- Details
- Category: สำนักนายกฯ
- Published: Thursday, 18 February 2016 00:00
- Hits: 3576
'สมคิด'แย้มมีแนวโน้มต่ออายุแผนลดหย่อนภาษีท่องเที่ยว เร่งผลักดันรายได้ท่องเที่ยวปีนี้แตะ 2.4 แสนลบ.
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผย ถึงความคืบหน้าที่กระทรวงการคลังมีแนวโน้มจะต่ออายุมาตรการลดหย่อนภาษี สำหรับการท่องเที่ยว ในประเทศไม่เกิน 1.5 หมื่นบาทจากที่สิ้นสุดธ.ค.58 ว่า ได้มอบนโยบายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ไป หารือกับกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้นำงบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มาพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในท้องถิ่น รวมถึงต้องพยายามดึงกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม) เข้ามาเที่ยวในไทยมากขึ้น ทำเป็นอาเซียนคอนเน็ทด้วย
"เรื่องลดหย่อนหมื่นห้า มีเสียงไปถึงรัฐมนตรีคลังแล้ว ซึ่งกำลังดูอยู่ คิดกันอยู่ เศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัว ดังนั้นราย ได้ จากการท่องเที่ยวถือว่าเป็นรายได้หลัก ดังนั้นต้องเร่งสร้างแหล่งท่อง เที่ยวใหม่ รวมถึงการประสานกับสายการบินทั้งในและต่างประเทศ เพื่อจัดเส้นทางบิน ใหม่ด้วย" นายสมคิดกล่าว
ด้านนางกอบกาญจน์ กล่าวว่า ปีนี้ได้ตั้งเป้าหมายรายได้จาก การท่องเที่ยวที่ 2.3 ล้านล้านบาท แต่ความตั้งใจพยายามจะผลักดันให้ได้ ถึง 2.4 ล้านล้านบาท เพื่อช่วยเศรษฐกิจโดยจะเน้นให้นักท่องเที่ยวใช้เงินในประเทศเพิ่มขึ้นจากวัน ละ 5,072 บาท เป็น 5,100-5,200 บาท/วัน และเพิ่มระยะเวลาอยู่ในไทยนานขึ้น จาก 9 วัน เป็น 11-12 วัน รวมถึงการสร้างอาเซียน คอนเน็ท
โดยในช่วงเช้าที่ผ่านมานายสมคิด ประชุมร่วมกับนางกอบกาญจน์ วัฒนวราง กูร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา และสายการบินต่างๆ เพื่อกระตุ้นการท่อง เที่ยว และหารือถึงปัญหาที่เกี่ยวข้อง ขณะที่กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างพิจารณาการต่ออายุสิทธิ ประโยชน์การนำค่าใช้จ่ายจากการท่องเที่ยวภายในประเทศ มาหักลดหย่อนการเสีย ภาษี หลังจากประกาศเดิมครบระยะเวลาบังคับใช้ไปเมื่อสิ้นปี 58
'สมคิด'มั่นใจจีดีพีปี 59 โตกว่า 3% ชี้มีโครงการรัฐฯ โครงสร้างพื้นฐานมาหนุนตลอดทั้งปี
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่าว ผลิตภัณฑ์มวลรวม ในประเทศ หรือ จีดีพีปี 2559 จะเติบโตกว่า 3% โดยมองทิศทางเศรษฐกิจไทยดี ขึ้น แต่ ยังชะลอตัวอยู่ในบางส่วน ซึ่งต้องมีการกระตุ้นภาคเอกชนให้ลงทุนเพิ่มขึ้น ซึ่งจากนี้ไปจะมีเงินจากกองทุนหมู่ บ้าน 3.5 หมื่นล้านบาท เงินจากการลงทุนบรอดแบรนด์ทั่วประเทศ และงบบางส่วนขององค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น (อปท.) เข้ามาประคับประคองเศรษฐกิจ ในช่วงที่การส่งออกยังชะลอตัว
ขณะที่ในครึ่งหลังของปี 2559 จะมีโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่ อย่างเช่น โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสี ชมพู ซึ่งในวันจันทร์ ที่ 29 ก.พ. จะมีการเสนอ 2 โครงการดังกล่าว เข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบาย การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ(PPP) จากนั้นจะจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณาในต้นเดือนมี .ค. และเปิดประกวดราคาต่อไป
"จีดีพีปีนี้ 3% กว่าแน่นอน แต่จะแค่ไหน ก็ต้องดูไป แต่ ถ้าไม่ปฏิรูป ก็แข่งกับเขาลำบาก ปัจจุบันเท่าที่ดูตัวเลข momentum ยัง ดี แต่ยังดีไม่พอยังฝ่อๆอยู่ เอกชนยังไม่มั่นใจ ชะลองทุนในไทย ไปลงทุนต่างประเทศ ก็ บอกไปว่า ให้ลงทุนในไทยก่อน แล้วค่อยไปประเทศเพื่อนบ้าน บอกทุกสมาคมแล้ว ให้ ช่วยเร่ง ลงทุนหน่อย" นายสมคิด กล่าว
นายสมคิด กล่าวถึงความกังวลต่อความผันผวนของค่าเงินหยวน ที่จะมีต่อค่าเงินบาทนั้น ไม่ได้วิตกกังวลเรื่องดังกล่าว เนื่องจากกระทรวง การคลัง และ และธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) คอยดูแลอยู่แล้ว
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย
รัฐบาลพร้อมอัดฉีดเม็ดเงิน 3.5 หมื่นลบ.เพิ่มความเข้มแข็งศก.ฐานราก ดัน GDP ปีนี้โตกว่า 3%
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ เชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะเติบโตได้กว่า 3% แต่สิ่งสำคัญคือจะต้องเน้นการปฏิรูปด้านเศรษฐกิจตามแนวทางที่รัฐบาลได้วางไว้ และต้องการให้ภาคเอกชนเพิ่มการลงทุนมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้จากภาพรวมเศรษฐกิจไทยทั้งปี 2558 ถือว่าดีขึ้นมาได้ระดับหนึ่ง และแม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจโลกจะยังไม่ฟื้นตัว แต่ก็ไม่อยากให้ทุกฝ่ายตื่นตระหนกจนเกินไป ซึ่งรัฐบาลก็จะมีการติดตามงานด้านเศรษฐกิจในทุกๆ ด้านให้ขับเคลื่อนตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้
ส่วนในช่วงครึ่งปีหลังก็ยังคงเดินตามแผนงาน โดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น รถไฟฟ้าสายสีเหลือง และสายสีชมพู โดยได้เตรียมที่จะเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP)
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้มุ่งเน้นจัดทำโครงการต่างๆ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเดียว แต่ต้องการนำเม็ดเงินเพื่อไปลงทุนและประคับประคองเศรษฐกิจในช่วงที่เศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัว
อย่างไรก็ดี วันศุกร์ที่ 19 ก.พ.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเปิดตัวโครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐวงเงิน 35,000 ล้านบาท
สำหรับ กรณีปัญหาสายการบินนกแอร์ นายสมคิด ระบุว่า ปัญหาที่เกิดเป็นเรื่องภายในของนกแอร์ที่ต้องการยกระดับการบินของบริษัท และไม่เกี่ยวข้องกับการประเมินของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งสหภาพยุโรป (EASA) ซึ่งกระทรวงคมนาคมก็ได้รายงานการเชิญตัวผู้บริหารของนกแอร์มาทำความเข้าใจแล้ว พร้อมกำชับว่าอย่าให้เกิดเหตุการณ์บานปลายขึ้นอีก
รองนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการพาณิชยนาวีว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบต่อร่าง พ.ร.บ.พาณิชยนาวี ซึ่งหลังจากนี้กระทรวงคมนาคมจะนำไปทบทวนอีกครั้งก่อนส่งมาให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา โดยที่ประชุมมีคำแนะนำว่าในร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวควรมีการกำหนดเรื่องการพัฒนาและขยายการใช้งานท่าเรือแหลมฉบังและพัฒนาอุตสาหกรรมต่อเรือ รวมถึงพัฒนาพาณิชยนาวีให้เกิดความแข็งขันและผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ทางทะเล
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการทั้ง 6 ชุด ที่จะมาดูแลงานในด้านพาณิชย์นาวีทั้งหมดด้วย
สมคิด เผยคลังเตรียมคลอดมาตรการภาษีกระตุ้นท่องเที่ยว-เพิ่มแหล่งท่องเที่ยว-รายได้
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ กล่าวว่า นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง มีแนวคิดที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วยมาตรการลดหย่อนภาษีอยู่ระหว่างการพิจารณาคาดว่ามาตรการจะออกมาเร็วๆนี้
นอกจากนี้ ได้มอบนโยบายด้านการท่องเที่ยว โดยระบุว่า ต้องการเห็นการขับเคลื่อนการปฏิรูปการท่องเที่ยวให้เกิดความยั่งยืนใน 3 ด้านด้วยกัน ประกอบด้วย 1.การสร้างการเติบโตจากภายในด้วยการพัฒนาและสร้างแหล่งท่องเที่ยวในชุมชนให้มีความหลากหลายและมีคุณภาพมากขึ้น โดยมอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา หารือร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ไปจัดหาแหล่งท่องเที่ยวที่ต้องการให้มีการพัฒนารวมถึงเรื่องของงบประมาณที่จะต้องดำเนินการ พร้อมกันนี้จะมีการนำงบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมาใช้ในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวด้วย
2.มอบหมายให้ทางกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ไปจัดทำแผนงานการท่องเที่ยวในกลุ่มอาเซียนหรืออาเซียนคอนเนค โดยให้มีการจัดทำเป็นแพ็คเกจการท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศอาเซียนเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศอาเซียนมาเที่ยวในไทยมากยิ่งขึ้นและเป็นการขยายฐานนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศให้เข้ามาท่องเที่ยวในกลุ่มอาเซียนด้วย พร้อมทั้งให้มีการหารือกับทุกสายการบินในประเทศในการจัดเส้นทางรวมถึงการหาแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญๆในกลุ่มอาเซียนเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ซึ่งอยากจะเห็นแผนงานที่ชัดเจนภายในเดือนมิถุนายนนี้
และ 3.โครงการไทยเที่ยวไทยซึ่งทางการท่องเที่ยวประเทศไทยจะมีการจัดแพ็คเกจภายในเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการเพิ่มค่าใช้จ่ายต่อการท่องเที่ยวให้มากยิ่งขึ้น รวมถึงต้องการให้เกิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านด้วย
ด้านนางกอบกาญจน์ วัฒนรางกูร รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า การมอบนโยบายของรองนายกรัฐมนตรีในวันนี้
ถือเป็นการชี้เป้าให้เห็นถึงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวให้ครบวงจรและให้เป็นมาตรฐานและสร้างความปลอดภัยในแหล่งท่องเที่ยว
พร้อมทั้งจะมีส่วนช่วยในการพัฒนาการท่องเที่ยวในชุมชนเพื่อให้เกิดการกระจายรายได้
สำหรับ การท่องเที่ยวในกลุ่มอาเซียน เชื่อว่าทุกสายการบินจะได้ประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งปัจจุบันนักท่องเที่ยวในกลุ่มอาเซียนเข้ามาท่องเที่ยวในไทยเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวที่รองจากประเทศจีนเพียงประเทศเดียวเท่านั้น
ส่วนกรณีปัญหาที่มีนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะจากประเทศจีนเข้ามาท่องเที่ยวในรูปแบบรถบ้านเข้ามาในไทยเป็นจำนวนมาก นางกอบกาญจน์ระบุว่า ในวันศุกร์นี้จะมีการหารือกับกรมขนส่งทางบกเพื่อมีการจัดระเบียบรถบ้าน โดยนักท่องเที่ยว เหล่านี้ส่วนใหญ่จะมีฐานะดี ซึ่งก็เชื่อว่าหากมีการจัดระเบียบได้ดีจะมีส่วนช่วยในการเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวในชุมชนได้มากขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม สำหรับเป้าหมายของการท่องเที่ยวในปี 2559 ยังคงตั้งเป้ารายได้จากการท่องเที่ยว 2.3 ล้านล้านบาท
แต่ทางกระทรวงจะพยายามที่จะผลักดันให้รายได้การท่องเที่ยวเพิ่มเป็น 2.4 ล้านล้านบาท เพื่อจะมีส่วนช่วยในการพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศ พร้อมทั้งจะเน้นการท่องเที่ยวในเชิงคุณภาพโดยตั้งเป้าจะเพิ่มค่าใช้จ่ายต่อหัวในการท่องเที่ยวแต่ละครั้งจากครั้งละ 5,072 บาทเป็น 5,100 ถึง 5,200 บาท และเพิ่มจำนวนเข้าพักจากเดิมเฉลี่ยอยู่ที่ 9.5 วันให้เป็น 10-11 วัน
อินโฟเควสท์