- Details
- Category: สำนักนายกฯ
- Published: Saturday, 29 July 2017 14:09
- Hits: 2896
`สมคิด` ปลื้มศก. - ส่งออกโต - ท่องเที่ยวแกร่ง หนุนความมั่นใจรัฐเบิกจ่ายอัดฉีดศก. Q2/60 ดีกว่า Q1/60 เชื่อ GDP ทั้งปีขยายตัวดี
'สมคิด'ปลื้มศก.ไทยโตชัดเจน หลังจีดีพี Q1/60 โต 3.3% รับส่งออกโตดี ท่องเที่ยวแกร่งหนุนความมั่นใจรัฐเบิกจ่ายอัดฉีดเศรษฐกิจ Q2/60 ดีกว่า Q1/60 เชื่อ GDP ทั้งปีขยายตัวดี ย้ำให้กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งสร้างกลุ่มสตาร์ทอัพเข้ามาช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยในโอกาสเเป็นประธานเปิดงาน Thailand Industry Expo 2017 โดยกระทรวงอุตสาหกรรมจัดขึ้นที่เมืองทองธานี ว่าอัตราการทางเศรษฐกิจของไทยไตรมาส 1/2560 ฟื้นตัวชัดเจนอยู่ที่ร้อยละ 3.3 จากช่วง 2 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ร้อยละ 0.8 ซึ่งเป็นไปตามภารกิจในการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจไม่ให้ถดถอยมากกว่าเดิมที่รัฐบาลประกาศไว้
สัญญาณที่เด่นชัดในปีนี้คือ ภาคการส่งออก ที่ช่วงไตรมาส 2 ของปี 2560 เติบโตเฉลี่ยร้อยละ 10 โดยเฉพาะเดือนมิถุนายนเติบโตร้อยละ 11.7 มูลค่าประมาณ 690,000 ล้านบาท แต่ทั้งนี้พบว่าภาคที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร อุตสาหกรรมเกษตร ยังเป็นจุดอ่อนที่ต้องแก้ไข เนื่องจากมีสัดส่วนส่งออกที่น้อยเพียงร้อยละ 9 มีสินค้าหลัก ได้แก่ ข้าว ยางพารา น้ำตาล และผลไม้ โดยมีประชากรที่อยู่ในภาคการเกษตรสูงถึง 20 - 30 ล้านคน ซึ่งยังไม่สามารถยกระดับการผลิตให้มีมูลค่าสินค้าเพิ่มขึ้นได้ ดังนั้นต้องการให้กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับภาคเอกชน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในรูปแบบของประชารัฐ เข้ามาสนับสนุนเพื่อมุ่งสู่ ไบโออีโคโนมี พร้อมให้สำนักงานส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เร่งสนับสนุนดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมเกษตรของประเทศให้มากขึ้น เพราะปัจจุบันไทยมีผลผลิตต้นน้ำจำนวนมาก แต่ยังขาดนักธุรกิจ ผู้ประกอบการกลุ่มแปรรูปที่จะเข้ามาลงทุน
นอกจากนี้สัดส่วนบริการที่คิดเป็น 50% ของการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ทั้งนี้ยังไม่พบหน่วยงานใดที่ดูแล จึงให้กระทรวงอุตสาหกรรมเข้ามาเป็นเจ้าภาพในการดูแล และสร้างคลัสเตอร์ภาคการบริการ เนื่องจากมีผู้ประกอบการขนาดเล็กจำนวนมากที่ยังไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ ประกอบกับต้องการให้นำภาคบริการ การท่องเที่ยว มาช่วยในภาคการเกษตรที่กำลังประสบปัญหาผลผลิตตกต่ำ เช่น นำการท่องเที่ยวเข้าไปในชุมชน มีการค้าขาย บริการ เกิดแรงเหวี่ยงของเศรษฐกิจมากขึ้น
ขณะเดียวกัน การสร้างกลุ่มผู้ประกอบการรายใหม่ หรือ สตาร์ทอัพ ต้องการให้กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งสร้างกลุ่มสตาร์ทอัพเข้ามาช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เนื่องจากปัจจุบันการส่งออกที่เติบโตส่วนใหญ่เป็นตัวเลขส่งออกของบริษัทขนาดใหญ่มาณ 70 บริษัท ซึ่งมีบริษัทที่มีการลงทุนจากต่างชาติสูงขึ้น 50 บริษัท ดังนั้นจึงต้องเร่งสร้างสตาร์ทอัพให้เกิดเป็นเครือข่ายกลุ่มคลัสเตอร์สตาร์ทอัพ ร่วมกันพัฒนาขีดความสามารถทางแข่งขัน เตรียมความพร้อมเข้าสู่ยุค 4.0 โดยภาครัฐพร้อมที่จะดึงความร่วมมือและเทคโนโลยีงานวิจัยจากต่างประเทศ เช่น กระทรวงเมติ ประเทศญี่ปุ่น ในการพัฒนาเปลี่ยนผ่านผู้ประกอบการ SMEs สู่ยุค 4.0 เกาหลีใต้ และไต้หวัน
"ประเทศไทยต้องปฏิรูปหลายด้าน หนึ่งในภารกิจของรัฐบาลคือการปฏิรูปอุตสาหกรรม 4.0 ภายใต้แนวคิด Thailand Industry 4.0:One Transformation, Thousand Opportunities ซึ่งการปฏิรูปทุกอย่างต้องทำให้เสร็จก่อนมีการเลือกตั้ง บริษัทขนาดใหญ่ๆ ต้องร่วมมือกับบริษัทขนาดเล็กช่วยกันสร้างโอกาสอนาคตให้กับประเทศ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ รวมถึงโครงการขนาดใหญ่จะต้องทำให้เสร็จก่อนเลือกตั้ง เพราะถ้าเลือกตั้งแล้ว จะผลักดันให้ประเทศเปลี่ยนแปลงไปแบบที่วางแผนไว้คงเป็นไปได้ยาก" นายสมคิด กล่าว
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย