WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

1ECONMASS

สมคิด ลั่นปี 59 ทุกเครื่องยนต์ศก.ต้องเดินหน้าเต็มที่ ทั้งส่งออก-ท่องเที่ยว-ลงทุนภาครัฐ

     นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ "แนวโน้มเศรษฐกิจปี 2559" ในงานสัมมนาใหญ่ "เศรษฐกิจไทยปี 59 มองไปข้างหน้า โอกาสและความท้าทาย"ว่า ในปีที่ผ่านมาโมเมนตั้มการเติบโตของเศรษฐกิจไทยอยู่ในระดับที่น่าพอใจ เพราะสามารถหยุดยั้งการทรุดตัวของเศรษฐกิจได้ และ เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยในปี 58 จะขยายตัวได้ 2.9-3% และสำหรับภารกิจในปีนี้ รัฐบาลจะเดินหน้าขับเคลื่อนเครื่องยนต์เศรษฐกิจทุกตัว ทั้งด้านการส่งออก การท่องเที่ยว และการลงทุนภาครัฐ การสร้างความเข้มแข็งของภาคการเกษตร พัฒนา SMEs รวมถึงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน

       "ภารกิจในปีนี้คณะทำงานเศรษฐกิจจะดูแลโมเมนตัมเติบโตในช่วงที่พอเหมาะพอควร...เครื่องยนต์ทุกเครื่องเดินหน้าวิ่งเต็มที่ไม่มีไขลาน"นายสมคิด กล่าว

      ทั้งนี้ เครื่องยนต์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ประกอบด้วยด้านการส่งออก ซึ่งตั้งเป้าให้กระทรวงพาณิชย์ต้องผลักดันให้การส่งออกทั้งปีโตได้ 5% ซึ่งจะมีการประเมินการทำงานของข้าราชการด้วย และช่วงกลางปีจะมีการประชุมกับฑูตพาณิชย์เพื่อให้เข้าใจแนวทางในการขับเคลื่อนการส่งออกของรัฐบาลด้วย

       ด้านการท่องเที่ยว ปีที่ผ่านมาถือเป็นเครื่องยนต์ที่สำคัญในการด้านเศรษฐกิจ ซึ่งในปีนี้จะเน้นส่งเสริมสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ พร้อมทั้งสั่งการให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจัดเตรียมงบประมาณพิเศษเพื่อลงทุนด้านการท่องเที่ยว

      อีกทั้ง จะเร่งรัดการใช้จ่ายภาครัฐ โดยจะเร่งรัดให้มีการเบิกจ่ายโดยเร็วที่สุด และอยากให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนช่วยในการลงทุน หากภาคเอกชนใดมีความพร้อมก็ควรเริ่มลงทุนตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ได้เลย

       อย่างไรก็ตาม แม้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) จะประเมินภาพรวมเศรษฐกิไม่ดีขึ้นเท่าที่ควร รวมถึงยังมีความผันผวนในเศรษฐกิจของจีน และความกังวลในการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ แต่รองนายกรัฐมนตรี กลับมองว่าเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างการเติบโตจากภายในประเทศ ซึ่งยืนยันว่า รัฐบาลจะไม่ใช่วิธีการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเพราะไม่อยากให้เป็นภาระต่อรัฐบาลหน้า แต่หากจะมีการอัดฉีดเม็ดเงินจะลงไปในการพัฒนาที่สอดรับการแนวทางการปฏิรูป และสร้างความเข้มแข็งในระยะยาว

     นอกจากนี้ นายสมคิด ยอมรับว่า ช่วงปีใหม่ยังรู้สึกทุกข์ใจในภาคการเกษตรที่ได้รับผลกระทบจากราคาพืชผลเกษตรตกต่ำ ซึ่งตนเองมีมาตรการที่ส่งเสริมให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเพาะปลูก โดยเฉพาะชาวนา ซึ่งในวันศุกร์นี้จะมีการหารือร่วมกับธกส.และธนาคารออมสินใช้วิธีการขับเคลื่อนในแนวนอน ทำงานร่วมกับสหกรณ์การเกษตรทั่วประเทศ กองทุนหมู่บ้าน และร่วมกับภาคเอกชนเข้ามีส่วนช่วยในการสร้างแปลงสาธิตวิธีการทำการเพาะปลูกที่หลากหลาย

      พร้อมกันนี้ จะเน้นการเพิ่มมูลค่าของสินค้าไปเพิ่มมูลค่าสินค้าที่มีอยู่ โดยจะหาแนวทางให้เกิดการแปรรูปสินค้าในท้องถิ่น เพราะที่ผ่านมาเมื่อมีการลงทุน ส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนขนาดใหญ่ แต่การลงทุนในท้องถิ่น โดยให้โจทย์ออมสินไปแล้ว รวมทั้งเชื่อว่าหลังจากนี้ทั้งธกส.และออมสินจะเป็นตัวช่วยในการขับเคลื่อนได้มาก นอกจากนี้ยังมีแนวคืดในการสร้างเอสเอ็มอีเกษตรกรในรูปแบบเกษตรอุตสากรรมด้วย ซึ่งอยากเห็นการตั้งโรงงานขนาดเล็กที่เน้นการเกษตร และจะให้บีโอไอให้การส่งเสริมสิทธิพิเศษด้วย

     "ผมให้โจทย์กับออมสินไปแล้ว และออมสินจะช่วยผมได้มาก และถือเป็นหน้าที่โดยตรงของธกส. ถ้าทำไม่ได้ยุบทิ้งไปเลย ส่วนกรุงไทยก็ต้องเข้ามาช่วยไม่เช่นนั้นจะเข้าไปรื้อเลยเราเป็นหุ้นใหญ่แท้ๆ กรรมการบอกยินดีช่วยเต็มที่ภาคเอกชนจะสามารถเข้ามาช่วยได้สภาเกษตรกรเข้ามาช่วยได้"นายสมคิด กล่าว

    นอกจากนี้ ที่ต้องเร่งดำเนินการ คือ อยากให้มีการลงทุนโดยกองทุนหมู่บ้าน หรือ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานในชนบท เช่นการสร้างฝาย ยุ้งฉาง โรงงานแปรรูปขนาดเล็ก และตอนนี้ได้ให้โจทย์ไปกับกองทุนหมู่บ้านให้ไปคิดค้นโครงการ และให้ผู้นำเริ่มส่งการบ้านมา

     ทางด้านไอที ได้มีการพูดคุยกับรมว.ไอซีที โดยระบุว่า ในช่วงเวลาที่เหลือปีครึ่ง จะเร่งสร้างอินเตอร์เนตบรอดแบรนด์ 10,000 จุดทั่วประเทศโดยจะนำเงินจากการประมูล 4G มาใช้ในเรื่องนี้ ซึ่งหากทำได้จะเป็นการเชื่อมโยงไปสู่ระบบ E-commerce  โดยเฉพาะหากสร้างตลาดในชุมชนได้ก็จะมีช่องทางในการค้าขายเพิ่ม

      นอกจากนี้ นายสมคิด เปิดเผยว่า ได้พูดคุยกับกระทรวงการคลังในช่วงที่ผ่านมา หากมีบริษัทขนาดใหญ่เข้ามาช่วยเหลือสนับสนุนให้เกิดผู้ประกอบการรายใหม่เกิดขึ้น รัฐบาลพร้อมให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี และทางธนาคารออมสินได้เข้ามามีส่วนช่วยในการสร้างผู้ประกอบการรายใหม่ด้วย

      อย่างไรก็ตาม สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐมีการตั้งกองทุนร่วมลงทุน แต่การดำเนินการยังช้ามาก ดังนั้นกระทรวงการคลังจะต้องเร่งเดินเครื่องเพื่อให้มั่นใจ และได้มีการพูดคุยกับผู้ว่าธปท.อยากให้ช่วยตรงนี้ในการสร้างกระดูกสันหลังใหม่ของประเทศ ซึ่งหากมีแบงก์พาณิชย์อื่นมาร่วมด้วย ก็ได้ฝากให้ธปท.จะต้องเกื้อหนุนเพื่อสร้างผู้ประกอบการรายใหม่ในอนาคตต่อไป

      ส่วนการเดินหน้าการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน นายสมคิด มั่นใจว่าปีนี้จะเดินหน้าอย่างเต็มที่ โดยในส่วนรถไฟไทยจีนนั้นที่มีการร่วมลงทุน โดยได้ชี้อแจงว่า ที่บางคนมองว่าล้าช้านั่น เพราะต้องการเจรจาใหเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ ส่วนโครงการร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ หรือ PPP ยืนยันว่า ทุกโครงการจะเป็นไปตามที่วางแผนอย่างแน่นอน จะเริ่มขับเคลื่อนแน่นอนในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้

      นอกจากนี้ สิ่งที่จะต้องทำ คือ เรื่องภาษีมรดกจะเกิดแน่นอน แต่ว่าต้องไม่ใช่รังแกคน การปรับโครงสร้างภาษีเกิดแน่นอน แต่การปรับโครงสร้างภาษีต้องดูแลคนที่มีรายได้น้อย รวมถึงบ้านเพื่อคนมีรายได้น้อยจะเกิดขึ้นในปีนี้เช่นเดียวกัน

     นายสมคิด ยังกล่าวอีกว่า ไม่เป็นห่วงเรื่องหนี้สาธารณะ เพราะรัฐบาลจะขับเคลื่อนผ่านนโยบายการคลังโดยต้องเดินหน้าภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เพื่อเก็บรายได้จากทรัพย์สินมาพัฒนาประเทศ การปรับโครงสร้างภาษีเพื่อให้จัดเก็บภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ การผลักดัน Holding Company ในการถือหุ้นรัฐวิสหากิจให้เกิดขึ้น และมั่นใจว่าจะเข้าสู่สามารถจัดทำงบสมดุลได้ภายใน 7 ปี โดยหนี้สาธารณะไม่เกิน 49%

     "ปีใหม่แล้ว ผมคิดว่าไม่น่ากลัวเกินไป ภาคประชาชน ภาคเอกชนถือเป็นกำลังสำคัญที่จะช่วยรัฐบาลทำให้ดีที่สุด เหนื่อยใจไม่ว่าขออย่างเดียวให้เมืองไทยผ่านไปให้ได้"นายสมคิด กล่าว

อินโฟเควสท์

สมคิด' เดินหน้าทุกเครื่องยนต์ขับเคลื่อนศก. ลุยเก็บภาษีที่ดิน

      'สมคิด'เผย ไทยมีปัญหาจากราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ เร่ง เดินหน้าขับเคลื่อน ศก.ปี 59 มุ่งฟื้น ศก.ระดับฐานราก ระบุ ไม่ห่วงปัญหาศก.ชะลอตัว ชี้ ห่วงคนในประเทศขัดแย้ง ขอทุกฝ่ายร่วมกันแก้ปัญหา...

    เมื่อวันที่ 6 ม.ค.59 นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ "แนวโน้มเศรษฐกิจปี 59" ในการสัมมนาใหญ่ประจำปีของสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ว่า กังวลเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มดีขึ้นจนต้องขยับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยตามที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ประเมินไว้จะรับมือกับเงินทุนไหลเข้าสหรัฐฯได้หรือไม่ และกระทบกับประเทศอื่นที่มีปัญหาเงินทุนไหลอย่างไรบ้าง ท่ามกลางเศรษฐกิจจีนมีปัญหาชะลอตัว ยุโรปยังไม่ดีขึ้น ประเทศเกิดใหม่ยังอ่อนแอ ไอเอ็มเอฟจึงคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวร้อยละ 3.6 ในปี 2559

     สำหรับ เศรษฐกิจไทย ยังมีปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำจากปัญหาราคาน้ำมันปรับลดลง รัฐบาลจึงต้องมุ่งให้การช่วยเหลือเกษตรกร แม้หลายคนมองว่าเศรษฐกิจปีนี้อาจไม่สดใส แต่รัฐบาลมองว่าเป็นความท้าทาย เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดการณ์จีดีพีขยายตัวร้อยละ 3.5 ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) คาดการณ์ว่าจีดีพีขยายตัวร้อยละ 3-4 ส่วนไอเอ็มเอฟมองว่าขยายตัวร้อยละ 2.5

      "รัฐบาลจึงต้องผลักดันเครื่องยนต์ทุกตัวให้ทำงานเพื่อหวังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เนื่องจากการส่งออกยังมีสัดส่วนร้อยละ 70 ของเศรษฐกิจประเทศ กระตุ้นการบริโภคของประชาชน การลงทุนภาครัฐจะต้องเร่งเดินหน้าทุกส่วนเพื่อเป็นตัวนำในการลงทุนของเอกชน และเดินหน้าออกมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างเต็มสูบ"

     ทั้งนี้ รัฐบาลได้ประกาศแผนดำเนินงานปี 2559 ได้แก่ การช่วยเหลือเกษตรกร การส่งเสริมผู้ประกอบการใหม่ การส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชนด้านต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการลงทุนเพิ่มขึ้น การเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน รถไฟฟ้าเส้นทางต่าง ๆ โดยปีนี้จะผลักดันการสร้างรถไฟฟ้าไทย-จีนให้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน และการขับเคลื่อนผ่านนโยบายการคลัง โดยต้องเดินหน้าภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เพื่อเก็บรายได้จากทรัพย์สินมาพัฒนาประเทศ การปรับโครงสร้างภาษีเพื่อให้จัดเก็บภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ

     อย่างไรก็ตาม ไม่เป็นห่วงปัญหาเศรษฐกิจที่ชะลอตัวขณะนี้ แต่เป็นห่วงคนในประเทศที่ยังมีความขัดแย้ง จึงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเข้ามาร่วมกันแก้ปัญหา จากนั้นจึงส่งต่อให้รัฐบาลชุดต่อไปในช่วงหนึ่งปีครึ่งข้างหน้า จึงมอบหมายให้สำนักงบประมาณเตรียมจัดสรรงบที่มีอยู่จำนวนหนึ่งนำออกมาพัฒนา ส่วนที่จำเป็น เพราะรัฐบาลคงไม่เน้นการช่วยเหลือผ่านการให้เงินชดเชยสินค้าเกษตรด้านต่างๆ เพราะเป็นการช่วยเหลือระยะสั้น จะสร้างภาระงบประมาณเพิ่มภายหลัง จึงต้องการสร้างความยั่งยืนให้เกษตรกรระยะยาว.

'สมคิด' ชี้ปี 59 เติบโตควบปฏิรูป ตัวเอกโครงสร้างพื้นฐานจัดงบกลางเป็นกองหนุน

    'สมคิด'ประกาศ ปี 59 เดินหน้าดูแลการเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับที่เหมาะสม พร้อมขับเคลื่อนปฏิรูปเศรษฐกิจ ทุ่มสร้างโครงสร้างพื้นฐานของท้องถิ่น ทั้งจัดหาแหล่งน้ำ แปรรูปสินค้าเกษตร สั่งสำนักงบประมาณ เตรียมงบกลางใส่กระเป๋า หวังเพิ่มแรงส่งเศรษฐกิจต่อเนื่องถึงไตรมาส 4 ปีนี้

    พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวานนี้ (5 ม.ค.) ซึ่งเป็นครั้งแรกของปี รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายต่างๆ ได้รายงานความก้าวหน้าและงานที่จะดำเนินการในปี 2559 ให้รับทราบ โดยในส่วนของเศรษฐกิจนั้น นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้รายงานว่า ในปี 2559 จะเน้นใน 2 เรื่องคือการดูแลการเติบโตทางเศรษฐกิจให้อยู่ในระดับที่ควรจะเป็น และเหมาะสมกับสภาพการณ์ตามปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ และการเดินหน้าขับเคลื่อนปฏิรูปเศรษฐกิจ ซึ่งทีมเศรษฐกิจได้หว่านเมล็ดพันธุ์ลงไปแล้วในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา ทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การให้สิทธิประโยชน์เพื่อให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมลงทุน การเปิดให้ภาคเอกชนและรัฐร่วมลงทุนอย่างเร่งด่วน หรือพีพีพีฟาสต์แทร็ก เพื่อให้เกิดการร่วมลงทุนรวดเร็วมากขึ้น รวมทั้งมาตรการกระตุ้นภาคการใช้จ่ายทั้งภาคครัวเรือนและการใช้จ่ายในโครงการที่สำคัญของรัฐบาล

        ตามตัวเลขที่รองนายกฯสมคิด ได้รายงาน ในปี 2559 นี้ เศรษฐกิจโลกอาจจะไม่แจ่มแจ๋วเหมือนกับที่หลายฝ่ายเคยคาดการณ์ไว้ แต่ก็ยังเชื่อมั่นว่าด้วยแนวทางเศรษฐกิจที่วางพื้นฐานเอาไว้จะทำให้เราผ่านเรื่องนี้ไปได้ เพราะไทยไม่ได้เน้นเรื่องการส่งออกเพียงอย่างเดียว ปัญหาเศรษฐกิจในปัจจุบันเป็นปัญหาของโลก ที่ทุกประเทศเจอภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว รัฐบาลจึงได้วางแนวทางว่าจะเติบโตจากภายในและจะรักษาแนวทางนี้ไว้ให้ได้

      สำหรับ แนวทางการทำให้เศรษฐกิจเติบโตจากเศรษฐกิจภายใน ได้เตรียมการที่จะจัดสรรงบประมาณลงไปในโครงการทั้งหลายที่สอดคล้องกับการปฏิรูปเศรษฐกิจ เพื่อให้เงินที่ลงไปจะได้ไม่เสียของ โดยนายสมคิดได้หารือกับทุกภาคส่วนแล้วจะใช้แนวทางประชารัฐซึ่งเป็นความร่วมมือของภาคเอกชน ภาครัฐ และภาคประชาชนมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใน โดยจะให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นในระดับท้องถิ่น ซึ่งที่ผ่านมาอาจได้ยินเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานของภาคอุตสาหกรรม แต่ในปี 2559 จะเน้นโครงสร้างพื้นฐานของท้องถิ่นเป็นสำคัญ เช่น เรื่องแหล่งน้ำ การแปรรูปสินค้าเกษตร และการจัดหาเครื่องจักรกลทางการเกษตร และให้เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวที่จะต้องผูกพันระดับพื้นที่ตั้งแต่ระดับองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.), องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และระดับกลุ่มจังหวัด เพื่อให้สามารถขายสินค้าเกษตรแปรรูปและสินค้านวัตกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ด้วย

        ขณะเดียวกัน นายสมคิดยังกล่าวถึงเรื่องอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์ด้วยว่า ในปี 2559 จะต้องไม่ทำแบบกะปริบกะปรอย จะต้องเดินหน้าอย่างเต็มที่เพื่อที่จะทำให้ระบบไอทีมีความเร็วและกระจายไปครบทั่วทุกพื้นที่ นายสมคิดยังได้แจ้งเตือนสำนักงบประมาณให้เตรียมการสำรองงบประมาณกลางปีเพื่อเตรียมไว้ใช้รักษาแรงเหวี่ยงหรือโมเมนตัมของการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มดีขึ้นเรื่อยๆให้ได้ถึงไตรมาสที่ 3 และไตรมาสที่ 4 ของปี 2559

     ปีนี้เศรษฐกิจโลกไม่ดี บางคนอาจจะมีความรู้สึกว่าต้นปี 2559 อาจจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไม่ดีนัก จึงต้องรักษาโมเมนตัมไว้ให้ได้ ซึ่งส่วนนี้เป็นส่วนสำคัญที่จะต้องจัดเตรียมสำรองงบกลางเอาไว้เพื่อใช้ขับเคลื่อนโครงการให้สอดรับกับสถานการณ์ โดยในไตรมาสที่ 3 และ 4 จะมีโครงการโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งอย่างเต็มที่

     นอกจากนี้ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงสถานการณ์ท่องเที่ยวว่า ในปีนี้เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2558 ที่ผ่านมาจะพบว่าการท่องเที่ยวของไทยจะเป็นตัวหลักสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ได้รายงานให้ที่ประชุม ครม.ทราบว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยในปี 2558 จำนวน 29.88 ล้านคน ซึ่งในปีนี้นอกจากการรักษาระดับจำนวนคนที่มาท่องเที่ยวไทยแล้วจะต้องพัฒนาให้นักท่องเที่ยวมีคุณภาพสูงขึ้น มีจำนวนเงินที่ใช้ภายในประเทศไทยต่อหัวสูงขึ้น ยังจะขับเคลื่อนสินค้าโอทอปให้มีนวัตกรรมที่แปลกใหม่ เพื่อให้นักท่องเที่ยวมาแล้วซื้อของติดมือกลับไปด้วย โดยสถิติในปี 2558 เมืองที่คนนิยมไปท่องเที่ยวของไทยคือกรุงเทพฯ แพ้ลอนดอนไปประมาณ 400,000-500,000 คน เป็นอันดับที่ 2 ของโลก โดยมีเงินสะพัดเฉพาะในกรุงเทพฯจำนวน 12,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ถ้าทั่วประเทศจะเป็นเงินจำนวน 2.2 ล้านล้านบาท ปีนี้จะต้องรักษามาตรฐานนี้ไว้ให้ได้ และจะทำให้ตัวเลขดีขึ้นไปอีก

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้รายงานสถานการณ์ทางเศรษฐกิจให้ ครม.รับทราบด้วยว่า ในปี 2559 ภาคเอกชนมีความกังวลด้านการขาดแคลนวัสดุก่อสร้างและแรงงานในประเทศ เนื่องจากภาครัฐเดินหน้าโครงการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานประเทศขนาดใหญ่ โดยภาคเอกชนต้องการให้ภาครัฐประสานการทำงานกับภาคเอกชนมากกว่าเดิม.

   ที่มา : www.thairath.co.th

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!