- Details
- Category: สำนักนายกฯ
- Published: Thursday, 18 May 2017 19:13
- Hits: 3266
'สมคิด' ถกเวิลด์แบงก์หวังอันดับความยากง่ายของการทำธุรกิจในไทยดีขึ้น-เตรียมโรดโชว์ดึงต่างชาติลงทุนเพิ่ม
'สมคิด'ถกเวิลด์แบงก์หวังอันดับความยากง่ายในการทำธุรกิจของไทยดีขึ้น ย้ำให้ดูความตั้งใจ-แก้ไขปัญหาเป็นสำคัญ พร้อมสรุปยอดลงทะเบียนคนจนแตะ 14 ล้านคน ยังไม่สรุปแผนแจกเงินคนรายได้ต่ำกว่า 3 หมื่นบ. ยันรัฐบาลเดินหน้าช่วยเหลือเต็มที่ พอใจศก.ไทย Q1/60 โต 3.3% ชี้นลท.ไทยยังไม่ขยับ เตรียมโรดโชว์ดึงต่างชาติลงทุนแทน
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ว่า ในการหารือกันในครั้งนี้ ทุกฝ่ายของรัฐบาลได้รายงานความคืบหน้าทั้งการแก้ไขปัญหาด้านกฎหมาย และด้านอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อประกอบการประเมินการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในการทำธุรกิจ (doing business) ของธนาคารโลก ซึ่งคาดว่าจะทราบผลได้ในเดือนสิงหาคม โดยคาดหวังว่า จากความตั้งใจของไทย จะส่งผลให้การจัดอันดับความน่าเชื่อถือดีขึ้น จากปัจจุบันอยู่ที่อันดับ 46
“เราหวังว่ามันจะดีขึ้น ส่วนจะอยู่อันดับที่เท่าไหร่คงตอบไม่ได้ และจะยอมรับกับผลด้วยไม่ว่าจะเป็นอย่างไรแต่ทุกอย่างที่รัฐบาลดำเนินการมาก็จะทำต่อเนื่องต่อไป”นายสมคิด กล่าว
นายสมคิด กล่าวถึง กรณีที่ประชาชนผู้มีรายได้น้อยมาลงทะเบียนเพื่อรับสวัสดิการสูงถึง 14 ล้านรายว่า เป็นการสะท้อนว่า คนไทยส่วนใหญ่ยังจน ซึ่งนโยบายของรัฐบาล คือ จะทำอย่างไรให้คนจนมีชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ซึ่งอยากให้ประชาชนเข้าใจว่า รัฐบาลไม่เคยลืมคนจน ขณะที่กระทรวงการคลังเตรียมมาตรการความช่วยเหลือไว้เต็มที่ ซึ่งจะดูแลทุกภาคส่วน แต่ทั้งนี้การจะช่วยเหลือนั้นจะมากหรือน้อยจะต้องดูถึงฐานะทางการคลังด้วย
“ถามว่าเราจะแจกเงินให้กับผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อปี เลยหรือไม่ คงตอบไม่ได้ เพราะการช่วยเหลือจะรูปแบบไหน แนวทางใด จะช่วยอย่างไร มันจะต้องดูฐานะทางการคลังด้วย วันนี้ตัวเลขที่ออกมามันสะท้อนว่า คนไทยส่วนใหญ่ยังจน เราต้องเข้าไปช่วยเหลือ เพราะเราไม่มีสวัสดิการให้ก่อนหน้านี้ เราต้องช่วยเหลือและให้โอกาสมากที่สุด เพื่ออนาคตต่อไปลูกหลานของเขาจะได้ไม่ลำบาก”นายสมคิด กล่าว
ส่วนกรณีตัวเลขเศรษฐกิจไทย ของสำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. ที่รายงาน ว่าเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกขยายตัว 3.3% และคาดทั้งปีขยายตัว 3.5% นับว่าพอใจ โดยการฟื้นตัวเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ส่วนการลงทุนภาคเอกชนติดลบ -1.1% ยอมรับว่าภาคเอกชนยังไม่ลงทุนมากนักเนื่องจากกำลังปรับตัวทั้งขยายการลงทุนในต่างประเทศ และปรับโครงสร้างการผลิตในประเทศ ขณะที่นักลงทุนต่างชาติทะยอยเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากหลายกลุ่มประเทศ หลังจากรัฐบาลได้เดินทางออกไปโรดโชว์ในต่างประเทศ จึงเป็นสัญญาณการลงทุนจากต่างชาติเพิ่มขึ้นหลังรัฐบาลเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานหลายโครงการ
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย