- Details
- Category: สำนักนายกฯ
- Published: Saturday, 05 November 2016 17:26
- Hits: 6912
สมคิด` ตั้งเป้าอันดับ DOING Business ของไทย ขยับขึ้นอยู่ที่ 30 ในปีหน้า จากอันดับ 46 ในปัจจุบัน เร่งดึงเอกชนใน-ตปท.ลงทุน
'สมคิด'ตั้งเป้าอันดับ DOING Business ของไทย ขยับขึ้นอยู่ที่ 30 ในปีหน้า จากอันดับ 46 ในปัจจุบัน เร่งดึงเอกชนใน-ตปท.ลงทุน เตรียมเชิญธนาคารโลกมาเป็นที่ปรึกษา ชี้จุดอ่อน จุดแข็ง หวังแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด แย้มเตรียมชงครม. พิจารณาแผนลงทุนวางระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตตำบล กระตุ้นชาวบ้านค้าขายสินค้าผ่าน E-Commerce
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานการประชุม Doing Business ในวันนี้ว่า ได้ตั้งเป้าหมายในปี 2560 การจัดอันดับความยากง่ายในการทำธุรกิจ ที่จัดทำโดยธนาคารโลก ( DOING Business ) นั้น หวังว่าไทยจะได้รับการปรับอันดับจากปัจจุบันที่ 46 มาอยู่ที่ 30 จาก 190 ประเทศทั่วโลกได้อย่างแน่นอน
โดยได้สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาที่สำคัญที่จะช่วยส่งเสริมและเพิ่มความคล่องตัวในการทำธุรกิจของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดยได้สั่งให้กระทรวงการคลังทำแผนงานให้เรียบร้อยและรายงานความคืบหน้าให้ตนทราบภายในเดือนมกราคม 2560 ก่อนส่งกลับไปแก้ไขและเสนอให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีพิจาณาในเดือนพฤษภาคม 2560
“ได้สั่งการให้คลัง และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือ สคร.ไปเร่งจัดทำแผนงานให้แล้วเสร็จ ก่อนรายงานความคืบหน้าให้แล้วในเดือนมกราคมปีหน้า และตรวจให้เรียบร้อยว่ายังมีอะไรต้องแก้ไขอีกหรือไม่ หลังจากนั้นก็จะให้กลับไปแก้ไข ก่อนส่งมาพิจารณาอีกครั้งในเดือนพฤษภาคม 2560 โดยเราหวังว่าปีหน้าอันดับของเราจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 30 อย่างแน่นอน
สำหรับ ในเบื้องต้นนั้น สิ่งที่ต้องเร่งแก้ ทั้งในเรื่องของการออกระเบียบการก่อสร้างต่างๆ การติดตั้งมิเตอร์ไฟฟ้า การปรับปรุงกฎหมายด้านภาษี เพราะถือเป็นเรื่องที่ไทยยังได้คะแนนน้อย โดยสิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการที่สำคัญ คือ การปฏิรูประบบการจดทะเบียนการจัดตั้งบริษัทให้เป็นศูนย์รวมอยู่ที่เดียวกัน หรือ วัน สต็อป เซอร์วิส
นายสมคิด เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ภาครัฐได้อำนวยความสะดวกให้กับภาคธุรกิจในหลายด้านแล้ว แต่มีปัญหาเรื่องการสื่อสารข้อมูลกับธนาคารโลก และปัญหาหลายด้านคืบหน้าไปมากแล้วเหลือเพียงเร่งแก้ปัญหาเพียงเล็กน้อยจะช่วยให้อันดับดีขึ้น เช่น การขออนุญาตก่อสร้าง การเริ่มต้นธุรกิจ การค้าระหว่างประเทศ การขอใช้ไฟฟ้า การคุ้มครองผู้ลงทุน การแก้ปัญหาล้มละลาย การบังคับให้เป็นไปตามข้อตกลง การจดทะเบียนทรัพย์สิน การชำระภาษี เป็นต้น ซึ่งหากไทยเร่งแก้ไข้ปัญหาเหล่านี้ให้ชัดเจน จะทำให้ไทยขยับจากอันดับ 46 เพิ่มเป็นอันดับ 30 ได้ในปี 2560 โดยจะนำข้อมูลเสนอให้เจ้าหน้าที่ธนาคารโลกประเมินในช่วงเดือนพฤษภาคมปี 2560 และประกาศผลในช่วงปลายปี 2560
ขณะเดียวกัน ยังเตรียมเชิญธนาคารโลกให้เป็นที่ปรึกษา เพื่อช่วยชี้จุดอ่อน จุดแข็ง และเสนอแนะทางออกเพื่อช่วยแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด นอกจากนี้ ยังเตรียมเสนอที่ประชุม ครม.ในเร็วๆนี้ พิจารณาแผนลงทุนวางระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตตำบล เพื่อให้ผู้ประกอบการ ชาวบ้านค้าขายสินค้าผ่าน E-Commerce ขณะที่ส่วนราชการต้องจัดทำงบประมาณพัฒนาบุคคลากร ความรู้ด้านเทคโนโลยี ลงทุนด้านเทคโนโลยีรองรับระบบ E-Government ของรัฐบาล
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย
ตั้งเป้าไทยขยับอันดับ Doing Business สู่ที่ 30
บ้านเมือง : นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมคณะกรรมการ Doing Business ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน หลังจากผลการจัดอันดับความอยากง่ายในการประกอบธุรกิจของธนาคารโลก (Doing Business 2017) ได้ขยับอันดับของประเทศไทยจากที่ 49 ขึ้นมาเป็นอันดับ 46 ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จากทั้งหมด 190 ประเทศ ยอมรับว่าการอำนวยความสะดวกของหน่วยงานรัฐหลายด้านของไทยได้แก้ปัญหาไปมากแล้ว แต่มีปัญหาเรื่องการสื่อสารข้อมูลกับธนาคารโลก และปัญหาหลายด้านคืบหน้าไปมากแล้วเหลือเพียงเร่งแก้ปัญหาเพียงเล็กน้อยจะช่วยให้อันดับดีขึ้น อาทิ การขออนุญาตก่อสร้าง การเริ่มต้นธุรกิจ การค้าระหว่างประเทศ การขอใช้ไฟฟ้า การคุ้มครอง ผู้ลงทุน การแก้ปัญหาล้มละลาย การบังคับให้เป็นไปตามข้อตกลง การจดทะเบียนทรัพย์สิน การชำระภาษี การได้การสินเชื่อ โดย 10 กลุ่มดังกล่าวมีคะแนนใกล้เคียงกับประเทศที่อยู่ในอันดับต้นๆ หากเร่งแก้ไข้ปัญหาเหล่านี้ให้ชัดเจน จะทำให้ไทยขยับจากอันดับ 46 เพิ่มเป็นอันดับ 30 ได้ในปี 60 โดยจะมีการนำข้อมูลเสนอก่อนเจ้าหน้าที่ธนาคารโลกจะเข้ามาประเมินข้อมูลในช่วงเดือนพฤษภาคมปี 60 และประกาศผลในช่วงปลายปี 60 เพราะขณะนี้ได้แก้ปัญหาด้านต่างๆ คืบหน้าไปมากแล้ว โดยเฉพาะด้านกฎหมายหลายฉบับ รอเพียงการพิจารณาจากสภา สนช.
ทั้งนี้ จึงสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันเร่งแก้ปัญหา เช่น การชำระภาษี กรมสรรพากรกำลังจัดทำโปรแกรมบัญชีภาษี เพื่อบันทึกบัญชีภาษีแต่ละประเภทประจำทุกเดือนในการหักลบกลบหนี้ สามารถประเมินรายรับ รายจ่ายทางภาษีได้อย่างเป็นระบบ โดยสำนักงาน กพร.จะทำการศึกษาจุดอ่อนจุดแข็ง เร่งนำมาปรับปรุงแก้ไขร่วมกับภาครัฐและเอกชน นอกจากนี้ยังเตรียมเชิญธนาคารโลกให้เป็นที่ปรึกษา เพื่อช่วยชี้จุดอ่อน จุดแข็ง และเสนอแนะทางออกเพื่อช่วยแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด นอกจากนี้ยังเตรียมเสนอที่ประชุม ครม.ในเร็วๆ นี้ พิจารณาแผนลงทุนวางระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตตำบล เพื่อให้ผู้ประกอบการ ชาวบ้านค้าขายสินค้าผ่าน E-Commerce
ขณะที่ส่วนราชการต้องจัดทำงบประมาณพัฒนาบุคคลากร ความรู้ด้านเทคโนโลยี ลงทุนด้านเทคโนโลยีรองรับระบบ E-Government ของรัฐบาล เนื่องจากแนวโน้มเงินลงทุนจากทั่วโลกในช่วง 10 ปีข้างหน้ามุ่งมาสู่เอเชีย โดยเฉพาะกลุ่มประเทศอาเซียน ดังนั้นไทยต้องเร่งพัฒนาในหลายด้านรองรับการลงทุนดังกล่าว
ปั้นไทย!ประเทศลงทุนง่ายสมคิดหวังติดอันดับ 1 ใน 30 จ้างเวิลด์แบงก์เป็นกุนซือ
ไทยโพสต์ : กระทรวงการคลัง * 'สมคิด' ตั้งธงดันไทยติด 1 ใน 30 การจัดอันดับความยากง่ายในการทำธุรกิจ เล็งจ้างเวิลด์แบงก์มานั่งที่ปรึกษาแก้เกมเดินถึงฝัน ขันนอตทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งทำงานเชิง รุก ชี้หากทางสะดวก ต่างชาติพร้อมหอบเงินเข้ามาลงทุนจำนวนมาก
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมการจัดอันดับความยากง่ายการทำธุรกิจของไทย (Doing Business) ว่าการจัดอันดับความยากง่ายในการทำธุรกิจล่าสุดที่ธนาคารโลกจัดอันดับของไทยปีนี้ดีขึ้นจากอันดับ 49 มาอยู่ที่ 46 แต่รัฐบาลยังต้องเดินหน้าดำเนินการปรับ ปรุงและแก้ไขอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้อันดับของไทยดีขึ้น โดยในปีหน้าตั้งเป้าหมายว่าจะต้องอยู่อันดับต่ำกว่า 30 เป็นอย่างน้อย
"การดำเนินการให้ถึงเป้า หมายไม่ได้ยาก เพราะรู้ว่าจะต้องทำอะไรบ้าง ที่ผ่านมาก็ทราบว่าจุดแข็งและจุดอ่อนอยู่ตรงไหน มีเวลาดำเนินการแก้ไขจนถึงเดือน พ.ค.2560 ที่จะเป็นการสำ รวจรอบใหม่ โดยได้สั่งการให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้ไปดูประเทศที่ได้รับการจัดอันดับที่ 1 ว่าต้องอำนวยความสะดวกอย่างไร ก็ให้ไทยทำในลักษณะดังกล่าวให้ได้"นายสมคิดกล่าว
นอกจากนี้ จะมีการว่าจ้าง ธนาคารโลกมาเป็นที่ปรึกษาในการแก้ไขปัญหาการจัดอันดับความยากง่ายการทำธุรกิจ โดยจะให้ธนาคารโลกระบุลงในรายละเอียดเลยว่ามีประเด็นไหนบ้างที่ไทยต้องแก้ไข จะได้ดำเนินการแก้ไขให้ตรงจุด ขณะเดียวกัน หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องจะต้องทำการประชาสัมพันธ์สื่อสารไปยังภาคเอกชน และต้องชี้แจงธนาคารโลกที่เป็นผู้จัดอันดับว่าประเทศไทยได้มีการพัฒนาและดำเนินการอย่างไรบ้าง เพราะที่ผ่านมามีหลายเรื่องที่ไทยได้ดำเนินการ แต่ธนาคารโลกกลับไม่ได้นำไปพิจารณา
นายสมคิด กล่าวว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องทำงานในเชิงรุก เหมือนกับกรมบังคับคดี ซึ่งได้มีการดำเนินงานปรับปรุงแก้ไขและพัฒนา จนเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การจัดอันดับในปีนี้ของไทยดีขึ้นมาก เพราะนอกจากจะแก้ไขกฎหมายและระเบียบทำให้การบังคับคดีให้มีความรวดเร็วขึ้นแล้ว ยังมีการเดินทางไปต่างประเทศชี้แจงให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการจัดอันดับได้รับรู้ในสิ่งที่ไทยได้ปรับปรุงให้ดีขึ้น
ทั้งนี้ คณะกรรมการที่ขับ เคลื่อนชุดนี้จะมีการรายงานแผน ทำให้การจัดอันดับดีขึ้น ให้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมน ตรี รับทราบถึงจุดอ่อนที่จะต้องเร่งแก้ไข โดยจะมีการกำหนดหน่วยงานที่รับผิดชอบชัดเจน และจะมีการติดตามผลอย่างใกล้ชิด โดยใน เดือน ม.ค.2560 จะเริ่มประชุมติด ตามความคืบหน้าเป็นครั้งแรก
อย่างไรก็ตาม จากการเดินทางไปต่างประเทศ มั่นใจว่านักลงทุนจะขนเงินจำนวนมากมาลงทุนในภูมิภาคเอเชียและอาเซียน ซึ่งหากไทยมีความสะดวกในการทำธุรกิจ ได้รับการ จัดอันดับที่ดีขึ้นต่อเนื่อง ประ เทศไทยจะเป็นเป้าหมายการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติจำ นวนมาก.
'สมคิด'ฝันไทยขึ้นที่ 30 ของโลกจี้คลังดันอันดับความยากง่ายการทำธุรกิจ
แนวหน้า : รัฐบาลเดินหน้าเพิ่มความสะดวกให้ต่างชาติ ทำธุรกิจในไทย 'สมคิด'ดึง'เวิลด์แบงก์' มาเป็นกุนซือ ในการปรับปรุง และแก้ไข ตั้งเป้าปีหน้าจะต้องอยู่อันดับไม่ต่ำหรือสูงกว่า 30 เป็นอย่างน้อย
เมื่อวันที่ 4 พ.ย. 2559 นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธาน การประชุมการจัดอันดับความยากง่ายการทำธุรกิจของไทย หรือ Doing Business ที่กระทรวง การคลัง
นายสมคิด กล่าวว่า การจัดอันดับความยากง่ายในการทำธุรกิจนั้น ล่าสุดที่ ธนาคารโลก(เวิลด์แบงก์) ได้จัดอันดับของไทยปีนี้ดีขึ้นจากอันดับ 49 มาอยู่ที่ 46 แต่รัฐบาลยังต้อง เดินหน้าดำเนินการปรับปรุงและแก้ไขอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้อันดับของไทยดีขึ้น โดยในปีหน้าตั้งเป้าหมายว่าจะต้องอยู่อันดับไม่ต่ำหรือสูงกว่า 30 เป็นอย่างน้อย
"การดำเนินการให้ถึงเป้าหมายไม่ได้ยาก เพราะรู้ว่าจะต้องทำอะไรบ้าง ที่ผ่านมา ก็ทราบว่าจุดแข็งและจุดอ่อน อยู่ตรงไหน มีเวลาดำเนินการแก้ไขจนถึงเดือน พ.ค. 2560 ที่จะเป็นการสำรวจรอบใหม่ โดยได้สั่งการให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้ไปดูประเทศที่ได้จัดอันดับ 1 ว่าต้องอำนวยความสะดวกอย่างไร ก็ให้ไทยทำในลักษณะดังกล่าวให้ได้" นายสมคิด กล่าว
นอกจากนี้ จะมีการว่าจ้างธนาคารโลก หรือเวิลด์แบงก์ มาเป็นที่ปรึกษา ในการแก้ไขปัญหาในการจัดอันดับความยากง่ายการทำธุรกิจ โดยจะให้ธนาคารโลกระบุลงในรายละเอียดเลยว่ามีประเด็นไหนที่ต้องแก้ไข จะได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด
ขณะเดียวกัน หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จะต้องทำการประชาสัมพันธ์สื่อสารไปยัง ภาคเอกชน และต้องชี้แจงธนาคารโลกที่เป็น ผู้จัดอันดับว่า ประเทศไทยได้มีการพัฒนา และดำเนินการในเรื่องนี้ไปอย่างไรบ้าง เพราะ ที่ผ่านมามีหลายเรื่องที่ไทยได้ดำเนินการ แต่ทางธนาคารโลกกลับไม่ได้นำไปพิจารณา
นายสมคิด กล่าวว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องทำงานในเชิงรุก เหมือนกับกรมบังคับคดี ซึ่งได้มีการดำเนินงานปรับปรุงแก้ไขและพัฒนา จนเป็น ส่วนสำคัญที่ทำให้การจัดอันดับในปีนี้ของไทยดีขึ้นมาก เพราะนอกจากจะแก้ไขกฎหมายและระเบียบทำให้การบังคับคดีให้มีความรวดเร็วขึ้นแล้ว ยังมีการเดินทางไปต่างประเทศชี้แจงให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการจัดอันดับได้รับรู้ในสิ่งที่ไทย ได้ปรับปรุงให้ดีขึ้น
ทั้งนี้ คณะกรรมการที่ขับเคลื่อนชุดนี้จะมีการรายงานแผนการทำให้การจัดอันดับดีขึ้นให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รับทราบถึงจุดอ่อนที่จะต้องเร่งแก้ไข โดยจะมี การกำหนดหน่วยงานที่รับผิดชอบชัดเจน และจะมีการติดตามผลอย่างใกล้ชิด โดยในเดือน ม.ค. 2559 จะเริ่มประชุมติดตามความคืบหน้าเป็นครั้งแรก
อย่างไรก็ตาม จากการเดินทางไปต่างประเทศ มั่นใจว่า นักลงทุนจะขนเงินจำนวนมากมาลงทุนในภูมิภาคเอเชีย และอาเซียน ซึ่งหากไทยมีความสะดวกในการทำธุรกิจ ได้รับการจัดอันดับที่ดีขึ้นต่อเนื่อง ประเทศไทยก็จะเป็นเป้าหมายการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติจำนวนมาก