- Details
- Category: สำนักนายกฯ
- Published: Saturday, 24 June 2017 19:15
- Hits: 2528
'สมคิด'มั่นใจจีดีพีปีนี้โตได้กว่า 3.5% วาดฝันส่งออกโตสองหลัก มั่นใจเลือกตั้งปี 61
'สมคิด' มั่นใจจีดีพีปีนี้โตได้กว่า 3.5% วาดฝันส่งออกโตสองหลัก จากเป้า 5% พร้อมเดินหน้า EEC เชื่อมนโยบาย One belt One Road ของจีน หวังดันไทยเป็นศูนย์กลางอาเซียน พร้อมเร่งลุยโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งประมูลรถไฟฟ้าสีม่วงใต้ - สีส้ม - สีแดง ภายใน 2 เดือนข้างหน้า ส่วนรถไฟไทย-จีน เริ่มก่อนก.ย.นี้ ขณะที่รถไฟเร็วสูงกรุงเทพ-ระยอง / กรุงเทพ-หัวหิน และรถไฟฟ้าภูเก็ต คาดเข้าครม.ก่อนสิ้นปี ด้าน Thailand future Fund เปิดขายล็อตแรก Q3-4/60
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยในงาน Thailand’s Big Strategic Move ว่า ในปีนี้มองว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ของไทยจะเติบโตได้ที่ระดับ 3.5% หรือมีโอกาสมากกว่าเนื่องจากเศรษฐกิจเริ่มส่งสัญญาณการฟื้นตัว และการเร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ โดยเฉพาะด้านคมนาคมที่มากกว่า 2.4 ล้านล้านบาท ทั้งการสร้างถนน ทางด่วน มอเตอร์เวย์ รถไฟรางคู่ รถไฟความเร็วสูง ท่าเรือ ขนส่งสินค้า เป็นต้น ขณะที่ภาคการส่งออกเริ่มเห็นการฟื้นตัวดี จากเศรษฐกิจคู่ค้าเติบโต และมองว่า ในปีนี้ ส่งออกของไทยมีโอกาสเติบโตได้เป็นตัวเลข 2 หลัก จากปัจจุบันมองเป้าหมายการส่งออกไว้ที่ 5%
“ทุกอย่างกำลังเดินหน้าตามโรดแมพการเมืองที่จะนำไปสู่การเลือกตั้งในปี 2561 ทุกสิ่งจะเป็นไปตามขั้นตอนที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ และอยู่ระหว่างการตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ และคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ในขณะเดียวกันในด้านเศรษฐกิจ รัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้ผล นำความเชื่อมั่นกลับคืนมาด้วยการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจากที่ตกต่ำลงมาถึงขีดสุดที่จีดีพีขยายตัวเพียง 0.8% เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา แต่ปัจจุบัน ไตรมาส 1/2560 ขยายตัวได้ 3.3% และคาดว่าค่าเฉลี่ยทั้งปีนี้ จีดีพีจะขยายตัวได้ 3.5% หรือสูงกว่า และมีหนี้สาธารณะต่อจีดีพีไม่เกิน 45%”นายสมคิด กล่าว
สำหรับ ในช่วงที่ผ่านมา จากการร่วมงานที่ Nikkei forum ที่กรุงโตเกียว คือ การมองบทบาทของเอเชียในอนาคต ซึ่งจากการร่วมประชุมพบว่า ขณะนี้ ประเทศกลุ่มเอเชีย กำลังเป็นความหวังใหม่ที่จะช่วยค้ำจุนเศรษฐกิจในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัว และมีความไม่แน่นอนทั้งเศรษฐกิจและการเมืองจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายของผู้นำสหรัฐ การสลัดทิ้งเขตการค้าเสรี NAFTA และ TPP การถอนตัวจากข้อตกลง Paris Accord ที่สร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก และดุลยภาพการเมือง
“เอเชียกำลังเป็นพลังใหม่ที่จะร่วมประสานกับภูมิภาคอื่นของโลก ทางเลือกของความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการสร้างเขตการค้าเสรีใหม่โดยเฉพาะ one belt one road ที่ผลักดันโดยจีน หรือ TPP ที่ท่านนายกอาเบะได้อาสาประกาศตนเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนแทนที่สหรัฐ หรือ เขตความร่วมมือเศรษฐกิจใหม่ RCEP ที่ประกอบด้วยกลุ่มประเทศอาเซียนบวกหกที่ครอบคลุมประชากรกว่าครึ่งโลก ทำให้เห็นว่า ไม่ว่าจะเป็นทางเลือกใดในทุกทางเลือกนั้น เอเชีย คือ หัวใจทั้งสิ้น ซึ่งทางไทยพร้อมที่จะนำ EEC เชื่อมนโยบาย One belt One Road ของจีน หวังดันไทยเป็นศูนย์กลางอาเซียน ”นายสมคิด กล่าว
สำหรับ ภาคตลาดการทุนในประเทศเริ่มเห็นการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ปี 54-59 กำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เฉลี่ยอยู่ที่ 7% และในปีนี้ ไตรมาส 1/2560 ที่ผ่านมา กำไรวมของบริษัทจดทะเบียนทั้งสิ้นสูงถึง 300,000 ล้านบาทโดยประมาณ หรือเติบโต 21% จากปีที่ผ่านมา ในขณะที่ขนาดตลาดได้ขยายตัวโดยลำดับ และมีขนาดถึง 122 % ของขนาด จีดีพี ในขณะที่ตลาดทุนไทยได้ชื่อว่ามีการกำกับดูแลที่ดีโดยมี governance score สูงที่สุดในอาเซียน แต่ทั้งนี้ ท่ามกลางสถานการณ์โลกที่มีความตึงเครียดทางการเมืองและเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน และไทยถือเป็นประเทศสินทรัพย์ปลอดภัยในสายตานักลงทุน ทำให้นักลงทุนสนใจลงทุนเป็นจำนวนมาก
นายสมคิด กล่าวว่า เพื่อให้ไทยหลุดพ้นจากประเทศรายได้ปานกลาง ดังนั้นจึงวางยุทธศาสตร์ไว้ 8 ด้าน ประกอบด้วย
ประการแรก : จาก Export led growth สู่ balanced growth economy การมุ่งสู่การเติบโตอย่างสมดุลย์ พึ่งพาปัจจัยภายนอก พร้อมงบประมาณกระจายสู่กลุ่มจังหวัดและสู่ท้องถิ่นโดยตรง
ประการที่ 2 : จาก low cost สู่ value based economy การสร้างมูลค่าด้วยนวัตกรรมด้วยวิทยาการ ด้วยการค้นคว้าวิจัย และการคิดสร้างสรรค์ ผลักดันให้เกิด cluster การผลิตระหว่างรัฐ เอกชน ผู้ประกอบการสถาบันศึกษา และสถาบันวิจัย
ประการที่ 3 : jump start โครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่งของประเทศ ด้วยเงินลงทุนกว่า 2.4 ล้านล้านบาท ในโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของประเทศ ทั้งการสร้างถนน ทางด่วน motorway โครงการรถไฟฟ้า รถไฟรางคู่ รถไฟความเร็วสูง การสร้างและพัฒนาสนามบินท่าเรือและสถานีขนส่งสินค้า ครอบคลุมช่วงระยะ 5 ปีข้างหน้า ผ่านแหล่งเงินทุน 4 แหล่ง คือ งบประมาณ แหล่งเงินกู้ยืม การร่วมลงทุนกับเอกชนแบบ PPP fast track ผ่านการสร้างรถไฟฟ้า 5 เส้นทาง คือ เส้นสีเขียว น้ำเงิน ส้ม เหลือง และชมพู และภายในปีนี้จะเริ่มเปิดประมูลอีก 3 เส้นทาง คือ ม่วงใต้ ส้มตะวันตก และสีแดง และในช่วง 2 เดือนข้างหน้า จะสรุปผลการประมูลรถไฟทางคู่อีก 5 เส้นทาง เพื่อเริ่มลงทุนภายในปีนี้
สำหรับเส้นทางรถไฟไทย-จีน คาดว่าจะเริ่มได้ช่วงกันยายน และก่อนสิ้นปีเส้นทางรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพ-ระยอง กรุงเทพ-หัวหิน และเส้นทางรถไฟฟ้า จ.ภูเก็ต ลงทุนแบบ ppp fast track เมื่อผ่านการพิจารณาจาก ครม. ทุกโครงการเริ่มต้นก่อนปลายปีหน้า นอกจากนี้กระทรวงการคลังเตรียมการจำหน่ายหน่วยลงทุน Thailand future Fund คาดว่าจะสามารถเริ่มขายลอตแรกได้ภายในไตรมาส 3-4 ของปีนี้แน่นอน เป็นทางเลือกในการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เพื่อรักษาระดับหนี้สาธารณะต่อ GDP ไม่ให้เกินระดับ 50%
ประการที่ 4 : Eastern economic corridor,corridor for the future รัฐบาล ยังมุ่งส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมายแห่งอนาคต
ประการที่ 5 : มุ่งสู่ digital Thailand รัฐบาลเตรียมก้าวสู่ยุคดิจิตัล โดยจัดสรรงบประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาท เพื่อติดตั้ง Internet broadband กว่า 24,000 หมู่บ้านในปีนี้ และอีก 2 หมื่นหมู่บ้านในปีหน้า เพื่อส่งเสริมชนบท พัฒนาการศึกษา สาธารณสุข การค้าผ่าน e-commerce จากชนบทสู่โลก การลงทุนวางระบบเคเบิ้ลใต้น้ำ กว่า 5 พันล้านบาท เพื่อให้ไทยยกระดับ international gateway ของภูมิภาคในอนาคต
ประการที่ 6 : Thailand, a start up nation รัฐบาลมุ่ง การการจัดสถานที่ (working spaces) สำหรับผู้ประกอบการ star t up และฝากติดตามงานสตาร์ทอัพไทยแลนด์ครั้งที่ 2
ประการที่ 7 : การเชื่อมต่อ geopolitic และ geoeconomic การเชื่อมโยงเชื่อมโยงกับกลุ่ม CLMV สร้างพลังร่วมของการท่องเที่ยว การจัดทำพัฒนายุทธศาสตร์ร่วมกัน ไปสู่อนุภูมิภาคอื่น
ประการสุดท้าย : ยกเครื่องประสิทธิภาพ และความโปร่งใสภาครัฐ รัฐบาลได้ขับเคลื่อนนโยบาย Ease of doing business ด้วยการลดขั้นตอน การขจัดอุปสรรค การแก้และออกกฎหมายใหม่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เพื่อสร้างความโปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ การริเริ่ม integrity pact และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดต้นทุนการบริการ ขจัดปัญหาด้านคอรัปชั่น เพื่อยกระดับการพัฒนาการบริหารจัดการรัฐวิสาหกิจ เพื่อประชุมร่วมกับ CEO ของรัฐวิสาหกิจในวันจันทร์นี้
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย