- Details
- Category: สำนักนายกฯ
- Published: Wednesday, 08 March 2017 21:30
- Hits: 11718
สมคิด มั่นใจ แผนศึกษาศูนย์ซ่อมอากาศยานแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ ก่อนดันเข้า PPP เป็นขั้นตอนต่อไป
THAI เซ็น MOU กับ ‘แอร์บัส’ พัฒนาศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานแห่งภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก ณ ท่าอากาศยานอู่ตะเภา ตามแผนพัฒนา EEC ตั้งเป้าดันไทยเป็นศูนย์กลางการซ่อมบำรุงอากาศยานที่ทันสมัยที่สุดของเอเชียแปซิฟิก ฟาก ‘สมคิดง มั่นใจ แผนศึกษาจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ ก่อนดันเข้า PPP เป็นขั้นตอนต่อไป
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือ เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในโครงการพัฒนาศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน ณ ท่าอาศยานอู่ตะเภา เพื่อเป็นศูนย์กลางการซ่อมบำรุงอากาศยานแห่งภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก ระหว่างการบินไทย จำกัด (มหาชน) กับ บริษัท แอร์บัส ว่า การตัดสินใจของบริษัทแอร์บัส สะท้อนว่ามีความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย และถือว่าสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบินแห่งภูมิภาคเอเชีย
โดยภายหลังการลงนามดังกล่าว การบินไทย และแอร์บัส จะร่วมกันศึกษา เพื่อนำไปสู่การพัฒนาศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน โดยโครงการดังกล่าว ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ซึ่งตนคาดว่า การศึกษาโครงการดังกล่าวจะแล้วเสร็จอย่างเป็นรูปธรรมได้ภายในสิ้นปี 2560 และผลักดันเข้าสู่คณะกรรมการให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ หรือ PPP ได้ในระยะต่อไป
“ถ้าเขาไม่เห็นศักยภาพของประเทศไทย ถ้าเขาไม่เห็นว่า EEC จะสามารถทำได้จริง เขาก็คงไม่มา วันนี้เขาเชื่อมั่นว่าไทยมีความเหมาะสม ทั้งในเรื่องของทำเลที่ตั้ง ยุทธศาสตร์ การขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ไทยแลนด์ 4.0 แสดงว่าเขามั่นใจ และพร้อมที่จะเห็นไทยเป็นศูนย์กลางการบินแห่งภูมิภาคเอเชีย ซึ่งการจะไปตรงนั้น เราก็จะต้องพร้อมในเรื่องของการมีศูนย์ซ่อมอากาศยานที่ทันสมัย ถือเป็นสิ่งจำเป็น และเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะสร้างรายได้ให้กับประเทศมหาศาล นอกจากในอุตสาหกรรมการบินแล้ว ยังมีอุตสาหกรรมอื่นๆอีกที่พร้อมจะเข้ามาลงทุนใน EEC ด้วย”นายสมคิด กล่าว
ทั้งนี้ ศูนย์ให้บริการซ่อมบำรุงท่าอากาศยานแห่งใหม่ จะเป็นศูนย์ที่มีความทันสมัยและครอบคลุมที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่ให้บริการตั้งแต่การซ่อมบำรุงย่อยจนถึงการซ่อมบำรุงใหญ่ สำหรับเครื่องบินในหลายประเภท ศูนย์ใหม่แห่งนี้จะมีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลล่าสุดมาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลการบำรุงรักษาเครื่องยิน รวมทั้งเทคนิคการตรวจสอบขั้นสูง ซึ่งรวมถึงการใช้โดรนในการตรวจสอบโครงสร้างของเครื่องบินด้วย
“สิ่งสำคัญเวลานี้คือ รักกันเข้าไว้ อย่าทะเลาะกัน เพราะเวลานี้สิ่งสำคัญคือ คนไทยจะต้องรักกัน หากทำได้ เชื่อว่าภายใน 3-4 ปีข้างหน้าเราจะไปได้ไกลอย่างแน่นอน”นายสมคิด กล่าว
ด้านนางอุษณีย์ แสงสิงแก้ว รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI เปิดเผยว่า โครงการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ปี 2560-2564 เพื่อขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการซ่อมบำรุงอากาศยานที่ทันสมัยที่สุดของเอเชียแปซิฟิก ด้วยนวัตกรรม และเทคโนโลยีที่ทันสมัยด้วยมาตรฐานคุณภาพระดับสากล
นอกจากนี้ ยังส่งเสริมอุตสาหกรรมด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการบินตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานแห่งใหม่จะให้บริการแก่สายการบินทั่วภูมิภาคและทั่วโลก เพื่อสร้างรายได้ให้กับการบินไทยและประเทศไทยอย่างยั่งยืน นำพาประเทศไทยไปสู่ Thailand 4.0 เป็นมหานครแห่งอนาคต Gateway to Asia
ด้านมิสเตอร์ฟาบริซ เบรจิเยร์ ประธานบริษัท แอร์บัส กล่าวว่า โครงการใหม่จะช่วยตอบสนองความต้องการสำหรับการให้บริการในการบำรุงรักษาในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยจำนวนฝูงบินในภูมิภาคที่จะเพิ่มขึ้นเกือบสามเท่าหรือกว่า 15,000 ลำ ในอีก 20 ปีข้างหน้า โครงการนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีแก่ประเทศไทยในการพัฒนาขอบเขตการให้บริการในภาคธุรกิจการบิน
ทั้งนี้ ศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานแห่งใหม่นี้จะเป็นหนึ่งในศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานที่มีความทันสมัยและครอบคลุมการบริการด้านการซ่อมบำรุงอากาศยานมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่ให้บริการตั้งแต่การซ่อมบำรุงย่อยไปถึงการซ่อมบำรุงใหม่สำหรับเครื่องบินในหลากหลายประเภท โดยจะนำเทคโนโลยีดิจิทัลล่าสุดมาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลการบำรุงรักษาเครื่องบิน รวมทั้งเทคนิคการตรวจสอบขั้นสูง นอกจากนี้ยังมีโรงซ่อมอัจฉริยะที่มีประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งศูนย์ฝึกอบรมช่างซ่อมบำรุงที่ผลิตช่างฝีมือและนายช่างอากาศยาน ตามมาตรฐานระดับสากล รองรับกับการขยายตัวของธุรกิจซ่อมบำรุงอากาศยานในอนาคต
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย.