- Details
- Category: สำนักนายกฯ
- Published: Monday, 07 March 2016 23:28
- Hits: 4127
'สมคิด'โยกงบ 6 หมื่น ล.หารือ 'อบต.-อบจ.'ลุยพัฒนาท่องเที่ยวท้องถิ่น
'สมคิด'เผยล้วงเงิน อปท.จากมหาดไทยมาได้ 5–6 หมื่นล้านบาท เตรียมเรียกประชุมนายก อบต.และนายก อบจ.ทั่วประเทศ มอบนโยบายให้นำเงินไปใช้พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในท้องถิ่น เผยพอใจความร่วมมือประชารัฐหลังคณะทำงานภาคเอกชนเสนอแนวคิดดีๆ เตรียมให้นำเสนอนายกรัฐมนตรี ชี้อีก 4–5 ปีจะมีอุตสาหกรรมมาลงทุนในไทย 4–5 แสนล้านบาท
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ภายหลังที่มอบหมายกระทรวงการคลังไปตรวจสอบเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่ค้างอยู่ในธนาคารมาหลายปีอยู่ร่วม 300,000 ล้านบาท และมีแนวคิดที่จะนำเงินดังกล่าวบางส่วนออกมาใช้เป็นงบพัฒนาท้องถิ่น ล่าสุดทางกระทรวงมหาดไทยได้ตรวจสอบเงินดังกล่าวแล้วพบว่ามีเม็ดเงินที่สามารถนำออกมาใช้ได้ 50,000-60,000 ล้านบาท จึงจะนำงบดังกล่าวนี้มาใช้ในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในท้องถิ่น โดยผู้ที่ใช้เงินจะคงเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอยู่ เพราะถือว่าเป็นเจ้าของเงิน ขณะที่รัฐบาลกลางอาจจะแนะนำให้ว่าควรนำเงินไปใช้ในเรื่องใดเพื่อให้เป็นทิศทางเดียวกัน
“เร็วๆนี้จะเรียกประชุมนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ทั่วประเทศ เพื่อมาแนะนำว่าควรใช้เงินในโครงการแบบไหน ที่แน่ๆคือการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในท้องถิ่น การพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น การพัฒนาการเกษตรและอาชีพชุมชน โดยต้องการให้เงินนี้ลงไปสู่ท้องถิ่นอย่างรวดเร็ว และขอให้คอยฟังว่าอีกไม่นานจะมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่จะเข้ามาร่วมมือในลักษณะประชารัฐด้วย”
ขณะเดียวกัน ได้หารือกับนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ถึงโครงการประชารัฐท่องเที่ยว ซึ่งมีคนเสนอว่าควรมีการสร้างแหล่งท่องเที่ยวในลักษณะแมนเมดขึ้นมา แต่การดำเนินดังกล่าวต้องให้สอดคล้องกับประเทศไทยที่มีเรื่องของคุณค่าทางวัฒนธรรมสูง จึงให้ไปหาเมืองที่มีเรื่องราวการเล่าขานเยอะๆ เพื่อทำให้เกิดโครงการขนาดใหญ่ขึ้นมา
รองนายกรัฐมนตรียังได้กล่าวถึงความร่วมมือภายใต้โครงการประชารัฐที่มีคณะกรรมการ 12 คณะว่า จากการประชุมสรุปผลการดำเนินงานของแต่ละคณะมีความคืบหน้าและแนวทางการทำงานดีมากๆ จึงเสนอว่าในการประชุมครั้งต่อไปให้เตรียมสิ่งที่ทำมาทั้งหมดและเอาบางโครงการมาเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รับฟัง โดยจะเริ่มที่โครงการหลักก่อน เช่น เรื่องของนวัตกรรม ที่มีนายกานต์ ตระกูลฮุน หัวหน้าทีมภาคเอกชนคณะทำงานร่วมประชารัฐ ด้านการยกระดับนวัตกรรมและผลิตภาพ ซึ่งได้ขอให้นำเสนอให้นายกรัฐมนตรีฟัง 2 โครงการ โครงการแรกเป็นเรื่องของกิจการร่วมค้าหรือคอนโซเตียม ที่จะมีการยกระดับการวิจัยและพัฒนาขึ้นมา มีตัวอย่างประเทศสหรัฐฯ มีคอนโซเตียมด้านไอที จึงเกิดซิลิคอนวัลเลย์ขึ้นมา ส่วนอีกโครงการเป็นเรื่องเกี่ยวกับคลัสเตอร์
ขณะเดียวกัน กลุ่มของนายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ หัวหน้าทีมภาคเอกชนคณะทำงานประชารัฐ ด้านพัฒนาคลัสเตอร์ภาคอุตสาหกรรมแห่งอนาคต มีข้อเสนอดีมากให้ภาคอุตสาหกรรมใช้วัตถุดิบจากอุตสาหกรรมปิโตรเคมีคอล ซึ่งประเทศไทยทำมา 20-30 ปี ซึ่งสิ่งเหล่านี้ในกลุ่มประเทศอาเซียนนอกจากสิงคโปร์ไม่มีประเทศใดมีนอกจากไทย ฉะนั้นการต่อยอดข้างบนง่ายมากๆ และขณะนี้มีโครงการชัดๆ ที่จะมาลงทุนในไทย 400,000-500,000 ล้านบาท ในอีก 4-5 ปีข้างหน้า โดยอุตสาหกรรมปิโตรเคมีคอลที่ประเทศไทยมีอยู่จะล่อให้อุตสาหกรรมอื่นที่เกิดการต่อยอดในไทยได้เข้ามาลงทุน ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมรถยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ ไอที ใช้ได้หมด ซึ่งเมื่อฟังเช่นนี้แล้วไม่ต้องไปห่วงเรื่องที่ต่างประเทศจะไปลงทุนเวียดนามที่ได้เปรียบไทยเฉพาะเรื่องค่าแรงเท่านั้น.
ที่มา : www.thairath.co.th