- Details
- Category: สำนักนายกฯ
- Published: Monday, 28 August 2017 17:58
- Hits: 9467
รมต.สุวิทย์ ตรวจเยี่ยมสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ มอบนโยบายติดอาวุธทางปัญญา ด้วยแนวทางพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) และเศรษฐกิจพอเพียง
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและประธานกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) ประชุมตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ และมอบนโยบายทิศทางเพื่อขับเคลื่อนกองทุนหมู่บ้านฯตามหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืนในแนวทางสหประชาชาติ (SDGs) สอดคล้องกับเศรษฐกิจพอเพียงโดยประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับพื้นที่ของชุมชนหมู่บ้าน โดยมี นายนที ขลิบทอง ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชมเมืองแห่งชาติ รายงานผลการดำเนินงานและแผนงานในปีงบประมาณหน้า
นายนายนที ขลิบทอง ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชมเมืองแห่งชาติ (สทบ.)กล่าวถึงผลการดำเนินงานและแผนงาน ว่า ปัจจุบันมีการจัดตั้งกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง (กทบ.)ทั่วประเทศตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี จำนวน 79,595 กองทุน และมีสมาชิกกองทุน 12,827,938 คน ในจำนวนนี้เป็นกองทุนที่เกิดขึ้นใหม่ของรัฐบาลปัจจุบัน จำนวน 340 กองทุน และตามพ.ร.บ. กองทุนหมู้บ้านฯ พ.ศ. 2547 มีการจัดตั้งขึ้นจำนวน 1,582 กองทุน ซึ่งจะเป็นนิติบุคคล ดังนั้น กองทุนใหม่จึงเป็นนิติบุคลทันที ปัจจุบันมีกองทุนที่ยังไม่เป็นนิติบุคคล ซึ่งอยูในกระบวนการเร่งรัดให้จดกองทุนนิติบุคคลจำนวน 2,060 กองทุน เพื่อไม่ให้กองทุนเหล่านั้นเสียโอกาสความก้าวหน้าในการดำเนินงานกองทุน ปัจจุบันกองทุนหมู่บ้านฯ มีเงินหมุนเวียนกว่า 3 แสนล้านบาท โดยการดำเนินงาน 90% ของจำนวนกองทุนหมู่บ้านฯ มีผลการดำเนินการอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ส่วนที่มีปัญหามีเพียง 10% ซึ่งนับว่าเป็นสัดส่วนที่น้อยมากและมีการติดตามเร่งแก้ไข
แผนและเป้าหมายการดำเนินงานของ กทบ. ในระยะต่อไปจะดำเนินการประเมินผลกองทุนหมู่บ้านฯ แยกเป็น A B C D และ E ให้แล้วเสร็จประมาณปลายเดือน สิงหาคม 2560 ในด้านบริการสมาชิกและประชาชน แก้ปัญหาหนี้นอกระบบ จัดการสวัสดิการชุมชน และช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยในกรุงเทพมหานครฯในงบประมาณ 1,300 ล้านบาท รวมถึงการจัดการน้ำ ด้านการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชน จะส่งเสริมพัฒนาให้เป็นหมู่บ้านท่องเที่ยว หมู่บ้านพัฒนาตัวอย่าง เสริมสร้างอาสาประชารัฐ ทำหน้าที่โฆษกชุมชนเพื่อประสานงานและประชาสัมพันธ์แต่ละหมู่บ้าน และวางแผนพัฒนาชุมชนภาคประชาชน ส่วนด้านการขับเคลื่อนโครงการเพิ่มความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐในปี 2559 ตามงบประมาณ 35,000 ล้าน และในปี 2560 รัฐบาลได้เสริมงบประมาณเพื่อเพิ่มศักยภาพ อีก 15,000 ล้านบาทนั้นจะเร่งยกระดับต้นแบบร้านค้าประชารัฐ จำนวน 19,270 ร้าน ตลาดประชารัฐ 1,300 แห่ง สินค้าน้ำดื่มประชารัฐ 11,000 แห่ง จัดสัมนาประชารัฐและอาสาประชารัฐ สร้างเว็บไซต์ประชารัฐ
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและประธานกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ได้มอบนโยบายแก่ สทบ.ว่า ในการก้าวสู่อนาคตหมู่บ้าน4.0 โดยต้องมองถึงความยั่งยืน (SDGs) ตามแนวทางสหประชาชาติ และศาสตร์พระราชา กทบ. มุ่งพัฒนายกระดับกองทุนหมู่บ้านซึงปัจจุบันแบ่งเป็น A, B, C, D ให้มาตรฐานสูงขึ้น เช่น จาก C เป็น D , จาก B เป็น A , เปลี่ยนหนี้นอกระบบให้เป็นหนี้ในระบบเป็นหนี้ที่ดีมีอนาคตและก่อให้เกิดประโยชน์และความมั่นคงทางชุมชนอย่างแท้จริง ศึกษาพิจารณาการตั้งกองทุนชารีอะห์ โดยประสานกับคณะกรรมการอิสลามแห่งประเทศไทย เพื่อจัดตั้งกองทุนได้ถูกต้องหลักศาสนาอิสลาม โดยอยู่ภายใต้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง เน้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และเมืองใหญ่ ทั้งนี้กองทุนชารีอะห์ จะทำให้จำนวนสมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯเพิ่มขึ้นอีก ประมาณ 300,000 คน ในด้านการบริหารจัดการต้องปรับกองทุนหมู่บ้านฯ ให้สอดรับกับยุทธศาสตร์ชาติ จากเดิมที่แบ่งพื้นที่ 4 ภาค มาเป็น 6 ภาค และปรับปรุงกลุ่มจังหวัดจากเดิม 13 กลุ่ม มาเป็น 18 กลุ่มจังหวัด นอกจากนี้ให้ศึกษาการตั้งศูนย์ปฏิบัติการจังหวัดของกองทุนหมู่บ้านฯ มีสำนักงานเป็นของตนเองเพื่อประสิทธิภาพของการดำเนินงานที่ชัดเจน
การติดอาวุธทางปัญญาให้กองทุนหมู่บ้าน จะเริ่มดำเนินการพัฒนาศักยภาพ 4 ด้าน คือ ด้านกฎหมายได้จัดสัมนาอบรมด้านกฎหมายร่วมกับสำนักงานอัยการ เมื่อวันที่ 15-18 สิงหาคม 2560 ซึงได้รับพระเมตตาจากพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เสด็จร่วมงานประชุมครั้งนี้ในจังหวัดระยองด้วย สทบ.ได้จัดทำคู่มือรวมองค์ความรู้และกรณีศึกษาการบริหารจัดการกองทุนหมู่บ้านฯเพื่อง่ายต่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และเสิมประสบการณ์แก่บุคคลากรกองทุนหมู่บ้านฯ และชุมชนทั่วประเทศ
ในด้านการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ กองทุนหมู่บ้านฯร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สร้างหลักสูตรพัฒนาผู้นำต้องมีความรู้ในเรื่องอินเทอร์เน็ต สามารถการเปลี่ยนแปลงสู่หมู่บ้านยุคใหม่ และทำแอพพลิชันเพื่อเป็นศูนย์กลางข้อมูลกองทุนหมู่บ้าน และโฆษกหมู่บ้านสามารถใช้แอพพลิเคชั่นเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในแต่ละหมู่บ้าน ด้านพัฒนาการเงินนั้นได้ร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในการฝึกอบรมพัฒนา ยกระดับกองทุนหมู่บ้านฯ รวมเป็นสถาบันการเงินชุมชนที่ให้บริการแก่สมาชิกได้มีประสิทธิภาพ ส่วนด้านการพัฒนาจัดการธุรกิจ กทบ.ได้รับความร่วมมือจากกระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้บริการสมาชิกหรือประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ แก้ปัญหาเรื่องหนี้นอกระบบ เสริมสร้างกองทุนหมู่บ้านเป็นชุมชนการออม และด้านการสื่อสารและภาษาร่วมมือกับสำนักงานราชบัณฑิตยสภา
นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้สทบ. ทบทวนพิจารณานำเงินที่เหลืออยู่เกือบ 3,000 ล้านบาท กล่าวคือจากกองทุนพัฒนาหมู่บ้านและชุมชน (SML) กว่า 1,400 ล้านบาท และกองทุนพัฒนาเมือง อีกประมาณ 1,500 ล้านบาท มาใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด อีกทั้งได้มอบนโยบายและกรอบการดำเนินงานในระยะต่อไปของสทบ. ในการพัฒนาศักยภาพและความเข้มแข็งของกทบ.และสมาชิกฯ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนกองทุนหมู่บ้านฯ สร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานราก พัฒนาหมู่บ้าน 4.0 สู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) โดยส่งเสริมชาวบ้านประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับพื้นที่ในการพัฒนาหมู่บ้านให้เข้มแข็ง ผ่านกลไกของกองทุนหมู่บ้านฯ
อนุมัติ 24,544 กองทุน จำนวน 25,630 โครงการ ในวงเงินกว่า 4,900 ล้านบาท เพื่อขับเคลื่อนโครงการตามแนวทางประชารัฐ
คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ในคราวประชุมครั้งที่ 4/2560 ได้พิจารณาอนุมัติงบประมาณสนับสนุนให้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง (กทบ.) จาก 70 จังหวัดทั่วประเทศได้ขับเคลื่อนโครงการเพิ่มศักยภาพหมู่บ้านและชุมชนเพื่อความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ จำนวน 24,544 กองทุน 25,630 โครงการในวงเงิน 4,908,492,571 ล้านบาท (สี่พันเก้าร้อยแปดล้านสี่แสนเก้าหมื่นสองพันห้าร้อยเจ็ดสิบเอ็ดบาทถ้วน)
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และประธานกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ได้เปิดเผยว่าคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ได้พิจารณาอนุมัติงบประมาณสนับสนุนกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองทั่วประเทศในการขับเคลื่อนโครงการเพิ่มศักยภาพหมู่บ้านและชุมชนเพื่อความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ ในครั้งนี้จำนวน 24,544 กองทุน 25,630 โครงการในวงเงิน 4,908,492,571 ล้านบาท โดย 5 อันดับแรกได้แก่ โครงการร้านค้าชุมชน (ร้อยละ 7.17) โครงการปุ๋ย ยา เมล็ดพันธุ์ (ร้อยละ6.72) โครงการบริการชุมชน (ร้อยละ6.06) โครงการน้ำดื่มชุมชน (ร้อยละ4.80) และโครงการบริการน้ำมันเชื้อเพลิง (ร้อยละ3.58) ตามลำดับ
ซึ่งเมื่อรวมกับการอนุมัติครั้งที่ 1 แล้ว สรุปได้ว่า คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติได้อนุมัติงบประมาณสนับสนุนให้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองทั่วประเทศ ในการขับเคลื่อนโครงการเพิ่มศักยภาพหมู่บ้านและชุมชนเพื่อความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐไปแล้ว จำนวน 29,153 กองทุน ในวงเงิน 5,830,268,571 ล้านบาท (ห้าพันแปดร้อยสามสิบล้านสองแสนหกหมื่นแปดพันห้าร้อยเจ็ดสิบเอ็ดบาทถ้วน) ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 39.34 เป้าหมายทั้งหมด โดยคณะกรรมการคาดหวังว่าภายในกลางเดือนกันยายนนี้ จะสามารถอนุมัติงบประมาณสนับสนุนกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองทั่วประเทศ ขับเคลื่อนการดำเนินโครงการเพิ่มศักยภาพหมู่บ้านและชุมชนเพื่อความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ ได้ไม่น้อยกว่า ร้อยละ 80 ของเป้าหมายที่วางไว้
นอกจากนี้ คณะกรรมการได้อนุมัติ การเปลี่ยนแปลงโครงการจากที่เคยอนุมัติไว้แล้วให้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองจำนวน 214 กองทุน ในวงเงิน 105,622,660 บาท ซึ่งเมื่อรวมแล้วทั้งหมดคระกรรมการได้อนุมัติการเปลี่ยนแปลงโครงการให้กองทุนไปแล้วทั้งสิ้น 4,787 กองทุน ในวงเงิน 2,325,541,003 บาท ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 6.67 ของโครงการทั้งหมด
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และประธานกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติได้เน้นย้ำว่าการอนุมัติโครงการครั้งนี้เป็นการอนุมัติเพื่อการต่อยอดและขยายผลโครงการที่ได้ดำเนินการเมื่อปีที่แล้วซึ่งมีผลการประเมินให้สนับสนุนการต่อยอดและขยายผลโครงการเหล่านี้ได้โดยคณะกรรมการได้ให้สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติหรือ สทบ.ได้เร่งสรุปการประเมิน โครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐเมื่อปี 2559 ให้ครบทุกโครงการภายในเดือนกันยายนศกนี้
นายนที ขลิบทอง ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.)ได้รายงานเพิ่มเติมว่านอกจากการอนุมัติการขับเคลื่อนโครงการเพิ่มศักยภาพกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเพื่อความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐดังกล่าวข้างต้นแล้ว คณะกรรมการได้เห็นชอบให้ สทบ.ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมมือกับกองทุนการออมแห่งชาติ เนื่องในโอกาสครบรอบสถาปนากองทุนการออมแห่งชาติ 2 ปีในวันที่ 30 สิงหาคม 2560 นี้ โดยมุ่งหวังให้ สทบ. ได้มีส่วนสนับสนุน ในการเผยแพร่ความรู้และการติดตามดูแลสมาชิกของกองทุนการออมแห่งชาติ และเห็นชอบในหลักการให้ สทบ. ได้รับเป็นเจ้าภาพจัดงานตลาดคลองผดุงกรุงเกษมในเดือนตุลาคม 2560 นี้ เพื่อเผยแพร่สินค้าที่มีคุณภาพดีในแต่ละท้องถิ่นให้ประชาชน ได้ใช้ประโยชน์ในราคาที่เหมาะสม โดยคณะกรรมการเห็นว่าทั้ง 2 เรื่องดังกล่าวจะทำให้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองสามารถดำเนินการบริการประชาชนทั้งเรื่องการออม การส่งเสริมอาชีพของประชาชนและการพัฒนายกระดับสินค้าของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนได้อย่างกว้างขวางทั่วถึงยิ่งขึ้น ซึ่งทั้ง 2 โครงการดังกล่าวนี้จะเป็นประโยชน์ทั้งต่อสมาชิก กองทุนกองทุนหมู่บ้านฯ ตลอดจนประชาชนในหมู่บ้านและชุมชนเป็นอย่างมาก