- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 16 January 2018 17:07
- Hits: 3404
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily
SET INDEX
1822.66 +12.47 (+0.69) // Vol. 94,291
ดัชนียังมี Momentum ไปต่อ แต่ระหว่างทางมีอาจมีการสลับพักตัวบ้าง กรอบการเคลื่อนไหว 1813-1829
ดัชนีวันแรกของสัปดาห์ยังคงเดินหน้าทำ All Time High ต่อที่ 1830 จุด ด้วยการเปิดตัวแรงกระโดดสร้าง Gap ที่3 1816-1818 (Gap ที่1 1753-1758 // Gap ที่2 1804-1808) แกว่งตัวยืนบวกได้ตลอดทั้งวัน ก่อนที่จะทำปิดที่ใกล้จุดเปิด ทำให้มีรูปแบบกราฟแท่งทียนเตือนในเชิงลบ แต่ด้วยตลาดอยู่ในภาวะ Super Bull Market สัญญาณในเชิงลบดังกล่าวน่าจะส่งผลการชะลอตัวหรือสร้างความผันผวนระหว่างวัน มองตลาดยังสามารถเดินหน้าได้ต่ออาจจะสลับตัวพักตัวบ้าง
SET INDEX
1822.66 +12.47 (+0.69) // Vol. 94,291
ดัชนียังมี Momentum ไปต่อ แต่ระหว่างทางมีอาจมีการสลับพักตัวบ้าง กรอบการเคลื่อนไหว 1813-1829
ดัชนีวันแรกของสัปดาห์ยังคงเดินหน้าทำ All Time High ต่อที่ 1830 จุด ด้วยการเปิดตัวแรงกระโดดสร้าง Gap ที่3 1816-1818 (Gap ที่1 1753-1758 // Gap ที่2 1804-1808) แกว่งตัวยืนบวกได้ตลอดทั้งวัน ก่อนที่จะทำปิดที่ใกล้จุดเปิด ทำให้มีรูปแบบกราฟแท่งทียนเตือนในเชิงลบ แต่ด้วยตลาดอยู่ในภาวะ Super Bull Market สัญญาณในเชิงลบดังกล่าวน่าจะส่งผลการชะลอตัวหรือสร้างความผันผวนระหว่างวัน มองตลาดยังสามารถเดินหน้าได้ต่ออาจจะสลับตัวพักตัวบ้าง
แนวรับ
1813-1818
แนวต้าน
1829-1835
1813-1818
แนวต้าน
1829-1835
Technical Analyst : พรรณนภา เขมะสุรัตน์ // เลขทะเบียน 060110 // Tel. : 02-648-1124 // phannapa.k@ktbst .co.th
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell
“ กลับมาเดินหน้า แม้ฝรั่งขายหุ้น”
ทิศทางตลาดหุ้นไทย : ตลาดหุ้นมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้ โดยให้แนวต้านถัดไปที่ 1,840 จุด .... ภาพต่างประเทศมีประเด็นเรื่องรายงานการประชุม ECB ว่าอาจจะมีการยุติมาตรการ QE อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นไทยยังได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นและค่าเงินดอลลาร์ที่ยังอ่อนค่าอยู่ .... ปัจจัยในประเทศ ติดตามผลสรุปการปรับค่าแรงขั้นต่ำซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในพรุ่งนี้ โดยในสัปดาห์นี้หุ้นกลุ่มแบงก์ทุกตัวจะประกาศงบการเงินสำหรับปี 2017 .... วันนี้ติดตามการรายงานภาพอุตสาหกรรมรถยนต์ Toyota และภาพอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยกระทรวงการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
กลยุทธ์การลงทุน : ด้วยมุมมองว่าการปรับฐานของตลาดหุ้นไทยได้จบลง จึงให้คำแนะนำเป็น “ซื้อ” อย่างไรก็ตามด้วยราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมามากในระดับหนึ่ง จึงแนะนำให้เข้าลงทุนแค่เพียงบางกลุ่ม โดยกลุ่มที่มีปัจจัยบวกในช่วงนี้ได้แก่ ธนาคาร-ค้าปลีก-นิคมฯ โดยหุ้นขนาดใหญ่ที่ติด most active และตลาดยังให้ความสนใจต่อเนื่อง ได้แก่ PTT, IVL, TMB
หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ : BANPU*, WHA, VNT*
หุ้นแนะนำทางเทคนิค : IVL, CENTEL, WHAUP
หุ้น Active ที่น่าสนใจ
(+) TMB : เลือก TMB เนื่องจาก TMB เป็นหุ้นกลุ่มแบงก์ที่ KTBSTคาดการณ์ว่าจะเติบโตได้ดีที่สุดในช่วง 4Q17 คือ TMB เราคาดไว้ที่ 2,396 ล้านบาท (+12% YoY, +20% QoQ) เติบโตได้ดีจากรายได้ค่าธรรมเนียมจาก FWD ที่เป็นตัวผลักดันให้ผลการดำเนินงานยังคงเติบโตต่อเนื่อง
(+) IVL : เราแนะนำ IVL ต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน โดยมองว่านักลงทุนเริ่มมาสนใจในหุ้นกลุ่มปิโตรฯหลัง spread ปรับตัวสูงขึ้น และยังมีปัจจัยบวกจากการที่คู่แข่งยังขึ้นกำลังการผลิตไม่ได้, ประโยชน์จากการลดภาษีนิติบุคคลสหรัฐฯ, การขยายกำลังการผลิต / ซื้อกิจการ
(+) PTT : เรามองว่า PTT มีปัจจัยบวก 3 ประเด็นได้แก่ 1) ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วง 3Q17, 2) ค่าการกลั่นน้ำมันลดลง, และ 3) Spread ปิโตรเคมียังอยู่แนวโน้มที่ดี นอกจากนี้ การออก TOR ประมูลแหล่งปิโตรเลียม บงกชและเอราวัณในเดือน ก.พ. 2018 ถือว่าเร็วกว่ากำหนด เป็นบวกต่อ PTT
(+) VNT : ราคา PVC สัปดาห์ที่ผ่านมา ทรงตัวที่ $900 เหรียญ+1.7% WoW แต่ total spread อยู่ระดับ $955 เหรียญ (+$27) เป็นผลจากราคา Ethylene ที่ลดลง ขณะที่ราคาโซดาไฟ ซึ่งเป็น by product ตัวหนึ่งในช่วง 4Q สูงขึ้นถึง 31% จาก Q3 ช่วยหนุนให้กำไร 4Q อยู่ในระดับสูง ....... PTTGC มีแผนร่วมกับกลุ่มอาซาฮีจากญี่ปุ่น ซึ่งกลายมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน บมจ.วีนิไทย (VNT) เพื่อหารือถึงการต่อยอดการผลิตเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษร่วมกันในอนาคต
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
หุ้นมีประเด็น
(-) TISCO : (ถือ, ราคาเป้าหมาย 91 บาท)
จากการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ ผู้บริหารตั้งเป้าการเติบโตของสินเชื่อที่ 0% YoY ซึ่งต่ำกว่าที่เราคาดไว้ที่ 2% YoY เนื่องจากไม่มีนโยบายในการทำสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันอย่างสินเชื่อบุคคลและสินเชื่อบัตรเครดิตต่อ ขณะที่สินเชื่อบ้านที่อยากทำ ในระยะสั้นยังคงต้องทำการ Revalue หลักประกันและทบทวนผู้ขอสินเชื่อ ซึ่งยังคงไม่เห็นการเติบโตได้ทันภายในปีนี้ ส่วนสินเชื่อเช่าซื้อยังไม่มีการปล่อยเพิ่มมากนัก เนื่องจากยังรอทิศทางของอัตราดอกเบี้ยให้เป็นขาขึ้นอย่างชัดเจน ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการรวมพอร์ตยังคงมีต่อเนื่องใน 1Q18 อีกราว 100 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ดี TISCO ได้มีการตั้งสำรองส่วนเกินไว้เพียงพอสำหรับ IFRS9 แล้ว โดย 4Q17 มี Coverage Ratio อยู่ที่ 195% ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดในกลุ่มธนาคาร ทั้งนี้ เรามองว่า ปี 2018 จะเป็นปีที่ท้าทายในการปล่อยสินเชื่อใหม่ๆอย่างสินเชื่อบ้าน ซึ่งมี NIM น้อยกว่าสินเชื่อเช่าซื้อ ประกอบกับ การเติบโตของสินเชื่อจะไม่โดดเด่นเท่าปีก่อนที่การรวมพอร์ตกับ SCBT เราจึงให้คำแนะนำเป็นเพียง ถือ มูลค่าเหมาะสมที่ 91 บาท
(+) RS : (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 30 บาท)
RS เปิดตัวธุรกิจขายตรงแบบ Single level marketing เพื่อเพิ่มตัวแทนจัดจำหน่ายสินค้าของธุรกิจ Health & Beauty และขยายฐานลูกค้า โดยตั้งเป้าผู้สมัคร 10,000 รายในปี 2018 เรามีมุมมองเชิงบวกกับการเปิดตัวธุรกิจขายตรง เพื่อเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้ากลุ่ม Health & Beauty เรามองว่าบริษัทฯจะสามารถขยายฐานลูกค้าจาก 7แสนรายในปี 2017 เป็น 1.2ล้านรายในปี 2018 ซึ่งยังต่ำกว่าผู้บริหารตั้งเป้าไว้ที่ 1.5 ล้านราย เราคาดว่าในปี 2018 รายได้จากธุรกิจ Health & Beauty อยู่ที่ 2,610 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 81% YoY เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ เป้าหมาย 30.0 บาท เรามองว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมา เป็นโอกาสให้เข้า ซื้อสะสม อีกทั้งเรายังเชื่อมั่นว่า บริษัทฯ ยังมี Upside จากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในธุรกิจ H & B และขยายช่องทางการจัดจำหน่ายไปยังประเทศกลุ่ม CLMV
(+) SPALI : (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 27 บาท)
SPALI รายงานยอด Presales ปี 2017 อยู่ที่ 30,777 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% YoY และดีกว่าเป้าหมายที่ SPALI ตั้งไว้ที่ 27,000 ล้านบาท จากการเติบโตที่โดดเด่นของทั้งโครงการแนวราบและคอนโด ขณะที่ SPALI ตั้งเป้าหมาย Presales ปี 2018 ที่ 33,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% YoY โดยมีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่ 35 โครงการ รวม 40,000 ล้านบาท ซึ่งจะมีการเปิดตัวโครงการใหญ่ในรูปแบบมิกซ์ยูสเป็นครั้งแรกบนที่ดินสถานฑูตออสเตรเลีย ถนนสาทร และมีแผนขยายตลาดในต่างจังหวัดมากขึ้น ด้านกำไรสุทธิ 4Q17 คาดยังทำได้ดี จาก Backlog ที่สูง โดยคาดจะดีขึ้น YoY แต่ลดลง QoQ เรายังคงประเมินกำไรสุทธิทั้งปี 2017 ที่ 5,548 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% YoY อย่างไรก็ตาม หากไม่รวมกำไรพิเศษคาดจะมีกำไรปกติที่ 5,229 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% YoY ส่วนปี 2018 คาดจะมีกำไรปกติ 5,830 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% YoY เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ เป้าหมาย 27 บาท
(+) TOURISM : (Overweight)
เราคาดว่า ตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวในเดือน ธ.ค. 2018 จะประกาศภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะเห็นการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และทั้งปี 2017 มีโอกาสมากกว่าที่เราคาดไว้ที่ 35.3 ล้านคน เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนในปี 2017 ออกมาที่ 9.8 ล้านคน มากกว่าที่เราคาดไว้ที่ 9.5 ล้านคน ซึ่งจะส่งผลให้กำไรสุทธิใน 4Q17 ของกลุ่มฯจะเติบโตได้อย่างโดดเด่น นอกจากนี้ เราคาดหวังว่า จำนวนนักท่องเที่ยวจีนจะทำจุดสูงสุดใหม่ในเดือน ก.พ. 2018 ซึ่งเป็นเทศกาลตรุษจีน ซึ่งจะส่งผลให้กำไรสุทธิของกลุ่มฯเติบโตได้อย่างต่อเนื่องยาวไปถึง 1Q18 โดยเรายังให้น้ำหนักการลงทุนเป็น Overweight ชอบ ERW มากที่สุด ราคาเป้าหมายที่ 9.50 บาท เพราะกำไรสุทธิใน 4Q17 ยังเดินหน้าเติบโตได้ดี ส่วน CENTEL เราแนะนำ ซื้อเมื่ออ่อนตัว ราคาเป้าหมายที่ 57 บาท เนื่องจากได้ประโยชน์ทั้งธุรกิจโรงแรมที่โตได้ดีรวมถึงธุรกิจอาหารที่ SSSG ใน 4Q17 กลับมาเติบโตได้ถึง 4.5% YoY จาก -5.6% YoY ใน 4Q16
(+) Industrial Estate : (Overweight)
เรามองว่าเป้าส่งเสริมการลงทุน BOI ปี 2561 ที่ 7.2 แสนล้านบาทนั้นจะส่งผลบวกต่อกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม โดยยอดข้างต้นนี้ยังต่ำกว่ามูลค่าโครงการที่ได้รับการอนุมัติจาก BOI ในปี 2015-2016 และยอดส่งเสริมการลงทุนข้างต้นนี้คาดว่าจะได้รับแรงหนุนมาจากการลงทุนใน EEC ที่ พรบ. คาดจะแล้วเสร็จใน 1Q18 โดยเราชอบ WHA เนื่องจากบริษัทมีรายได้ที่หลากหลาย นอกจากนี้บริษัทยังมีพื้นที่ที่พร้อมขาย และรอการพัฒนาในพื้นที่เขต EEC เป็นจำนวนมาก และสัดส่วนทางการตลาดของ WHA ใน 3Q17 อยู่ในระดับสูงที่ประมาณ 51% โดยยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 5.00 บาท
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (15 ม.ค.) – ตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,822.66 จุด เพิ่มขึ้น 12.47 จุด หรือ +0.69% มูลค่าการซื้อขาย 94,290.73 ล้านบาท ตลาดยังได้แรงซื้อจากหุ้นขนาดใหญ่ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มพลังงาน ซึ่งได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง
ปัจจัยต่างประเทศ
(-) ECB ส่งสัญญาณยุติโครงการ QE - ธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวว่า ECB อาจประกาศยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หลังจากเดือนก.ย.นี้ หากเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อมีการปรับตัวตามที่ ECB คาดการณ์ไว้ ส่งผลให้ ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดลบ -0.2% แตะระดับ 397.83 จุด และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลยุโรปปรับตัวขึ้น
(+) ราคาน้ำมันดิบยังปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง – สัญญาน้ำมันดิบยังคงปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องปิดที่ระดับ 64.45 ดอลลาร์/บาร์เรล ปรับตัวขึ้น +0.23% โอเปกและประเทศนอกกลุ่มโอเปก นำโดยรัสเซีย เห็นพ้องกันในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 1.8 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปีนี้ แต่ก็จะมีการทบทวนข้อตกลงดังกล่าวในการประชุมโอเปกครั้งต่อไปในเดือนมิ.ย.นี้
ปัจจัยในประเทศ
(-) ได้ข้อสรุปการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 17 ม.ค. นี้ - ปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า การพิจารณา ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของคณะกรรมการ ค่าจ้าง ต้องจบในวันที่ 17 ม.ค.นี้ ขณะที่ฝ่ายลูกจ้างคาดปรับเพิ่มได้แค่ 12 บาท (โพสต์ทูเดย์, 16/01/2018)
(+) ปรับเป้า EEC จาก 5 แสนล้านบาทเป็น 6 แสนล้านบาท - นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ปรับเป้าหมายการดึงนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติเข้าไปลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายจากเดิม 5 แสนล้านบาท ในระยะ 5 ปี (2560-2564) เป็นไม่น้อยกว่า 6 แสนล้านบาท (โพสต์ทูเดย์, 16/01/2018)
(+/-) หุ้นกลุ่มแบงก์ส่งงบภายในสัปดาห์นี้ – หุ้นทุกตัวในกลุ่มธนาคารจะนำส่งงบการเงินสำหรับปี 2017 ครบทั้งหมด ภายในวันพฤหัสฯ-ศุกร์นี้ การเก็งกำไรสำหรับงบการเงิน 4Q17 จะเริ่มมีมาให้เห็นมากขึ้น
(+/-) วันนี้ติดตามการรายงานภาพอุตสาหกรรมรถยนต์ Toyota และภาพอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโดยกระทรวงการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
Analysts: Mongkol Puangpetra, Nontapat Rushtasomboon
(-) TISCO : (ถือ, ราคาเป้าหมาย 91 บาท)
จากการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ ผู้บริหารตั้งเป้าการเติบโตของสินเชื่อที่ 0% YoY ซึ่งต่ำกว่าที่เราคาดไว้ที่ 2% YoY เนื่องจากไม่มีนโยบายในการทำสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันอย่างสินเชื่อบุคคลและสินเชื่อบัตรเครดิตต่อ ขณะที่สินเชื่อบ้านที่อยากทำ ในระยะสั้นยังคงต้องทำการ Revalue หลักประกันและทบทวนผู้ขอสินเชื่อ ซึ่งยังคงไม่เห็นการเติบโตได้ทันภายในปีนี้ ส่วนสินเชื่อเช่าซื้อยังไม่มีการปล่อยเพิ่มมากนัก เนื่องจากยังรอทิศทางของอัตราดอกเบี้ยให้เป็นขาขึ้นอย่างชัดเจน ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการรวมพอร์ตยังคงมีต่อเนื่องใน 1Q18 อีกราว 100 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ดี TISCO ได้มีการตั้งสำรองส่วนเกินไว้เพียงพอสำหรับ IFRS9 แล้ว โดย 4Q17 มี Coverage Ratio อยู่ที่ 195% ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดในกลุ่มธนาคาร ทั้งนี้ เรามองว่า ปี 2018 จะเป็นปีที่ท้าทายในการปล่อยสินเชื่อใหม่ๆอย่างสินเชื่อบ้าน ซึ่งมี NIM น้อยกว่าสินเชื่อเช่าซื้อ ประกอบกับ การเติบโตของสินเชื่อจะไม่โดดเด่นเท่าปีก่อนที่การรวมพอร์ตกับ SCBT เราจึงให้คำแนะนำเป็นเพียง ถือ มูลค่าเหมาะสมที่ 91 บาท
(+) RS : (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 30 บาท)
RS เปิดตัวธุรกิจขายตรงแบบ Single level marketing เพื่อเพิ่มตัวแทนจัดจำหน่ายสินค้าของธุรกิจ Health & Beauty และขยายฐานลูกค้า โดยตั้งเป้าผู้สมัคร 10,000 รายในปี 2018 เรามีมุมมองเชิงบวกกับการเปิดตัวธุรกิจขายตรง เพื่อเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้ากลุ่ม Health & Beauty เรามองว่าบริษัทฯจะสามารถขยายฐานลูกค้าจาก 7แสนรายในปี 2017 เป็น 1.2ล้านรายในปี 2018 ซึ่งยังต่ำกว่าผู้บริหารตั้งเป้าไว้ที่ 1.5 ล้านราย เราคาดว่าในปี 2018 รายได้จากธุรกิจ Health & Beauty อยู่ที่ 2,610 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 81% YoY เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ เป้าหมาย 30.0 บาท เรามองว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมา เป็นโอกาสให้เข้า ซื้อสะสม อีกทั้งเรายังเชื่อมั่นว่า บริษัทฯ ยังมี Upside จากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในธุรกิจ H & B และขยายช่องทางการจัดจำหน่ายไปยังประเทศกลุ่ม CLMV
