- Details
- Category: สำนักนายกฯ
- Published: Tuesday, 16 February 2016 00:13
- Hits: 3100
'สมคิด'เผยงบประมาณรายจ่ายปี 60 เบื้องต้นอยู่ที่ 2.73 ล้านลบ. สั่งทุกหน่วยงานเร่งเบิกจ่ายงบส่วนที่สำคัญ
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมเพื่อซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2559 (ต.ค.58-ก.ย.59) และปี 2560 (ต.ค.59-ก.ย.60) ว่า ในปีนี้ ตั้งกรอบรายจ่ายงบประมาณรายจ่ายเบื้องต้นของปีงบประมาณ 2560 ที่ 2.73 ล้านล้านบาท โดยครั้งนี้เป็นการหารือรอบที่ 2 ซึ่งหน่วยงานต่างๆจะไปพิจารณางบประมาณของตัวเอง โดยส่วนไหนที่ไม่จำเป็นให้ตัดออก และต้องอธิบายได้ว่าจะนำงบประมาณไปใช้เพื่ออะไร และต้องสอดคล้องกับทิศทางยุทธศาสตร์ประเทศ
สำหรับ การทำงบประมาณนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญเรื่องเร่งการเบิกจ่ายให้ได้ตามแผน ทั้งงบลงทุน และงบรายจ่าย เพราะจะเป็นตัวสำคัญที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโต เพราะการส่งออกยังฉุดเศรษฐกิจอยู่อย่างไรก็ตามแม้จะเร่งรัดการเบิกจ่าย แต่ต้องโปร่งใส
"การทำงบแบบบูรณาการเป็นครั้งแรกยอมรับว่าเหนื่อย แต่เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับยุทธศาสตร์ชาติ โดยหน่วยงานต่างๆจะมีเวลาทั้งสิ้น 1 เดือนในการพิจารณางบของตัวเอง"นายสมคิด กล่าว
นายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กล่าวว่า งบรายจ่ายเบื้องต้นที่ตั้งไว้ 2.73 ล้านล้านบาทนั้น เพิ่มขึ้นเพียง 13,000 ล้านบาท ซึ่งอาจมองว่าเพิ่มขึ้นน้อย เนื่องจากมีการตัดงบประมาณรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป300,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในช่วงก่อนหน้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เมื่อวันที่ 9 ก.พ.59 ที่ผ่านมา ครม.เห็นชอบกรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2560 วงเงินรวม 2.733 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงบประมาณปี 2559 อยู่ 1.3 หมื่นล้านบาท เป็นงบประจำ 2.214 ล้านล้านบาท เป็นงบขาดดุล 3.9 แสนล้านบาท รายได้ 2.343 ล้านล้านบาท ขณะที่งบลงทุนคิดเป็น 20% ของงบประมาณทั้งหมด หรือเท่ากับ 5.46 แสนล้านบาท ภายใต้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ที่ 4% เงินเฟ้อทั่วไป 2% ก่อนนำกลับมาสรุป และจะเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณาเห็นชอบอีกครั้งช่วงเดือนพ.ค.59 ก่อนเสนอเข้าสู่การประชุมสภานิติบัญญัติ(สนช.)ช่วงเดือนมิ.ย.59 ต่อไป
ทั้งนี้ ทางสำนักงบประมาณให้หน่วยงานราชการส่งคำขอมาภายในวันที่ 19 ก.พ.นี้ เพื่อจัดทำงบประมาณประมาณปี 60 ตามคำขอมีกรอบงบประมาณ 3.3 ล้านล้านบาท ซึ่งต้องอยู่ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ มีแผนงาน 3 กลุ่ม เป็นด้านบุคลากรภาครัฐ แผนตามภารกิจพื้นฐาน และแผนยุทธศาสตร์ 45 แผนงาน เป็นเชิงบูรณาการ 25 แผนงาน คิดเป็นวงเงิน 7.7 แสนล้านบาท
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย
สมคิด เชื่อ THAI ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว สั่งทำเชิงรุกขยายเส้นทางเชื่อม AEC
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังรับฟังแนวทางการทำงานของ บมจ.การบินไทย (THAI) มอบนโยบายในแนวทางการทำงานหลังจากนี้ต่อไป ซึ่งการบินไทยได้มีการรายงานตัวเลขผลการดำเนินงาน ซึ่งทุกอย่างเป็นไปในทางที่ดีขึ้น สามารถหยุดยั้งการขาดทุนของการบินไทยได้ โดยมองว่าผลประกอบการของการบินไทยได้ผ่านช่วงจุดต่ำสุดไปแล้ว
ผลประกอบการการบินไทยจะดีขึ้น คาดว่าผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว แล้วจะเริ่ม Take Off..ในปีนี้เข้าใจว่าปีนี้การบินไทยจะมีกำไรจากนี้ไป 5-10 ปีหน้า"รองนายกรัฐมนตรี กล่าวหลังจากตรวจงานการบินไทยและหารือกับผู้บริหาร
ทั้งนี้ นายสมคิด ได้มอบนโยบายว่าสิ่งสำคัญนอกเหนือจากการควบคุมค่าใช้จ่าย ต้องมีการทำงานเชิงรุกในการเพิ่มประสิทธิภาพ เพื่อให้สามารถแข่งขันกับสายการบินอื่นได้ ซึ่งรัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนการบินไทย หากสิ่งใดที่เห็นว่าจำเป็นก็ให้จัดทำแผนงานมานำเสนอ
"สิ่งไหนที่จำเป็นก็สามารถดำเนินการได้แต่ต้องมีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งทางการบินไทยจะเสนอแผนยุทธศาสตร์เชิงรุก ซึ่งเป็นแผนในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า เพื่อจะนำเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.)
ทั้งนี้ มองว่าที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ (Location) ของไทยมีความได้เปรียบในภูมิภาค รวมถึงในประคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) เนื่องจากสามารถเป็นจุดศูนย์กลางในการเชื่อมต่อการเดินทางไปยังประเทศในกลุ่ม AEC ได้ทั้งหมด จึงมอบนโยบายให้ทางการบินไทยไปหารือกับกระทรวงท่องเที่ยวในการจัดหาเส้นทางเชื่อมต่อกับทุกเมืองหลักในกลุ่มอาเซียน รวมถึงต้องเชื่อมโยงเมืองใหญ่ๆ ในเอเซีย ในส่วนของยุโรปหากเห็นว่าเมืองใดที่ทำแล้วคุ้มก็สามารถทำต่อไปได้
"สิ่งสำคัญที่สุดคือการบินไทยต้องรักษามาตรฐานคุณภาพ เรื่องปลอดภัย รวมถึงต้องปรับปรุงเรื่องคุณภาพอาหารเสิร์ฟบนเครื่อง"นายสมคิด กล่าวการบินไทย
ด้านนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง คาดว่า ในปีนี้ผลประกอบการของ THAI จะพลิกเป็นกำไร และจะมีกำไรต่อเนื่องไปอีกในช่วง 5-10 ปีข้างหน้า หลังจากที่ผ่านมา 1 ปี การบินไทยไก้แก้ไขปัญหาได้ระดับหนึ่งลดค่าใช้จ่ายได้ค่อนข้างสูง และตัดเส้นทางขาดทุนเรื้อรัง ซึ่งกระทวงการคลังพร้อมให้การสนับสนุน
"จากแผนงานใหม่ ได้ยินว่า แก้ไขการดำเนินงานได้จบแล้ว เขาจะ Take off "นายอภิศักดิ์ กล่าว
อย่างไรก็ดี นายอภิศักดิ์ เปิดเผยว่า ได้เน้นย้ำให้การบินไทยมีเส้นทางครอบคลุมอาเซียน เพราะไทยเป็นจุดศูนย์กลางของอาเซียนซึ่งได้เปิด AEC พร้อมเน้นย้ำเรื่องประสิทธิภาพการให้บริการเมื่อเทียบกับสายการบินต่างชาติ
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ THAI กล่าวว่า บริษัทเตรียมพร้อมแนวทางทำงานเชิงรุกด้วยการขยายเส้นทางและเพิ่มรายได้ โดยจะขยายเส้นทางการบินในAEC เพิ่มขึ้นในช่วงระยะเวลา 5-10 ปี ซึ่งการบินไทยจะทบทวนแผนซื้อเครื่องบินเดิมเพื่อให้สอดคล้องกับแผนงานเชิงรุกที่จะขยายเส้นทางใหม่ด้วย
นอกจากนี้ การบินไทยจะมุ่งเน้นปรับปรุงการตลาดด้วยการขยายลูกค้าทุกกลุ่ม(segment)ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และจะเพิ่มพันธมิตรมากขึ้น รวมทั้งได้ปรับปรุงระบบบริหารราคาตั๋วโดยสารและระบบเครือข่าย(network) คาดว่าจะแล้วเสร็จในกลางปีนี้
นายจรัมพร กล่าวอีกว่า การบินไทยจะพิจารณาเส้นทางบินที่เคยยกเลิกไปก่อนหน้านี้ โดยจะร่วมหารือกับกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาเพื่อขยายเส้นทางเพื่อนำนักท่องเที่ยวเข้ามาภายในอาเซียนเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ นายสมคิด กล่าวว่า หากการบินไทยจำเป็นจะต้องมีการลงทุนก็ต้องทำในการขยายฝูงบิน เพราะไทยได้เปรียบเรื่องโลเคชั่นในการขยายเส้นทางในอาเซียน
ด้านนายคณิศ แสงสุพรรณ กรรมการ THAI กล่าวว่า การจัดทำแผนงาน 10 ปีของ THAI จะเน้นขยายเส้นทางในอาเซียนที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง โดยได้มอบหมายให้สายการบินไทยสมายล์ ในเครือ THAI เปิดจุดบินใหม่ในเมืองรองต่าง ๆ ของเอเชีย เช่น ในจีน หรือบินในจุดที่การบินไทยทำการบินแล้วขาดทุนเช่น เส้นทางเชียงใหม่ หากในอนาคตจุดบินของสายการบินไทยสมายล์มีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นมากก็จะให้สายการบินไทยเข้าทำการบินแทน
สำหรับ การเก็บค่าธรรมเนียมน้ำมัน(Fuel Surcharg) นายธีรพล โชติชนาภิบาล รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการพาณิชย์ THAI กล่าวว่า.ปัจจุบันการบินไทยยังไม่ได้ยกเลิกการเก็บค่าธรรมเนียมน้ำมัน แต่จะเปลี่ยนมาเก็บ 0 บาทในเร็ววันนี้ ซึ่งสาเหตุที่ไม่ได้มีการยกเลิก เพราะยังไม่รู้ว่าราคาน้ำมันในอนาคตจะกลับมาปรับตัวสูงขึ้นหรือไม่ อย่างไร โดยก่อนหน้านี้สายการบินแจเนแอร์ไลน์ สายการบินเอเอ็นเอ ได้ยกเลิกการเก็บ Fuel Surcharg ไปแล้ว
ส่วนประเด็นปัญหา บมจ.สายการบินนกแอร์(NOK) ซึ่ง THAI เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่นั้น นายสมคิด กล่าวว่า เป็นปัญหาภายในของสายการบินนกแอร์ และได้กำชับให้กระทรวงคมนาคมแก้ไขปัญหานี้ นอกจากนี้เชื่อว่าปัญหาดังกล่าวจะไม่กระทบความเชื่อมั่นของสายการบินนกแอร์
อนึ่ง ในวันที่ 29 ก.พ.นี้ THAI จะแถลงผลประกอบการปี 58
อินโฟเควสท์