- Details
- Category: สำนักนายกฯ
- Published: Sunday, 14 February 2016 16:54
- Hits: 2664
เศรษฐกิจเพื่อนบ้านโตแน่ ธุรกิจเอกชนแนะเอสเอ็มอีกล้ารุกสู่ตลาดเออีซี
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยในงานสัมมนา 10 เขตเศรษฐกิจพิเศษ โอกาสทองสู่เออีซี เรื่อง'ยุทธศาสตร์ประเทศไทย 2016 โอกาสทองสู่เออีซี'ว่า รัฐบาลอยู่ระหว่างการพิจารณาโครงการที่ช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจของท้องถิ่นให้เติบโตและมีฐานรากที่แข็งแกร่ง ขณะที่การทำเขตเศรษฐกิจพิเศษ ถือเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลที่ช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ มี 2 ลักษณะ คือ เขตเศรษฐกิจพิเศษบริเวณชายแดน 10 พื้นที่ เน้นอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้น และเขตเศรษฐกิจพิเศษในรูปแบบคลัสเตอร์ แบ่งเป็นแบบซุปเปอร์คลัสเตอร์ และกลุ่มคลัสเตอร์อื่นๆ โดยจะรวมถึงการสร้างศูนย์นวัตกรรมอาหารแห่งอนาคต
นางจันทรา บูรณฤกษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทสหพัฒน์อินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด กล่าวว่า สหพัฒน์ได้บุกตลาดประเทศเพื่อนบ้านมานานแล้วตั้งแต่ปี 2517 ทั้งกระจายสินค้าและสร้างโรงงานผลิต ขณะเดียวกันมีธุรกิจโลจิสติกส์จึงขอให้บริษัทขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) มาขอคำปรึกษาได้ อีกทั้งที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ได้ตั้งโรงงานของสหพัฒน์และช่วยธุรกิจเอสเอ็มอีมาสร้างโรงงานเพื่อกระจายสินค้าไปพม่าด้วย นอกจากนั้น ได้เปิดพื้นที่ให้เอสเอ็มอีนำสินค้ามาขายโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายด้วย
นายวิเชษฐ์ ตันติวานิช ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เขตเศรษฐกิจพิเศษมีความสำคัญกับการเป็นประตูไปสู่อาเซียน ซึ่งไทยเบฟฯ ลงทุนมานานหลายปี โดยมองว่าตลาดนี้มีประชากรและนักท่องเที่ยวรวมกันแล้วมากถึง 700-800 ล้านคน และมองการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศเพื่อนบ้านในช่วง 5 ปีจากนี้ จะขยายตัวเพิ่มอีก 50-100% จึงถือเป็นโอกาสทองของภาคเอกชนต้องการเข้าไปทำธุรกิจ
นายนิยม ไวยรัชพาณิชย์ รองประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยกล่าวว่า ขณะนี้การถือครองเงินสดตามแนวชายแดนเริ่มขยายตัว จึงต้องการให้ ธปท.เจรจากับประเทศเพื่อนบ้านอำนวยความสะดวกในการโอนย้ายเงินจากการค้าขายให้สะดวกมากขึ้น รวมทั้งให้รัฐบาลพิจารณาการออกใบอนุญาตข้ามแดนให้สอดคล้องอาเซียนอนุญาตเดินทางหลายวัน ไม่ใช่เดินทางไปเช้าเย็นกลับ.
ที่มา : www.thairath.co.th