้อ TP 18.90 บาท
กลยุทธ์ทางพื้นฐาน : แนะเลือกซื้อเป็นรายบริษัท โดยธีมเด่นหุ้นดีจาก DBS รอบนี้เลือก 1. Investment recovery play (หุ้นเด่น AMATA ราคาพื้นฐาน 30 บาท), 2. Dividend play (หุ้นเด่น KKP ราคาพื้นฐาน 88 บาท) และ 3. Growth play (หุ้นเด่น IVL ราคาพื้นฐาน 65 บาท)
กลยุทธ์ทางเทคนิค : ระยะสั้นมากตลาดกลับมาเป็นบวก แต่ยังควรระวังการแกว่ง ซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวกหุ้นและตลาด แนวต้าน SET ให้ไว้ที่ 1835-1840, 1850 ถ้าหลุด 1810 ควร Stop loss หุ้นที่มีโอกาสทำ New high ได้แก่ ASAP, AP, ESSO, COM7, RS, WHA, IVL ส่วนหุ้นที่หาจังหวะTake profit เป็น BLA, MINT, DELTA, QH หุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ SEAFCO, BANPU, SENA, IHL, UNIQ, AMATAV, PTL หุ้นหลุด List คือ INTUCH
ปัจจัยต่างประเทศ
• ยูโรโซน : ดัชนี CPI ของยูโรโซนลดลง 0.4%MoM ในเดือนธ.ค.60
# ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ยูโรโซน -0.4%MoM ในเดือนธ.ค. และเพิ่มในอัตราที่ลดลงเป็น 1.4%YoY ซึ่งการร่วงลงของดัชนี CPI มาจากราคาอาหารและเสื้อผ้าที่ลดลง แม้ว่าราคาพลังงาน และบุหรี่ปรับตัวขึ้น สำหรับ Core CPI +1.1%YoY ในเดือนธ.ค.60 ซึ่งเป็นอัตราเดียวกันกับ 2 เดือนก่อนหน้า
• อังกฤษ : ดัชนี CPI อ่อนลงเป็น 3.0% ในธ.ค.60
# สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) รายงานว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ลดลงเป็น 3.0% ในเดือนธ.ค. จาก 3.1% ในเดือนพ.ย.60 เพราะราคาตั๋วเครื่องบินและสินค้าสันทนาการลดลง ส่วน Core CPI อ่อนลงเป็น 2.5% ในเดือนธ.ค.
+/-ภาวะตลาดหุ้น : ดัชนี DJIA พุ่งขึ้นแรง (+1.25%) แต่ตลาดหุ้นอังกฤษ & ยุโรปลดลง
# ดัชนี DJIA ปิดที่ 26,115.65 จุด +322.79 จุด หรือ +1.25% ดัชนี S&P500 ปิด +26.14 จุด หรือ +0.94% และดัชนี Nasdaq ปิด +74.59 จุด หรือ +1.03% หนุนโดยภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มแข็งแกร่งต่อในปี 61 การจ้างงานเต็มศักยภาพ และผลประกอบการ 4Q60 ออกมาดีกว่าคาด
# ดัชนีตลาดหุ้นลอนดอนปิด -30.50 จุด หรือ -0.39% นักลงทุนกังวลข่าวคาริลเลียน ซึ่งเป็นบริษัทก่อสร้างขนาดใหญ่ของอังกฤษล้มละลาย ส่วนดัชนีตลาดหุ้นยุโรปปิด -0.4% ถึง -0.5%
+ สหรัฐ : รายงาน Beige book ระบุเศรษฐกิจสหรัฐปี 61 สดใสต่อเนื่อง
# เฟดเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจทั้ง 12 เขต หรือ "Beige Book" เมื่อวานนี้ว่า ภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของสหรัฐยังคงขยายตัวเล็กน้อยจนถึงปานกลางในช่วงปลายเดือนพ.ย.60 จนถึงต้นปี 61 ขณะที่ค่าแรงปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยบางเขตรายงานว่า บริษัทเอกชนในเกือบทุกภาคส่วนอุตสาหกรรมได้ปรับเพิ่มค่าแรงและตำแหน่งงาน ส่วนแนวโน้มทั้งปี 61 ยังคงสดใส โดยเขตส่วนใหญ่รายงานว่า ตลาดแรงงานยังคงอยู่ในภาวะตึงตัวและยังสามารถเปิดรับพนักงานที่มีความสามารถในทุกภาคส่วน
# การผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐ +0.9%MoM ในเดือนธ.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ +0.4% โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ในการทำความร้อน ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นในสหรัฐ
+ สหรัฐ : บริษัทรายงานกำไร 4Q60 ออกมาดีกว่าคาดเป็นส่วนใหญ่
# FactSet ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านการเงินระบุว่า ในบรรดาบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในดัชนี S&P 500 ซึ่งมีการรายงานผลประกอบการแล้วนั้น บริษัทจำนวน 69% รายงาน EPS สูงกว่าคาดการณ์ ขณะที่ 85% รายงานกำไรสุทธิ (Net profit) สูงกว่าคาด
+ ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาน้ำมันขยับขึ้นต่อ แม้กังวลถึงการผลิตน้ำมันเพิ่มของสหรัฐ
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 24 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 63.97 ดอลลาร์/บาร์เรล และ BRENT ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 23 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 69.38 ดอลลาร์/บาร์เรล
# คาดการณ์กันว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 9 โดยลดลงอีก 3.5 ล้านบาร์เรล
# EIA ได้เปิดเผยรายงาน "Short-Term Energy Outlook" โดยคาดว่าการผลิตน้ำมันโดยเฉลี่ยของสหรัฐในปี 2561 จะอยู่ที่ 10.27 ล้านบาร์เรล/วัน และ 10.85 ล้านบาร์เรล/วัน ในปี 2562 สูงกว่าสถิติครั้งก่อนซึ่งเคยทำไว้เมื่อปี 2513 ที่ 9.6 ล้านบาร์เรล/วัน
+ ภาวะตลาดทองคำ : ราคาปรับขึ้นเมื่อค่าเงิน US$ อ่อน
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 2.1 ดอลลาร์ หรือ 0.16% ปิดที่ 1339.20 ดอลลาร์/ออนซ์ เพราะค่าเงิน US$ ยังอ่อนค่าต่อ ทั้งนี้ตลาดทองคำ COMEX ปิดก่อนที่เฟดจะเปิดเผยรายงาน Beige book ออกมา โดยหลังเปิดเผยรายงานฯ ดัชนีค่าเงิน US$ ก็แข็งขึ้นทันที
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
• บอร์ดฯค่าจ้างสรุปขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 5-22 บาท...สูงสุด 330 บาทในจ.ภูเก็ต-ชลบุรี-ระยอง มีผลตั้งแต่ 1 เม.ย.61
# เมื่อวานนี้ (17 ม.ค.) ที่ประชุมคณะกรรมการค่าจ้างฯ ได้ข้อสรุปปรับขึ้นอัตราค่าจ้างทั่วประเทศ แบ่งเป็น 7 ระดับ ต่ำสุดอยู่ที่ 308 บาท ในกลุ่มจังหวัดสามชายแดนภาคใต้ และสูงสุดอยู่ที่ 330 บาท ในจังหวัดภูเก็ต ชลบุรี และระยอง ส่วนกรุงเทพฯและปริมณฑล อยู่ที่ 325 บาท โดยมีอัตราการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำอยู่ที่ 5-22 บาท อัตราค่าเฉลี่ยรวมอยู่ 315.97 บาท มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.61 (ไม่มีผลย้อนหลังไปถึงวันที่ 1 ม.ค.61) โดยจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไปในสัปดาห์หน้า
# กลุ่มอุตสาหกรรมที่จะได้รับผลกระทบมากคือ กลุ่มที่ใช้แรงงานมาก เช่น เกษตร, อุตสาหกรรมเกษตร & อาหาร & สิ่งทอเครื่องนุ่งห่ม, โรงแรม & รีสอร์ท & สปา, รับเหมาก่อสร้าง, และอุตสาหกรรมบริการต่างๆ แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่เติบโตดีขึ้น ก็จะสามารถผลักภาระต้นทุนแรงงานที่เพิ่มขึ้นบางส่วนไปให้กับผู้บริโภคและผู้ใช้บริการได้
# นอกจากนั้น อัตราค่าแรงงานที่เพิ่มก็ทำให้กำลังซื้อและกำลังการใช้บริการในระบบเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นบวกกับกลุ่มค้าปลีกสื่อสาร สื่อ&บันเทิง ท่องเที่ยวและขนส่ง
หุ้นเด่นในกลุ่มดังกล่าวของ DBS คือ CPALL (ราคาพื้นฐาน 84 บาท), COM7 (ราคาพื้นฐาน 18.9 บาท), HMPRO (ราคาพื้นฐาน 15 บาท), WORK (ราคาพื้นฐาน 97 บาท), ERW (ราคาพื้นฐาน 10.50 บาท), BEM (ราคาพื้นฐาน 8.60 บาท), BTS (ราคาพื้นฐาน 9.2 บาท)
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]
OO4630