WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

KTBบล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily

SET INDEX
1821.83 -0.83(-0.05) // Vol. 76,866
  มีแนวโน้มชะลอตัว
  กรอบการเคลื่อนไหว 1814-1830
   ดัชนีวานนี้มีทิศทางอ่อนตัว ถึงแม้จะขยับทำ New High ได้อีกเล็กน้อยที่ 1831 จุด ก่อนที่จะเผชิญแรงขายกดดัชนีไหลลงทำ Low ที่ 1816 จุด ซึ่งถือว่าลงมาปิด Gap (1816-1818) ที่เปิดไว้จากวันก่อนหน้าได้สนิท พร้อมกับดีดกลับขึ้นมาทำปิดที่ 1821 จุด ซึ่งจะเห็นว่าแนวต้าน ที่ระดับ 1830 จุดเป็นบริเวณที่ค่อนข้างแข็งแรง ทำให้ดัชนีชะลอตัวได้ และยังเหลือ Gap ที่รอการปิดอีก ดังนั้นมองดัชนีน่าจะมีแนวโน้มที่ชะลอตัว
 แนวรับ 1809-1816
แนวต้าน 1823-1830

Technical Analyst :  พรรณนภา  เขมะสุรัตน์ // เลขทะเบียน 060110 // Tel. : 02-648-1124 // phannapa.k@ktbst .co.th
 
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell

" มีขายทำกำไร และสลับกลุ่มเล่น "
  ทิศทางตลาดหุ้นไทย : ตลาดหุ้นมีโอกาสขึ้นต่อได้ แต่จะมีการขายทำกำไรสลับกับการเปลี่ยนกลุ่มเล่น แนวต้านถัดไปของ SET Index ที่ 1,840 จุด .... ภาพต่างประเทศมีประเด็นลบจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง คาดว่าเป็นผลจากการขายทำกำไรหลังราคาปรับตัวขึ้นมาเร็วในช่วงก่อนหน้านี้   .... ปัจจัยในประเทศ ติดตามผลสรุปการปรับค่าแรงขั้นต่ำซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในวันนี้เวลา 16.00 น., ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเดือน ธ.ค. 2017 มีจำนวน 3.5 ล้านราย (15.5% YoY)
  กลยุทธ์การลงทุน : เรามองว่าตลาดสามารถปรับตัวขึ้นได้โดยมีการสลับกลุ่มเข้าลงทุน จึงแนะนำให้เข้าซื้อเป็นรายตัว เลือกลงทุนในกลุ่มที่มีปัจจัยบวกฉพาะตัวอย่างกลุ่มท่องเที่ยว, หุ้นในกลุ่มแบงค์ที่คาดว่ามีผลประกอบการดี, และหุ้นที่ได้รับผลบวกจากการลงทุนในประเทศ ระวังการขายทำกำไรในกลุ่มโรงไฟฟ้าและปิโตรเคมี โดยหุ้นขนาดใหญ่ที่ติด most active และตลาดยังให้ความสนใจต่อเนื่อง ได้แก่ TMB, ERW, CK*
          หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ :  SC, VNT*
          หุ้นแนะนำทางเทคนิค : DELTA, PM , PRINC
หุ้น Active ที่น่าสนใจ
(+) TM:  เลือก TMB เนื่องจาก TMB เป็นหุ้นกลุ่มแบงก์ที่ KTBSTคาดการณ์ว่าจะเติบโตได้ดีที่สุดในช่วง 4Q17 เราคาดไว้ที่ 2,396 ล้านบาท (+12% YoY, +20% QoQ) เติบโตได้ดีจากรายได้ค่าธรรมเนียมจาก FWD ที่เป็นตัวผลักดันให้ผลการดำเนินงานยังคงเติบโตต่อเนื่อง
(+) ERW : แนะนำ ERW จากรายงานตัวเลขนักท่องเที่ยวเดือน ธ.ค. ที่เติบโตสูง โดยนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมีจำนวน 3.5 ล้านราย (+15.5% YoY) ใกล้เคียงกับที่เราคาดไว้ก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ERW ยังได้รับปัจจัยบวกจากจากการกระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองรอง และคาดว่ากำไรสุทธิช่วง 4Q17 ยังเติบโตได้ดี
(+) CK : เรามองว่าหุ้นกลุ่มรับเหมาฯเริ่มเป็นที่สนใจจากแผนการพัฒนาเศรษฐกิจตะวันออก (EEC) ที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยเลือก CK จากปัจจัยบวกเฉพาะตัวจากข่าวที่ว่า CKP อยู่ระหว่างการเจรจากับ สปป.ลาว เพื่อก่อสร้างโรงไฟฟ้า 3 แห่ง มูลค่าไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท
(+) VNT :ราคา PVC สัปดาห์ที่ผ่านมา ทรงตัวที่ $900 เหรียญ+1.7% WoW  แต่ total spread อยู่ระดับ $955 เหรียญ (+$27)  เป็นผลจากราคา Ethylene ที่ลดลง ขณะที่ราคาโซดาไฟ ซึ่งเป็น by product ตัวหนึ่ง ในช่วง 4Q สูงขึ้นถึง 31% จาก Q3 ช่วยหนุนให้กำไร 4Q อยู่ในระดับสูง .......   PTTGC มีแผนร่วมกับกลุ่มอาซาฮีจากญี่ปุ่น ซึ่งกลายมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน บมจ.วีนิไทย (VNT) เพื่อหารือถึงการต่อยอดการผลิตเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษร่วมกันในอนาคต
          * เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
หุ้นมีประเด็น
(+) กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร
          คสช.ได้ออกคำสั่งที่ 1/2561 เรื่องการแก้ไขกฏหมายเพื่อรองรับการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายทั้งระบบโดยยกเว้นการใช้บังคับ(18 )ของมาตรา 17 แห่ง พ.ร.บ.อ้อยและน้ำตาลทรายเฉพาะในส่วนของการกำหนดราคาน้ำตาลทรายเพื่อใช้บริโภคในประเทศ เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2561 ทั้งนี้ ถือเป็นการปลดล็อคการควบคุมราคาน้ำตาลทรายไปสู่การลอยตัวราคาอิงตลาดโลกจะทำให้ราคาน้ำตาลในประเทศเปลี่ยนแปลงไป โดยคาดว่าราคาน้ำตาลทรายหน้าโรงงานจะลดลง ประมาณ 2-3 บาทต่อกิโลกรัม เฉลี่ยอยู่ที่กิโลกรัมละ 17-18 บาท จากเดิม 19-20 บาทต่อกิโลกรัม
          ผลจากการ ม.44  เพื่อปล่อยให้ราคาน้ำตาลขายในประเทศลอยตัวตามราคาตลาดโลก  ในส่วนของผู้ผลิตน้ำตาล  ยังประเมินไม่ได้ แต่ส่วนของผู้ซื้อหรือใช้น้ำตาล  เป็นวัตถุดิบ มีต้นทุนที่ลดลง ถ้าราคาขายปลีก ลดลงเท่าราคาหน้าโรงงาน คือ 2 บาท/กก.  จะทำให้ราคาขายปลีกลดลง ประมาณ 10%  ขั้นนี้ เรามองเป็นบวก ต่อผู้ผลิตขนม และเครื่องดื่ม  คือ AU  , SNP , ICHI , OISHI
(+) TOURISM : (Overweight)
          ข้อมูลจากกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาระบุจำนวนนักท่องเที่ยวเดือน ธ.ค. 2017 อยู่ที่ 3.5 ล้านคน เพิ่มขึ้น 16% YoY ขณะที่ในเดือน ธ.ค. 2017 นักท่องเที่ยวจีนยังเพิ่มขึ้นได้อย่างโดดเด่นสูงถึง 52% YoY ส่วนนักท่องเที่ยวอินเดียและรัสเซียยังเติบโตได้ต่อเนื่องที่ 22% YoY โดยภาพรวมในปี 2017 มีจำนวนนักท่องเที่ยวรวม 35.4 ล้านคน เพิ่มขึ้น 8.5% YoY จำนวนนักท่องเที่ยวรวมในปี 2017 มากกว่าที่เราคาดการณ์ทั้งปีนี้ที่ 35.3 ล้านคน ทั้งนี้ เราคาดว่า จำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2018 จะยังเติบโตได้ต่อเนื่องอยู่ที่ระดับ 38.0 ล้านคน เพิ่มขึ้น 7.4% YoY เรายังให้น้ำหนักการลงทุนเป็น Overweight โดยเราชอบ ERW และ CENTEL ประกอบกับ ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อ AOT จากนักท่องเที่ยวที่เติบโตได้ต่อเนื่อง รวมถึง หุ้นที่ได้รับประโยชน์จากนักท่องเที่ยวจีนที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งอย่าง TKN ราคาเป้าหมายที่ 28 บาท, BEAUTY ราคาเป้าหมายที่ 25 บาท และ SPA
(+) IVL : (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 63 บาท)
          IVL และบริษัท Huvis Corporation (HC) ประเทศเกาหลีใต้ ได้ร่วมจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในสัดส่วนฝ่ายละ 50% เพื่อพัฒนา ก่อสร้าง และดำเนินธุรกิจโรงงานผลิตเส้นใยที่มีค่าหลอมเหลวต่ำ (Low Melting Fiber หรือ LMF) ในสหรัฐอเมริกา สำหรับที่ตั้งของโรงงานแห่งนี้กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา โดยคาดจะเริ่มจัดตั้งบริษัทร่วมในปี 2561 และเริ่มดำเนินงานในปี 2562 ซึ่งขึ้นอยู่กับข้อตกลงและการขออนุมัติตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง เรามีมุมมองเป็นบวกต่อข่าวดังกล่าว ซึ่งจะส่งผลดีในระยะยาวเนื่องจาก IVL กำลังมุ่งไปสู่ปลายน้ำที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น โดยจะได้ใช้ประโยชน์จากฐานภาษีที่ปรับตัวลดลงในสหรัฐอเมริกา (จาก 35% เหลือ 21%) IVL จะได้รับผลดีจากคู่แข่งรายใหญ่ ซึ่งเดิมมีแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตที่ Corpus Christi, Texas, USA ประสบปัญหาทางการเงิน ทำให้โครงการชะงักไปและบริษัทได้ยื่นขอล้มละลาย ทำให้กำลังการผลิตที่เดิมจะมีส่วนเพิ่มเข้ามานั้น เกิดความล่าช้าออกไป  เราประเมินมูลค่า โดยอิงวิธี EV/EBITDA ที่ 9.5 เท่า ได้ราคาเหมาะสมที่ 63 บาท แนะนำ ซื้อ
(+) PSH : (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 27 บาท)
          เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ โดยประเมินราคาเป้าหมายที่ 27 บาท โดยคาดว่าจะได้ปัจจัยบวกจากกำไรสุทธิ 4Q17 ที่คาดว่าจะกลับมาเติบโตโดดเด่น 12% YoY และ 69% QoQ เนื่องจากมีโครงการคอนโดใหม่เริ่มโอนมากขึ้นเป็น 3 โครงการ สำหรับปี 2018 คาดยอด Presales จะเติบโตดีขึ้น 13% YoY เป็น 5.37 หมื่นล้านบาท โดยมีแผนขยายกลุ่มลูกค้า กลาง-บน และตลาดในต่างจังหวัด มากขึ้น ด้านกำไรสุทธิในปี 2018 แม้เราจะปรับลดคาดการณ์ลงจากเดิมเล็กน้อย 2% เป็น 6.5 พันล้านบาท แต่คาดว่าจะกลับมาเติบโต 10% YoY จากผลบวกการเปิดตัวโครงการใหม่มากขึ้น และจะมีโครงการคอนโดใหม่รับรู้รายได้มากขึ้น รวมทั้งเราคาดว่าปี 2019 กำไรสุทธิจะยังเติบโตได้ดี โดยมีปัจจัยบวกจากการรับรู้รายได้จากกลุ่มธุรกิจ Premium เพิ่มขึ้นมาก นอกจากนั้น PSH ยังจัดเป็นหุ้นที่ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงราว 6% และปัจจุบันยังซื้อขายในระดับ PER ที่ถูกเพียง 8 เท่า
(+) JMART : (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 23 บาท)
          บริษัทได้เปิดเผยแผนการดำเนินงานในปี 2018 ตามคอนเซป Synergy III โดยบริษัทคาดว่ากำไรสุทธิปี 2018 จะขยายเพิ่มขึ้น 30% ตามการขยายตัวของธุรกิจในกลุ่มกิจการ ทั้ง J-mobile ที่จะการขยายสาขา, JMT ยังคงซื้อหนี้เสียมาบริหาร และขยายธุรกิจเข้าสู่ประเทศกลุ่ม CLMV, SINGER จะขยายสินเชื่อเข้าสู่บ้านทำเงิน, ไมโครและนาโนไฟแนนซ์ รวมทั้ง J-Venture ที่จะมีการออกขาย JfinCoin เพื่อนำเงินลงทุนมาใช้ในการพัฒนาระบบ IT ของกลุ่มบริษัท เรามองว่าบริษัทจะพัฒนาระบบเพื่อรองรับการดำเนินงานในยุคดิจิตัลโดยเรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2018 ที่ 758 ล้านบาท (+36%) ภายใต้สมมติฐานที่เรามองว่าบริษัทจะมี SSSG ที่ 6% ต่ำกว่าเป้าของบริษัท เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ เป้าหมาย 23.00 บาท
(+) KTC : (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 220 บาท)
          KTC รายงานกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 3.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% ใกล้เคียงกับที่เราคาด จากการขยายตัวของสินเชื่อรวมที่ 7% โดยรายได้ดอกเบี้ยขยายตัวในอัตราที่ลดลงจากปี 2016 ที่ 12% เป็น 10% ตามการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อบัตรเครดิต อย่างไรก็ตามบริษัทได้มีการขยายฐานบัตร และการติดตามหนี้สูญที่ดีขึ้น นอกจากนี้บริษัทมีการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นเล็กน้อยตามคุณภาพสินเชื่อที่ดีขึ้น ปรับเพิ่มน้ำหนักเป็น "ซื้อ" ที่ราคาเหมาะสมใหม่ 220.00 บาท (อิง PBV ที่ 3.8x) ตามการขยายตัวของสินเชื่อที่ดีขึ้น รวมทั้งการที่บริษัทมีสัดส่วนการตั้งสำรองที่สูง และคาดว่าเพียงพอต่อ IFRS9
(+) CPN : (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 63 บาท)
          จากการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ (16 ม.ค. 2018) ผู้บริหารได้เปิดเผยเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในปี 2018 ที่ระดับ 20% YoY ขณะที่เราประมาณการณ์อย่างระมัดระวังที่ 16% YoY โดยการเติบโตส่วนใหญ่มาจากการรับรู้รายได้จากศูนย์ฯที่เพิ่งเปิดช่วง 4Q17 ที่นครราชสีมาและมหาชัยได้เต็มปี 2018 และมีการรับรู้รายได้จากคอนโดอีกราว 3 พันล้านบาท ขณะที่มีประเด็นใหม่จากโครงการคอนโดและบ้านเดี่ยวที่ไม่ได้เปิดติดกับตัวห้างเหมือนอย่างที่เคยทำ โดยจะมีการทำคอนโดเพิ่มเติมอีก 1 แห่งที่พหลโยธิน 24 บ้านเดี่ยวแถวบรมราชชนนี เรามีการปรับประมาณการกำไรปกติปี 2018-2020 ขึ้น 0.5-1.6%จากโครงการใหม่ 2 โครงการ ทำให้เราคาดว่า กำไรปกติของปี 2018 จะอยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นได้ถึง 20% YoY และยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายที่ 92 บาท
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (16 ม.ค.) - ตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,821.83 จุด ลดลง 0.83 จุด หรือ -0.05% มูลค่าการซื้อขาย 76,866.25 ล้านบาท มองว่าตลาดหุ้นไทยยังมีแรงขายทำกำไรจากต่างชาติอยู่ ในขณะที่ประเด็นบวกใหม่ยังไม่เข้ามากระทบตลาด
ปัจจัยต่างประเทศ
(0) นายกฯอังกฤษยืนยันกรณี Brexit- โฆษกของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวว่า อังกฤษยังคงตัดสินใจที่จะออกจากสหภาพยุโรป (EU) หลังจากที่ผู้นำ EU เปิดช่องให้อังกฤษทำการทบทวนการตัดสินใจกรณีแยกตัวออกจาก EU (Brexit) …. เรามองว่าประเด็นดังกล่าวตลาดได้รับรู้ไปมากแล้ว
(-) ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงจากแรงขายทำกำไร - สัญญาน้ำมันดิบวานนี้ปรับตัวลงที่ -0.9% ปิดที่ระดับ 63.73 ดอลลาร์/บาร์เรล คาดเป็นเพราะแรงขายทำกำไร .... ติดตามตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบและการผลิตน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ ในวันพรุ่งนี้ นักวิเคราะห์คาดว่ามีแนวโน้มลดลง 3.5 ล้านบาร์เรล
ปัจจัยในประเทศ
(+) นักท่องเที่ยวเดือน ธ.ค. ทำสถิติเติบโตสูงสุดใหม่  - ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา แถลงสถานการณ์ท่องเที่ยว เดือน ธ.ค.60 ว่า นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมีจำนวน 3,535,594 คน เป็นนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกมากที่สุด 2,181,686 คน (+21.8% YoY) รองลงมา ได้แก่ นักท่องเที่ยวภูมิภาคยุโรป เอเชียใต้ อเมริกา โอเชียเนีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ตามลำดับ ขยายตัว 15.51% YoY
(+) ครม.อนุมัติงบกลางปี 2018 ที่ 1.5 แสนล้านบาท - ครม. มีมติเห็นชอบการจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ 2561 หรืองบกลางปีวงเงิน 1.5 แสนล้านบาท ประกอบด้วย การพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ยกระดับสวัสดิการ, การพัฒนาเชิงพื้นที่ผ่านกระบวนการประชาคม, และ การปฏิรูปโครงสร้างการผลิตภาคการเกษตรทั้งระบบ
(-) มหาวิทยาลัยหอการค้าประเมินส่งออกไทยปี 2018 โต 4% หากบาทยังแข็งค่า - มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ได้วิเคราะห์การส่งออกไทยปี 2561 โดยกรณีแย่สุดมีโอกาสเกิดขึ้น 30% คือ การส่งออกปี 2561 เติบโต 4% มูลค่า 2.47 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หากค่าเงินบาทแข็งค่า 31.1 บาท/ดอลลาร์ หรือแข็งค่าสูงสุดรอบ 5 ปี (โพสต์ทูเดย์, 17/01/2018)
(-) วันนี้ติดตามเรื่องการปรับค่าแรงขั้นต่ำช่วงเวลประมาณ 16.00 น. คาดว่าจะปรับเพิ่มได้เพียง 12 บาท
         
Analyst :  Mongkol Puangpetra
          License No: 001937  
          +662 648 1123
          [email protected]
          Nontapat Rushtasomboon
          License No: 081447  
          +662 648 1127
          [email protected]
OO4577

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!