(+) SPALI : (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 27 บาท)
SPALI รายงานยอด Presales ปี 2017 อยู่ที่ 30,777 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% YoY และดีกว่าเป้าหมายที่ SPALI ตั้งไว้ที่ 27,000 ล้านบาท จากการเติบโตที่โดดเด่นของทั้งโครงการแนวราบและคอนโด ขณะที่ SPALI ตั้งเป้าหมาย Presales ปี 2018 ที่ 33,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% YoY โดยมีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่ 35 โครงการ รวม 40,000 ล้านบาท ซึ่งจะมีการเปิดตัวโครงการใหญ่ในรูปแบบมิกซ์ยูสเป็นครั้งแรกบนที่ดินสถานฑูตออสเตรเลีย ถนนสาทร และมีแผนขยายตลาดในต่างจังหวัดมากขึ้น ด้านกำไรสุทธิ 4Q17 คาดยังทำได้ดี จาก Backlog ที่สูง โดยคาดจะดีขึ้น YoY แต่ลดลง QoQ เรายังคงประเมินกำไรสุทธิทั้งปี 2017 ที่ 5,548 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% YoY อย่างไรก็ตาม หากไม่รวมกำไรพิเศษคาดจะมีกำไรปกติที่ 5,229 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% YoY ส่วนปี 2018 คาดจะมีกำไรปกติ 5,830 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% YoY เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ เป้าหมาย 27 บาท
(+) TOURISM : (Overweight)
เราคาดว่า ตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวในเดือน ธ.ค. 2018 จะประกาศภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะเห็นการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และทั้งปี 2017 มีโอกาสมากกว่าที่เราคาดไว้ที่ 35.3 ล้านคน เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนในปี 2017 ออกมาที่ 9.8 ล้านคน มากกว่าที่เราคาดไว้ที่ 9.5 ล้านคน ซึ่งจะส่งผลให้กำไรสุทธิใน 4Q17 ของกลุ่มฯจะเติบโตได้อย่างโดดเด่น นอกจากนี้ เราคาดหวังว่า จำนวนนักท่องเที่ยวจีนจะทำจุดสูงสุดใหม่ในเดือน ก.พ. 2018 ซึ่งเป็นเทศกาลตรุษจีน ซึ่งจะส่งผลให้กำไรสุทธิของกลุ่มฯเติบโตได้อย่างต่อเนื่องยาวไปถึง 1Q18 โดยเรายังให้น้ำหนักการลงทุนเป็น Overweight ชอบ ERW มากที่สุด ราคาเป้าหมายที่ 9.50 บาท เพราะกำไรสุทธิใน 4Q17 ยังเดินหน้าเติบโตได้ดี ส่วน CENTEL เราแนะนำ ซื้อเมื่ออ่อนตัว ราคาเป้าหมายที่ 57 บาท เนื่องจากได้ประโยชน์ทั้งธุรกิจโรงแรมที่โตได้ดีรวมถึงธุรกิจอาหารที่ SSSG ใน 4Q17 กลับมาเติบโตได้ถึง 4.5% YoY จาก -5.6% YoY ใน 4Q16
(+) Industrial Estate : (Overweight)
เรามองว่าเป้าส่งเสริมการลงทุน BOI ปี 2561 ที่ 7.2 แสนล้านบาทนั้นจะส่งผลบวกต่อกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม โดยยอดข้างต้นนี้ยังต่ำกว่ามูลค่าโครงการที่ได้รับการอนุมัติจาก BOI ในปี 2015-2016 และยอดส่งเสริมการลงทุนข้างต้นนี้คาดว่าจะได้รับแรงหนุนมาจากการลงทุนใน EEC ที่ พรบ. คาดจะแล้วเสร็จใน 1Q18 โดยเราชอบ WHA เนื่องจากบริษัทมีรายได้ที่หลากหลาย นอกจากนี้บริษัทยังมีพื้นที่ที่พร้อมขาย และรอการพัฒนาในพื้นที่เขต EEC เป็นจำนวนมาก และสัดส่วนทางการตลาดของ WHA ใน 3Q17 อยู่ในระดับสูงที่ประมาณ 51% โดยยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 5.00 บาท
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (15 ม.ค.) – ตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,822.66 จุด เพิ่มขึ้น 12.47 จุด หรือ +0.69% มูลค่าการซื้อขาย 94,290.73 ล้านบาท ตลาดยังได้แรงซื้อจากหุ้นขนาดใหญ่ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มพลังงาน ซึ่งได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง
ปัจจัยต่างประเทศ
(-) ECB ส่งสัญญาณยุติโครงการ QE - ธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวว่า ECB อาจประกาศยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หลังจากเดือนก.ย.นี้ หากเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อมีการปรับตัวตามที่ ECB คาดการณ์ไว้ ส่งผลให้ ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดลบ -0.2% แตะระดับ 397.83 จุด และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลยุโรปปรับตัวขึ้น
(+) ราคาน้ำมันดิบยังปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง – สัญญาน้ำมันดิบยังคงปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องปิดที่ระดับ 64.45 ดอลลาร์/บาร์เรล ปรับตัวขึ้น +0.23% โอเปกและประเทศนอกกลุ่มโอเปก นำโดยรัสเซีย เห็นพ้องกันในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 1.8 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปีนี้ แต่ก็จะมีการทบทวนข้อตกลงดังกล่าวในการประชุมโอเปกครั้งต่อไปในเดือนมิ.ย.นี้
ปัจจัยในประเทศ
(-) ได้ข้อสรุปการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 17 ม.ค. นี้ - ปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า การพิจารณา ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของคณะกรรมการ ค่าจ้าง ต้องจบในวันที่ 17 ม.ค.นี้ ขณะที่ฝ่ายลูกจ้างคาดปรับเพิ่มได้แค่ 12 บาท (โพสต์ทูเดย์, 16/01/2018)
(+) ปรับเป้า EEC จาก 5 แสนล้านบาทเป็น 6 แสนล้านบาท - นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ปรับเป้าหมายการดึงนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติเข้าไปลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายจากเดิม 5 แสนล้านบาท ในระยะ 5 ปี (2560-2564) เป็นไม่น้อยกว่า 6 แสนล้านบาท (โพสต์ทูเดย์, 16/01/2018)
(+/-) หุ้นกลุ่มแบงก์ส่งงบภายในสัปดาห์นี้ – หุ้นทุกตัวในกลุ่มธนาคารจะนำส่งงบการเงินสำหรับปี 2017 ครบทั้งหมด ภายในวันพฤหัสฯ-ศุกร์นี้ การเก็งกำไรสำหรับงบการเงิน 4Q17 จะเริ่มมีมาให้เห็นมากขึ้น
(+/-) วันนี้ติดตามการรายงานภาพอุตสาหกรรมรถยนต์ Toyota และภาพอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโดยกระทรวงการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
Analysts: Mongkol Puangpetra, Nontapat Rushtasomboon
OO4530