- Details
- Category: สำนักนายกฯ
- Published: Thursday, 24 December 2015 22:10
- Hits: 6202
ล้างใบสั่ง! ปรับ 100 บาท-ราคาเดียว บช.น.ให้จ่ายถึง 15 มค. ลดภาษีกระตุ้นช็อป ในช่วง 7 วันส่งท้ายปี
'สมคิด จาตุศรีพิทักษ์'แจงมาตรการภาษีกระตุ้นบริโภคปีใหม่ เป็นของขวัญจากรัฐบาล สรรพากรเตรียมออกประกาศบังคับใช้แล้ว ได้ลด 2 มาตรการรวม 3 หมื่นบาท แบ่งเป็นท่องเที่ยวระหว่าง 15-31 ธ.ค.หมื่นห้า และซื้อของ 25-31 ธ.ค.อีกหมื่นห้า ผบ.ทบ.ย้ำ ปีใหม่เมาขับยึดรถ มารับคืนได้หลังเทศกาล ชี้ทุกคนควรมีความสุข จะดื่มสุราก็ควรอยู่บ้าน-ไม่ใช้รถ เพราะจะทำให้คนอื่นเดือดร้อน
วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9157 ข่าวสดรายวัน
เปิดแล้ว - จนท.เร่งตรวจสอบความพร้อมอาคารผู้โดยสาร อาคาร 2 สนามบินดอนเมือง สำหรับผู้โดยสารภายในประเทศ ที่เปิดให้บริการแล้ววันที่ 24 ธ.ค.นี้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสารช่วงปีใหม่
เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงมาตรการภาษีเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี 2558 ที่ ครม.มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. ว่า มาตรการนี้เป็นไปตามนโยบายของพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ต้องการให้ของขวัญปีใหม่กับประชาชน ซึ่งการออกมาตรการนี้มาช่วยจูงใจให้ประชาชนจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นในช่วง 4-5 วันของเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ โดยกรมสรรพากรจะออกประกาศให้มีผลบังคับใช้ตามมติ ครม.ดังกล่าว
สำหรับ มาตรการดังกล่าวได้แก่ การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการในระหว่างวันที่ 25 -31 ธ.ค.2558 จากผู้ประกอบกิจการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท โดยให้ผู้มีเงินได้ต้องมีหลักฐานการซื้อสินค้าหรือรับบริการเป็นใบกำกับภาษี เต็มรูปแบบตาม ม.86/4 แห่งประมวลภาษีรัษฎากร แต่ไม่รวมถึงการซื้อสุรา เบียร์ ไวน์ ยาสูบ น้ำมันและ ก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ เรือ
ทั้งนี้ เมื่อรวมกับมาตรการตามกฎกระทรวงมีผลใช้บังคับก่อนหน้านี้ตั้งแต่วันที่ 16-31 ธ.ค.58 กรณีเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าบริการให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว หรือที่ได้จ่ายเป็นค่าโรงแรมภายในประเทศตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท ทำให้กระทรวงการคลังมีมาตรการภาษีเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี"58 รวม 2 มาตรการ 30,000 บาท โดยนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลังจะแถลงเปิดกล่องของขวัญอย่างเป็นทางการที่กรมสรรพากร ในวันที่ 25 ธ.ค.นี้
ที่กรมการขนส่งทหารบก พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. ในฐานะผบ.กองกำลังรักษาความสงบ (กกล.รส.) ให้สัมภาษณ์การดูแลรักษาความปลอดภัยต่อพี่น้องประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ว่า ทางกองกำลังได้เน้นย้ำให้กำลังพลทุกนายดูแลพี่น้องประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ เรื่องการขับขี่ยานพาหนะ โดยเฉพาะถนนรองทุกสายในหมู่บ้าน ตนได้เน้นย้ำไปถึงกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ว่าตั้งแต่บัดนี้ต้องมีการกวดขันโดยเฉพาะจักรยานยนต์ หากพบว่าผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์เพียงแค่มีกลิ่นสุราก็ให้ยึดรถไว้ได้เลยเพื่อประโยชน์กับ ตัวท่านเอง แล้วหลังปีใหม่ค่อยมารับคืน เพื่อ จะได้ให้ตัวเองกลับมาฉลองปีใหม่ได้อีกครั้งในปีต่อๆ ไป
พล.อ.ธีรชัย กล่าวต่อว่า ส่วนถนนหลักทางเจ้าหน้าที่จะใช้อำนาจคสช. ให้พลขับรถสาธารณะทั้งหมดจะต้องเข้ามาตรวจสอบ และจะต้องไม่ดื่มสุราอย่างเด็ดขาดถ้าตรวจพบทางเจ้าหน้าที่จะยึดใบอนุญาตขับขี่และเจ้าของรถจะต้องมีความผิดด้วยถือว่าเป็นของขวัญให้กับพี่น้องประชาชน ไม่ใช่ว่าเราไปดื่มสุรามาขับรถแล้วทำให้คนอื่นเดือดร้อน ในปีใหม่ทุกคนควรมีความสุขกัน จะดื่มสุรา หรือรื่นเริงก็ควรอยู่แต่ในบ้าน ไม่ต้องออกไปไหน และอย่าใช้ยานพาหนะ จะทำให้คนอื่นเดือดร้อน
พล.อ.ธีรชัย กล่าวด้วยว่า การดูแลทั้งต่างจังหวัดและกรุงเทพฯ มีการดูแลรักษาความปลอดภัยเหมือนกัน นายกฯให้กวดขันในเรื่องนี้ โดยเฉพาะแหล่งที่มีประชาชนจำนวนมากแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ทั้งต่างจังหวัดและในกรุงเทพฯ และขอให้เห็นใจเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง อาสาสมัครด้วย เพราะเราจะไม่หยุดพัก เพื่อดูแลประชาชนให้มีความสุข และรื่นเริงอย่างเต็มที่
ด้านนายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2559 พร้อมเปิดเวทีเสวนาความปลอดภัยทางถนน ในหัวข้อ "Drive Safe Be Safe อุบัติเหตุลดได้ แค่ไม่ขับเร็ว" เพื่อส่งเสริมความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่ ว่า ได้ตั้งเป้าลดจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถโดยสารให้น้อยที่สุด ภายใต้การดำเนินการรณรงค์ด้านความปลอดภัยทางถนนอย่างจริงจังทั่วประเทศ
นายสนิท กล่าวต่อว่า โดยเฉพาะการคุมเข้มตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์พนักงานขับรถทุกคน ต้องเป็นศูนย์ 100% ในช่วงก่อนเทศกาลได้ดำเนินการตรวจสอบความปลอดภัยของตัวรถ อุปกรณ์ส่วนควบ และพนักงานขับรถ หากพบข้อบกพร่องของตัวรถที่อาจส่งผล กระทบต่อความปลอดภัย จะจัดหารถคันใหม่ทดแทนคันเดิมทันที ส่วนพนักงานขับรถและผู้ประจำรถทุกคน หากตรวจสอบพบให้เปลี่ยนพนักงานขับรถทันที และกรณีตรวจพบขณะปฏิบัติหน้าที่มีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 2,000-10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วน ผู้ประกอบการขนส่งมีโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาทด้วย
นายสนิท กล่าวอีกว่า ขนส่งทางบกยังได้จัดกิจกรรม "ตรวจรถก่อนใช้ เดินทางปลอดภัย" ตั้งแต่ 1-28 ธ.ค. ได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชนกว่า 2,000 แห่งทั่วประเทศ ให้บริการตรวจเช็กสภาพความพร้อมของรถเบื้องต้นก่อนการเดินทาง 20 รายการ โดยไม่คิดค่าแรง และสำหรับในช่วง 7 วันของการเดินทาง ระหว่าง 29 ธ.ค.58-4 ม.ค.59 กองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.) ได้สนับสนุนงบประมาณให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาจัดนักศึกษาจากวิทยาลัยเทคนิคและวิทยาลัยการอาชีพ ตั้งจุดบริการอำนวยความสะดวกเพื่อความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชน บนถนนสายหลัก 189 จุดทั่วประเทศ
กวาดล้าง - พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น.แถลงผลระดมกวาดล้างอาชญากรรม อาวุธปืน กระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน ของ บก.น.1-9 และ บก.สปพ. ในพื้นที่ กทม.เพื่อเป็นการป้องกันเหตุอาชญากรรม เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. |
ที่กองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร) พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา ที่ปรึกษาสบ10 เป็นประธานประชุมเตรียมความพร้อมการอำนวยความสะดวกด้านการจราจรและรักษาความปลอดภัยการจัดกิจกรรมในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ 2559
พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. กล่าวว่า พล.ต.อ.เดชณรงค์ มีความเป็นห่วงในเรื่องของปัญหาการจราจรในกรุงเทพฯเป็นอย่างมาก โดยเน้นกำชับให้ระดับผู้กำกับการทุกสถานีตำรวจในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจ นครบาล (บช.น) ลงมาดูแลการจราจรและการรักษาความปลอดภัยในช่วงเทศกาลปีใหม่ด้วยตนเอง เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาให้ถูกจุด แต่หากไม่ปฏิบัติจะมีมาตรการให้ใบเหลืองและให้ผู้กำกับของสน.นั้นๆ มายืนอำนวยงานจราจรด้านหน้าบช.น.แทน
พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวต่อว่า ในช่วงเทศกาลนี้ทุกพื้นที่ของกรุงเทพฯจะต้องเป็นพื้นที่ปลอดภัย โดยเฉพาะพื้นที่จัดกิจกรรมเคานต์ดาวน์สำคัญ ที่ได้สั่งการให้ติดตั้งประตูสแกนตรวจจับโลหะทุกทางเข้าออก เพื่อไม่ให้มี ผู้พกอาวุธหรือสิ่งผิดกฎหมายหลุดรอดเข้าไปในบริเวณที่จัดงาน อย่างไรก็ตามยืนยันว่าจากการข่าวเบื้องต้นยังไม่พบการเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อความไม่สงบ และประเทศไทยไม่ใช่ประเทศเป้าหมายของกลุ่มดังกล่าว แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ประมาทจะรักษาความปลอดภัยให้ประชาชนอย่างเต็มที่ในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้
ที่บช.น. พล.ต.ท.ศานิตย์ แถลงผลระดมกวาดล้างอาชญากรรม อาวุธปืน อาวุธปืนสงคราม เครื่องกระสุนปืน และวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน ของบก.น.1-9 บก.สปพ. ระหว่างวันที่ 18-22 ธ.ค.ในพื้นที่กรุงเทพฯ เพื่อป้องกันเหตุและปราบปรามอาชญากรรมต่างๆ ตลอดจนเป็นการสร้างความเชื่อมั่นช่วงเทศกาลวันคริสต์มาส และเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ 2559
พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวว่า สามารถจับกุมคดีเกี่ยวกับอาวุธปืนจับกุมผู้ต้องหาได้ 70 ราย อาวุธปืนของกลาง 63 กระบอก แบ่งออกเป็น อาวุธปืนมีทะเบียน 9 กระบอก อาวุธปืนไม่มีทะเบียน 54 กระบอก กระสุนปืนชนิดต่างๆ 521 นัด วัตถุระเบิด 6 ลูก คดีเกี่ยวกับยาเสพติดจับกุมผู้ต้องหาได้ 434 ราย และคดีเกี่ยวกับกลุ่มบุคคลที่เอาเปรียบนักท่องเที่ยว บุคคลปล่อยเงินกู้นอกระบบ บุคคลเป็นนายทุนเกี่ยวข้องกับบุคคลต่างด้าว บุคคลที่เป็นเครือข่ายผู้มีอิทธิพล การพนัน สถานบริการ การ กระทำความผิดเกี่ยวกับพ.ร.บ.สุรา พ.ศ.2493 และคดีอื่นๆ รวมจับกุมผู้ต้องหา 664 ราย
พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวด้วยว่า นอกจากนั้นได้ร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่บก.จร. ได้สั่งการกรณีการตรวจสอบสถานบันเทิงเพื่อไม่ให้เกิดเหตุเพลิงไหม้เหมือนซานติก้าผับ เมื่อปี 2552 รวมถึงตรวจสอบพื้นที่สุ่มเสี่ยง เพื่อเฝ้าระวังความปลอดภัยให้ประชาชนและ นักท่องเที่ยวมาท่องเที่ยวในกรุงเทพฯในช่วงเทศกาลปีใหม่
พล.ต.ท.ศานิตย์ ยังกล่าวถึงกรณีสน.ลำผักชี ริเริ่มโครงการล้างใบสั่ง ปรับ 100 บาทว่า ตนเห็นเป็นโครงการที่ดี จึงสั่งการให้บก.น.1-9 และบก.จร. รวมทั้งตำรวจ 88 สถานีทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ ร่วมกันเดินหน้าตามโครงการนี้ เพื่อให้แนวทางปฏิบัติเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน นอกจากนี้การล้างใบสั่งยังเป็นการป้องกันไม่ให้ประชาชนไปก่อความผิดซ้ำซ้อน ในกรณีที่ไม่มีใบอนุญาตขับขี่แล้วไปแจ้งความเท็จ จะทำให้มีโทษสูงถึงจำคุก 2 ปี โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ ประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนา จะได้มีเอกสารให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ซึ่งการเรียกตรวจในช่วงเทศกาลจะต้องตรวจสอบกันอย่างเข้มข้น เพื่อป้องกันปัญหาอาชญากรรม หรือปัญหาอื่นๆ ที่อาจจะตามมา
พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวอีกว่า ประชาชนที่ทำผิดกฎจราจรและถูกยึดใบขับขี่ สามารถติดต่อได้ที่สถานีตำรวจพื้นที่ที่ถูกจับได้ ตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค. ถึง 15 ม.ค.2559 เป็นระยะเวลา 21 วัน หากพ้นระยะเวลาดังกล่าว จะต้องจ่ายค่าปรับในอัตราที่กระทำความผิด หรืออาจขยายเวลาโครงการดังกล่าว ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของเจ้าหน้าที่เปรียบเทียบปรับตามความเหมาะสม
พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวว่า สำหรับโครงการล้างใบสั่งปรับ 100 บาท จะดำเนินการได้เฉพาะในความผิดที่กำหนดโทษปรับไว้ไม่เกิน 1,000 บาทเท่านั้น อาทิ ไม่สวมหมวกนิรภัย อุปกรณ์ส่วนควบไม่ครบ ไม่พกใบอนุญาตขับขี่ ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย เป็นข้อหาที่ไม่ได้ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ส่วนรวม ส่วนในข้อหาที่สร้างความเดือดต่อผู้อื่น ส่งผลกระทบด้านการจราจรไม่ว่าจะเป็นจอดรถกีดขวาง จอดรถในที่ห้ามจอด ขับรถบนทางเท้า นำรถที่ด้อยสมรรถนะมาขับ และเมาแล้วขับ ได้สั่งกำชับว่าต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย ทั้งนี้ตำรวจนครบาลและกองบังคับการตำรวจจราจร ไม่ได้มุ่งหวังในเงินรางวัลนำจับเพียงอย่างเดียว แต่มีจุดประสงค์ เพื่อเป็นการป้องกันประชาชนเท่านั้น